Pages

Long Live The king

Long Live The king
Showing posts with label ร้อยแปดพันเก้า. Show all posts
Showing posts with label ร้อยแปดพันเก้า. Show all posts

October 04, 2012

ควรรู้อะไรบ้าง ถ้าจะหมั้นกับใครสักคน


ควรรู้อะไรบ้าง ถ้าจะหมั้นกับใครสักคน แปลกใจนิดหน่อย
เมอร์ลิน ร้อยแปดพันเก้า ไทยรัฐ

เมื่อเหลือบไปเห็นข้อมูลจากหน้าวิทยาการแจ้งว่า
นักจิตวิทยาของมหาวิทยาลัยยอร์กสำรวจความคิดเห็นของชาย-หญิง จำนวนกว่า 1 หมื่นคน
ตามชาติต่างๆ
พบว่าทั้งบุรุษและสตรียุคปัจจุบันต่างเปลี่ยนความเห็นในเรื่องของการเลือกคู่ครองไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง

หัวหน้าคณะนักสำรวจกล่าวว่า แต่ก่อนผู้หญิงมักหมายตาผู้ชาย
(ที่หล่อนหวังคว้ามาเป็นแฟน) กันที่ความร่ำรวย หรือพูดง่ายๆ
ผู้หญิงจะมองหาแฟนด้วยการให้ความสำคัญไปที่เรื่องของฐานะทางการเงินเป็นสำคัญ
เพื่อจะได้ลงทุนกับการศึกษาของลูกได้อย่างเต็มที่ ทว่าสิ่งที่พบใหม่
ปรากฏว่าสาวๆต่างเปลี่ยนความคิดตรงนี้ไปแล้ว โดย
หันมาให้ความสำคัญกับรูปร่างหน้าตาของบุรุษมากขึ้น
โดยเฉพาะในอังกฤษหรือกลุ่มชาติสแกนดิเนเวีย โอ้มายก็อด แสดงว่า
ถ้าหนุ่มคนไหนหน้าตาดีก็จะมีสาวๆตอมกันตรึมละสิ (แต่เชื่อดิ
ผู้หญิงที่อยากได้แฟนรวยก็ยังมี เพราะผู้ชายเอง บางคนก็อยากมีแฟนรวย
ไม่ใช่ว่าเขาไม่คิดงี้นะ)

เอาเล่าต่อ...ด้านฝ่ายชายก็หันไปให้ความสำคัญกับคุณสมบัติทางด้านสติปัญญาของผู้หญิง
ยิ่งกว่า ส่วนโค้งส่วนเว้า หรือเสน่ห์ ปลายจวักกันมากขึ้น
เห็นมะ...หนุ่มๆสมัยนี้ถ้าจะมีแฟนเป็นตัวเป็นตน ไม่ใช่เอาไว้ควงเล่นๆ
หรือเป็นกิ๊กชั่วคราว เขามักเลือกผู้หญิง ที่เป็นเวิร์กกิ้ง วูแมน
ทำมาหาเลี้ยงตัวเองได้ และจะยิ่งยอดเยี่ยมเข้าไปใหญ่
หากหล่อนมีรายได้เหลือเฟือมาช่วยกันลงขันเลี้ยงดูปูเสื่อสมาชิกในครอบครัวด้วย
เพราะผู้ชายก็ยังปากกัดเท้าถีบเพื่อหารายได้มาเลี้ยงตัวเองเหมือนกัน
ดังนั้นขืนเลือกแฟนสาวที่คอยพึ่งพารายได้จากเขาก็แย่น่ะซี
ขนาดหนุ่มฐานะดีบางคนยังไม่อยากมีแฟนที่วันๆ เอาแต่ช็อปปิ้งและรักสวยรักงาม
จนไม่ยอมทำงานทำการเล้ย แล้วนับประสาอะไรกับหนุ่มฐานะธรรมดา จะไม่คิดหาแฟน
เพื่อช่วยกันสร้างครอบครัวละเนอะ!
อย่างไรก็ตาม ถ้าบอกว่า
ผู้ชายไม่สนใจหน้าตาของเพศตรงข้ามที่เขาอยากคว้ามาเป็นแฟนซะเลย คงเป็นไปไม่ได้
เพราะยังไง้ ยังไง ผู้ชายคนไหนก็อยากมีแฟนหน้าตาดีด้วยกันทั้งนั้น
เพียงแต่ไม่ต้องสวยเลอเลิศมากมาย ขณะเดียวกัน
ผู้หญิงคงไม่เลือกแฟนแต่เฉพาะตรงที่เขาหล่ออย่างเดียว เพราะขืนหล่อมาก
ก็ย่อมมีสาวๆมาติดอกติดใจมากตามไปด้วย อีกอย่างหากหน้าตาดีแต่ตกงานก็ยิ่งไปกันใหญ่

ทีนี้การเป็นแฟนกันของหนุ่มสาวสมัยนี้ เห็นบางคู่เป็นแฟนกันเร็วมาก
ยังไม่ทันได้คบหาดูใจนานนักก็ขอเป็นแฟนกันแล้ว
แต่ใครจะเป็นแฟนกันด่วนจี๋แค่ไหนก็แล้วแต่สไตล์ใคร สไตล์มัน

กระนั้น หวังว่าคุณผู้หญิงคงไม่รีบร้อนที่จะมั่นหมายกับแฟนหนุ่มหรอกนะ
เพราะก่อนที่คุณจะหมั้นกับใคร คุณควรรู้จัก “ตัวตน” ของเขา (ได้แก่
ว่าที่คู่หมั้นฝ่ายชาย) ให้ดีซะก่อน อย่าเพิ่งผลีผลาม “รับหมั้น”
กับหนุ่มที่ไหนก็ไม่รุ
ด้วยเหตุผลเพียงว่าเขาเข้ามาในจังหวะที่ฝ่ายหญิงกำลังกลัวว่าตัวเองจะขึ้น
คานอยู่พอดี พอเขาพูดสะกิดเรื่องมั่นหมายกันขึ้นมาจึงตอบตกลงซะเลย โถๆๆ
อย่าร้อนรนขนาดนี้เชียว

งั้นมาดูกันว่า คนเราควรรู้อะไรเกี่ยวกับตัว ว่าที่คู่หมั้นของตัวเองบ้าง
เริ่มจาก...

1. เขาเคยผ่านการแต่งงานมาแล้วหรือยัง? เป็นพ่อม่ายรึเปล่า? หรือว่าเป็นโสดซิงๆ

ทำไมถึงควรรู้.....เพราะถ้าคุณไปประกาศบอกข่าวเรื่องที่คุณจะมั่นหมายกับใครให้เพื่อนหรือญาติพี่น้องฟังละก็
รับรองพวกเขาจะซักไซ้ไล่เลียงถามถึง “ว่าที่คู่หมั้นของคุณ” แน่นอน
ดีไม่ดีงานนี้คุณอาจต้องตอบคำถามซ้ำไปซ้ำมาหลายเที่ยว เพราะจะโดนถามแล้วถามอีก
ดังนั้นเตรียมตัวให้พร้อมไว้ก่อนดีกว่า

แถมการรู้ว่า เขาเคยแต่งงาน มาแล้วหรือไม่? ยังทำให้รู้ด้วยว่า
เขามีลูกติดด้วยหรือเปล่า? และคุณต้องทำหน้าที่เป็นแม่เลี้ยงไหม?
แต่ถ้าเขาเป็นโสดไม่มีเรือพ่วง ก็แล้วไป การปรับตัวให้เข้ากันก็อีกแบบนึง

2. เขาปฏิบัติต่ออิสตรีในชีวิตของเขาอย่างไร?

ในกรณีนี้ให้พิจารณาดูว่า เขามีความผูกพันและรักใคร่กับคุณแม่, พี่สาว,
น้องสาวของเขาแค่ไหน? ถ้าสมาชิกในครอบครัวของเขารักใคร่สมัครสมานกลมเกลียวกัน
แถมเขายังดูแลคุณแม่เป็นอย่างดี และไม่ละเลยพี่สาวหรือน้องสาว (ถ้ามีด้วย)
ก็ขอให้สาวที่ถูกเขาคนนี้ขอหมั้นให้รีบหมั้นไปเลย เพราะแสดงว่า
เขาน่าจะปฏิบัติต่อสาวคนรักเป็นอย่างดี ไม่ต่างจากสมาชิกในครอบครัวไง

3. เขามีแนวคิดเกี่ยวกับการแต่งงานครองคู่อย่างไร?

ถ้าหากฝ่ายหญิงไม่ลองถามฝ่ายชายดู ก็คงไม่ทราบหรอกว่า
เขามองเรื่องของความรักและการแต่งงานไว้ว่าเป็นอย่างไรกันแน่? เช่น
เขามองว่าคนเราควรแต่งงานครั้งเดียวหรือเปล่า?
หรือว่าคนเราสามารถแต่งงานได้หลายครั้ง
อันนี้แค่ทดสอบว่าเขามีทัศนคติเกี่ยวกับการแต่งงานอย่างไร ถ้าเขามองว่า
คนเราควรแต่งงานหนเดียวพอ เออ...อย่างนี้น่าคบ ไว้เป็นคู่หมั้นนะ
กระนั้นหวังว่าเขาจะไม่ฉลาดแกมโกง หรือปากหวาน (แต่ปากกับใจไม่ตรงกัน)
จึงตอแหลอะไรก็ได้ เพื่อให้ฝ่ายหญิงตายใจแล้วกัน ต้องพิสูจน์กันที่ความจริงใจด้วย

หรือถ้าฝ่ายหญิงอยากรู้ว่า เขาอยากมีลูกกี่คน?
แล้วมันเป็นจำนวนที่ตรงกับใจที่คุณคิดไว้หรือเปล่า? น่าถามดูนะ
เผื่อหนุ่มบางคนบอกอยากมีลูกหลายคน แต่ไม่ได้ดูฐานะตัวเองเลยว่า
ขืนมีขนาดนั้นแล้วสามารถเลี้ยงไหวแน่เหรอ?
ตรงนี้ทั้งสองฝ่ายจึงควรคุยกันซะให้เรียบร้อย จะได้ไม่ผิดใจกันภายหลัง

4. เขาขยันทำมาหากินไหม?

ข้อนี้สาวคนไหนไม่อยากรู้ก็แย่แล้ว
ถ้าฝ่ายหญิงได้คู่หมั้นที่ขยันขันแข็งทำงานทำการละก็ ต่อให้ฝ่ายชายมีฐานะธรรมดา
ไม่ถึงกับรวยหรือเป็นอาเสี่ย ก็มีแววว่า ทั้งคู่สามารถช่วยกันสร้างฐานะได้
เห็นมาหลายคู่แล้วที่หากผู้ชายขยันซะอย่าง
มักพลอยทำให้พ่อแม่ของหญิงชอบผู้ชายลักษณะนี้ไปด้วย

5. เขาหวังให้ฝ่ายหญิงเปลี่ยนแปลงไปหลังจาก แต่งงานกันแล้วแค่ไหน?
ถ้าเขาอยากให้คุณเป็นยอดหญิงที่ไม่พูดมากไม่ถามเยอะคอยปรนนิบัติเขาสารพัดละก็
คุณพร้อมจะเป็นอย่างที่เขาต้องการไหมล่ะ.

@@@ไทยรัฐออนไลน์
  โดย เมอร์ลิน
  30 กันยายน 2555

วิธีง่ายๆที่ทำให้ชาย เป็นแฟนที่แสนดี


วิธีง่ายๆที่ทำให้ชาย เป็นแฟนที่แสนดี ร่ำลือกันว่า
เมอร์ลิน  ร้อยแปดพันเก้า ไทยรัฐ

ชายที่ทำให้ผู้หญิงเข็ดขยาดไม่อยากเข้าใกล้ และไม่อยากได้มาเป็นแฟน
นอกจากจะได้แก่ผู้ชายขี้จุ๊ หรือพวกชอบโกหก มุสาวาจาเพื่อเอาตัวรอด
หรือโกหกเพื่อหลอกลวงต่างๆนานา
ซึ่งถือว่าเป็นพฤติกรรมฉ้อฉลเพราะแสดงออกอย่างเด่นชัดว่า
ไม่ซื่อสัตย์หาความจริงใจไม่ได้แล้ว

ยังรวมไปถึงผู้ชายประเภทชอบยกยอปอปั้นตัวเอง (ยกหางตัวเอง) ว่า เก่งอย่างนั้น
ดีอย่างนี้ บางทีนำตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่นๆแล้วก็คุยโวว่า เขาวิเศษกว่าคนนั้น
คนนี้ เช่น ผมมีเงินเดือนมากกว่า, มีรถสปอร์ตคันหรูสามารถขับไปส่งน้องหญิงได้,
พ่อแม่ของผมเป็นคนกว้างขวางมีฐานะมีเส้นสายเยอะ
ถ้าน้องเป็นแฟนพี่ละก็สบายไปทั้งชาติ โอ้โฮเฮะ.....เล่นคุยโวถึงขนาดนี้
ที่จริงฟังดูดีนะ...ถ้าเขาเป็นลูกคนใหญ่คนโตและรวยจริง

แต่ถ้าเขาพูดยกตนข่มท่านให้ได้ยินบ่อยมากเกินไป ย่อมทำให้คนฟังเซ็งได้เหมือนกัน
เพราะไม่แน่ใจว่า เขาอยากจีบเธอหรือเขาอยากจะบอกหล่อนว่า เขาเหนือกว่าหล่อนกันแน่?
ยิ่งหากสาวใดไปสืบรู้มาว่า เขาไม่ได้ “มีดี”
อย่างที่คุยโวไว้ละก็เธอคงอยากเดินหนีหนุ่มลักษณะนี้มากกว่าอยากคบไว้แหงๆ

แต่ที่เล่ามาเนี่ย อยากบอกตรงนี้ต่างหากว่า
ในเมื่อผู้หญิงทนนิสัยของผู้ชายบางคนไม่ได้ ในทางกลับกัน
ผู้ชายเองก็ทนกับผู้หญิงบางคนไม่ได้เช่นกัน เช่น
ผู้ชายวัยสร้างเนื้อสร้างตัวจะชอบผู้หญิงที่มีความสามารถ มีงานมีการทำ
เป็นเวิร์กกิ้งวูแมน มากกว่าผู้หญิงที่ทำตัวเป็นคนสมองกลวง
หน่อมแน้มเบบี๋ไม่เข้าเรื่อง แถมยังคิดว่าตัวเองน่ารัก เป็นต้น อ้อ
อีกอย่างอย่าเห็นเขาเป็นตู้เอทีเอ็มยิ่งดี!

กระนั้นรู้หรอกน่าว่า ผู้ชายที่มีความรับผิดชอบและมีความเป็นผู้นำ
หากกำลังจีบสาวแล้วเอ่ยปากชวนหล่อนไปเดทด้วยกัน
คงไม่ปฏิเสธที่จะออกค่าใช้จ่ายในการเดทหรอกนะ เพราะนี่เป็นการบอกให้รู้ว่าเขาเป็น
สุภาพบุรุษ ยังไงล่ะ แต่แปลกนะ มีชายบางคนเป็นฝ่ายชวนสาวไปเดทด้วยแท้ๆ
กลับมาคิดเล็กคิดน้อยว่า ผู้หญิงควรเป็นฝ่ายรับผิดชอบค่าเดทบ้างสิ

โถ...ใครเป็นฝ่ายเสียค่าใช้จ่ายในการออกเดทนั้น เท่าที่ทราบ
ผู้ชายส่วนมากไม่ยึกยักที่จะรับผิดชอบตรงส่วนนี้
โดยเฉพาะถ้าเขาดันเข้าหาและชวนเธอก่อน มักจะแมนๆ ยอมจ่ายเพื่อให้ได้ใจสาว
แต่ถ้าไปเดทกันบ่อยขึ้น แล้วสาวเป็นฝ่ายชวนเขาก่อนบ้าง
ตรงนี้คุณเธอน่าจะมีน้ำใจช่วยเขาหารค่าใช้จ่ายบ้าง

ทีนี้มาดูกันดีกว่าว่า มีพฤติกรรมหรือการกระทำอะไรของผู้ชายบ้าง
ที่ทำให้ผู้หญิงปลื้มและภูมิใจเป็นอย่างมากที่ได้เขามาเป็นแฟน มาเป็นคนรัก
และเป็นคู่ชีวิต กันเถอะ

ว่าแล้ว แฟนที่แสนดีในสายตาของผู้หญิงเป็นอย่างไร? ขอเฉลยว่า
บุรุษคนนั้นมักทำสิ่งต่างๆ ให้แฟนสาว ดังต่อไปนี้ เช่น 1. ช่วยเธอทำงานบ้าน
โดยที่เธอไม่ได้เรียกร้อง แต่เขาเต็มใจทำเพื่อเธอ

ยกตัวอย่าง ถ้าเขาเห็นฝ่ายหญิงกำลังล้างจานหลังจากทั้งคู่นั่งดู๋ดี๋ทานข้าวด้วยกัน
หากฝ่ายชายมีน้ำใจและเกรงว่าแฟนของเขาจะเหนื่อยเกินไป
เขาจึงตัดสินใจหยิบฟองน้ำและจานที่ยังไม่ได้ล้างมาล้างซะ เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระ
แถมยังส่งยิ้มให้ อย่างนี้สิ ถึงได้เป็นแฟนแสนดีที่ผู้หญิง (ทุกคน) ปรารถนา
ยิ่งถ้าเขาช่วยแบ่งเบางานบ้านในด้านอื่นด้วย เช่นช่วยซักผ้า
ซึ่งสมัยนี้การซักผ้าไม่ใช่เรื่องยากแค่นำเสื้อผ้าที่ใส่แล้วยัดลงไปในเครื่อง
หรือหากใครพิถีพิถันหน่อย  จะนำเสื้อผ้ามาซักมือก่อนนำไปใส่เข้าเครื่องได้ยิ่งดี
เอาเป็นว่า หากเขาไม่นิ่งดูดาย และช่วยเธอทำงานบ้าน ไม่ว่าด้านใด ถือเป็น
“สุดยอดแฟน” ทั้งนั้น

2. ทำให้ฝ่ายหญิงรู้สึกว่าเธอเป็นคนสำคัญสำหรับเขาเสมอ

เช่น ฝ่ายชายเล่าถึงความลับของเขาที่ไม่สามารถเล่าให้คนอื่นฟังได้
แต่เขากลับเล่าให้คุณ (ซึ่งเป็นแฟนสาว) ฟัง แสดงว่า ถ้าเขาไม่ไว้ใจ
เขาคงไม่เล่าให้ฟังหรอก

หรือถ้าเขาได้รับการโปรโมตให้รับตำแหน่งในหน้าที่การงานที่ก้าวหน้าขึ้น
จึงรีบโทรศัพท์มาบอกคุณเป็นคนแรกก่อนบอกเพื่อนหรือญาติ
อย่างนี้แฟนสาวก็น่าจะรู้แล้วนะว่าคุณสำคัญสำหรับเขาแค่ไหน
อีกอย่างการให้ความสำคัญกับฝ่ายหญิงยังรวมถึงการยกย่องให้เกียรติเธอด้วย

3. จดจำวันพิเศษได้บ้าง ไม่ถึงกับต้องทุกเทศกาล แค่วันพิเศษที่สำคัญจริงๆ
วันเกิดของเธอ และวันครบรอบแต่งงาน หรือวันครบรอบการบอกรัก แค่นี้เธอก็แฮปปี้แล้ว

4. เป็นกำลังใจ ยามที่เธอต้องการ

ถ้าเธอมีทุกข์ทางใจหรือเดือดร้อนเรื่องอะไร
แฟนหนุ่มควรพร้อมที่จะรับฟังปัญหาของเธอบ้าง
ไม่ใช่ว่าพอหล่อนกำลังจะอ้าปากเล่าบางอย่างให้ฟัง เขากลับรีบบอกว่า ตอนนี้ไม่ว่าง
เอาไว้คุยกันวันหลังได้ไหม?.....ซึ่งมันก็ได้อ่ะนะ ถ้าเขามีภารกิจรัดตัวจริงๆ
แต่ถ้าเขารีบพูดตัดบทเพราะไม่อยากรับฟังปัญหาของแฟนสาวละก็
โอ๊ย.....แล้วผู้หญิงคนไหนจะชอบชายแบบนี้ละ
ควรมีสุขร่วมเสพและมีทุกข์ร่วมต้านมากกว่านะ

5. รู้จักขอโทษเมื่อรู้ตัวว่าทำผิด
อย่าทำผิดแล้วทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้, ทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น หรือเดินหนีไป
แหมใครๆก็ผิดกันได้ ฝ่ายชายควรตระหนักถึงสิ่งนี้เอาไว้
เพราะไม่งั้นแล้วคงอยู่ด้วยกันได้ไม่นาน

6. โกนหนวด โกนเคราซะบ้าง อย่าปล่อยให้รกรุงรัง หน้าตาเกลี้ยงเกลายังดูสะอาดด้วยนะ

7. มีความมั่นใจในตัวเอง ไม่อ่อนแอ, เหยาะแหยะแต่เข้มแข็งและมีความเป็นผู้นำ
และไม่ควรเป็นหนุ่มกร่าง ดิบ เถื่อน หรือชอบใช้กำลังเวลาไม่พอใจ
อย่างนี้ก็ไม่ไหวเหมือนกัน

8. ไม่ใช้จ่ายเกินตัว และไม่สร้างหนี้สินมากเกินกำลังที่ตัวเองจะผ่อนไหว
ยิ่งประเภทคิดว่าตัวเองเป็นหนี้แล้วรอให้ฝ่ายหญิงมาปลดหนี้ให้ละก็
ขืนเป็นงี้แล้วจะเป็นแฟนที่ดีได้ไง?

@@@ไทยรัฐออนไลน์
  โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์
  23 กันยายน 2555

April 02, 2012

ทำไงดีหากมีแฟนเป็นหนุ่มขี้หลี

ทำไงดีหากมีแฟนเป็นหนุ่มขี้หลี ? เคยสงสัยไหมว่า
ทำไมผู้หญิงบางคนถึงอยากไปทำศัลยกรรมเสริมทรวงอกกันเหลือเกิน?
มันมีผลต่อการสร้างแรงดึงดูดให้เพศตรงข้ามเข้าหาหรือไง?
จึงทำให้พวกเธอตัดสินใจพึ่งการทำศัลยกรรมพลาสติกเพื่อให้ตัวเองดูอึ๋มขึ้น
เนื่องจากเชื่อว่าการทำเช่นนี้ (มีหน้าอกบิ๊กไซส์) จะเป็นที่ต้องตา
ต้องใจของชายหนุ่ม

ซึ่งคำตอบน่าจะเดากันได้ว่า ก็แน่ละสิ ที่ผู้หญิงพยายามทำงานเก็บหอมรอมริบ
แถมยังยอมเจ็บตัวไปเสริมซิลิโคน บางทีก็ทำไปเพื่อเรียกร้องความสนใจจริงๆ
เพราะเชื่อว่าผู้ชายจะสังเกตสังกาและสะดุดตาผู้หญิงในแวบแรกก็ตรงหน้าอกของเธอนั่นแหละ
แต่ในกรณีของผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว การไปเสริมหน้าอกเพราะอยากให้แฟนรัก
แฟนหลงมากกว่าเดิม หรือรำคาญที่ถูกแฟนหนุ่มพูดมากเรื่องที่เธอหน้าอกเล็กก็ได้
จึงเกิดแรงฮึด ยอมเสียสตางค์เสียเวลาไปทำศัลยกรรมให้เขาเลิกบ่น
และจะได้ป้องกันไม่ให้ฝ่ายชายหาข้ออ้างไปมีอีหนูด้วย

นอกจากนี้ ผู้หญิงบางคนยังยอมรับว่า การมีหน้าอกไม่เล็กเกินไป
จนไม่ถูกล้อว่าเป็นสาวอกไข่ดาว แต่มีขนาดที่พอเหมาะพอควรนั้น
ช่วยทำให้พวกเธอ...มีความสุขและมั่นใจมากขึ้น เพราะเชื่อว่าตัวเองสวย

“ความรู้สึกว่าสวยขึ้นยังแบ่งเป็น 2 ระดับด้วยนะ” คุณปู
สาวที่เข้าใจความรู้สึกของเพศเดียวกันให้ความเห็นต่อไปว่า “ผู้หญิงเนี่ยพารานอยด์
(ไม่สบายใจ) นะ ถ้าทรวงอกเธอเล็กเกินไป ดังนั้น
ถ้าเธออยากหน้าอกใหญ่ขึ้นกว่าเดิมละก็
เชื่อได้ว่าเธอไม่ได้ทำเพื่อเสริมความมั่นใจของตัวเพียงฝ่ายเดียว
แต่ทำเพื่อคนที่เธอรักด้วย เรียกว่าสวยเพื่อคุณ ผู้ชายของเธอก็ได้
เพราะพวกผู้ชายน่ะชอบอวดเรื่องแฟนว่าของใครสวยกว่ากันจะตาย”

บอกตามตรงการที่ผู้หญิงให้ความสำคัญกับหน้าอกหน้าใจ
ก็ไม่ต่างกับการที่ผู้ชายให้ความสำคัญกับอาวุธประจำกายของตัวเองนั่นแหละ
ขืนของใครสั้นและเล็กก็จะรู้สึกมีปมทางใจ และดิ้นรนอยากใหญ่เช่นกัน

ฉะนั้น ขนาดจึงเป็นเรื่องสำคัญสำหรับบางคน แต่ไม่ใช่ความสุขทั้งหมดของชีวิต
เนื่องจากหลายคู่ยอมรับว่า ความรักและความผูกพันต่างหากที่สำคัญกว่า
ส่วนสังขารนั้นคือความไม่เที่ยง

อย่าลืมว่า คนจะงาม งามน้ำใจใช่ใบหน้า คนจะสวย สวยกิริยาใช่ตาหวาน!

โอเคล่ะ เมื่อคนเราประสบพบเจอกันครั้งแรก ย่อมสนใจกันที่รูปร่างหน้าตาก่อนอย่างอื่น
แต่เวลาจะเลือกคบใครอย่างจริงจัง คงไม่คำนึงถึงหน้าตาอย่างเดียวแล้ว
แต่อยากศึกษาไปถึงจิตใจลึกๆลงไปกว่านั้นด้วย

ทีนี้ปัญหาน่ารำคาญใจ โดยเฉพาะผู้หญิงเวลามีแฟน มักพบว่าแฟนของตัวชอบมองคนอื่น
หรือชอบชมคนอื่นบ่อยๆน่ะสิ แต่พอถามขึ้นมา อู้ยเขางี้ ชอบปฏิเสธว่าไม่จริ๊ง ไม่จริง
ทั้งๆที่เห็นกันตำตาขนาดนั้น แต่ยังปากแข็งอยู่ได้ว่าไม่ใช่
หรือไม่ก็หัวเราะกลบเกลื่อนไปเลย

อันที่จริงหากผู้ชายมองผู้หญิงอื่นบ้างก็เป็นเรื่องธรรมชาติ
ใครไม่อยากมองสาวอื่นที่สวยกว่า อึ๋มกว่า เซ็กซี่กว่าแฟนตัวเองล่ะ
แต่ชายก็มักขี้จุ๊

อยู่ได้ว่าไม่ได้มอง ไม่ได้ชม ไม่ได้สนกันทั้งปี

แบบนี้ถือว่าเป็นการโกหกซึ่งๆหน้า โอ้โห ขนาดแฟนสาวจับได้ไล่ทันก็ยังปฏิเสธอีก
ลักษณะนี้แหละที่ทำให้ผู้หญิงไม่ชอบ แถมสาวบางคนอาจคิดมากเตลิดไปไกลว่า แหม
เรื่องแค่นี้ก็ไม่ซื่อสัตย์กันซะแล้ว

แต่เอาน่ะ ฝ่ายหญิงที่มีแฟนเป็นเช่นนี้ก็อย่าคิดฟุ้งซ่านเกินไป และเชื่อว่า
ผู้หญิงส่วนใหญ่มักจะไม่ถือสาหาความกับแฟนหนุ่มในกรณีนี้มากมายนัก
เพราะไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย ขนาดที่ทำให้ต้องเลิกกันสักหน่อย
อย่างมากวิธีการลงโทษก็อาจผลักเขาแบบรู้ทัน ตบเขา (เบาๆ) หรืองอนใส่ ก็จบ
ด้านฝ่ายชายก็ควรตามไปหาวิธีง้องอนกันต่อ เพราะถ้าไม่ง้อจะยิ่งผิดสังเกต!

เอางี้ วิธีรับมือกับคำโกหกของผู้ชายที่ส่ออาการขี้หลีต่อหน้าแฟนสาวน่ะเหรอ
พวกไม่ยอมหยุดแจกขนมจีบทั้งที่มีแฟนแล้วนี่น่าตีจัง อย่างไรก็ตาม เห็นที
คุณสุภาพสตรีคงต้องพิจารณากันเป็นเคสๆไป เช่น... 1.ถ้าเขาแค่มีอาการหน้ามืดตามัว
ถูกกิเลสครอบงำเพียงชั่วคราว แล้วก็เพียงหันไปมองคนโน้นคนนี้
แบบให้ความสนใจเพียงแค่มอง ไม่ได้อยากเข้าไปรู้จักมักจี่
หรือถลาเข้าไปจีบสาวคนนั้นละก็ ปล่อยเขาไปเถอะ
บอกแล้วไงว่าอย่างมากก็ทำเป็นงอนเขาก็แล้วกัน
อย่าไปเก็บมาเป็นอารมณ์ให้ขุ่นเคืองใจจนเกินไป เดี๋ยวไม่สวยนะจะบอกให้

2.ถ้าเขาเอ่ยปากชมผู้หญิงอื่นที่สวยกว่า อึ๋มกว่า
และทรวดทรงองค์เอวดีกว่าก็ลองท้าเขาสิว่า ถ้าชอบก็ไปจีบหล่อนสิ...
ว้าย...แต่แค่พูดเล่นนะ ไม่ได้แนะให้ไปท้าจริง
แต่ถ้าใครจะทำจริงก็ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของแต่ละคนงั้นถ้าเขาชมผู้หญิงอื่นได้
คุณก็ลองชมผู้ชายคนอื่นที่มีคุณสมบัติเหนือกว่าเขาดูบ้างสิ ดูดิ เขาจะคิดอย่างไร?
งอนคุณ หรือไม่พอใจคุณไหม? หากเขาเป็น ก็อธิบายให้เขาฟังแล้วกันว่า
คุณก็ไม่ชอบเหมือนกัน แล้วค่อยๆคุย เพื่อสร้างความเข้าใจ
อย่าได้ถือคติยอมหักไม่ยอมงอเชียวนะ โถเรื่องแค่นี้จิ๊บจ๊อย

3. หากเขาแสดงความสนใจในตัวผู้หญิงคนอื่น ชนิดอยากจีบเธอคนนั้นอย่างจริงจัง
แต่ยังทำเป็นไม่กล้า
หรือกลบเกลื่อนด้วยการเฉไฉละก็เชื่อว่าผู้หญิงที่มีแฟนแล้วทุกคนมีสัญชาตญาณที่ประเมินได้ด้วยตัวเองทั้งนั้นนะว่า
แฟนของคุณกู่ไม่กลับและถลำลึกไปมากน้อยแค่ไหนแล้ว
เนื่องจากพวกเจ้าชู้มักเก็บอาการนี้ไม่ค่อยมิด จะมีแววตา, มีคำพูด,
มีอากัปกิริยาให้จับได้ไล่ทัน ซึ่งหากสาวใดรับได้กับความเจ้าชู้ของเขาก็แล้วไป
ตรงข้ามถ้ารับไม่ได้ เพราะส่อแววว่าเขาพยายามจีบเพื่อนของคุณ
ไอ้หยาขืนมักง่ายอยากได้มาก อุ๊ยต๊ายตาย แล้วฝ่ายหญิงจะทนไหวอีกหรือ?

เมอร์ลินไทยรัฐออนไลน์
  โดย เมอร์ลิน
  1 เมษายน 2555, 05:00 น.

March 19, 2012

ทำไมบางคู่ถึงเป็นแฟนกันได้นาน

?
แนวโน้มของผู้คนในอนาคต มีความเป็นไปได้ว่าจะแต่งงานกันช้ากว่าเดิม
ซึ่งแนวโน้มนี้จะเห็นชัดเจนในสังคมของโลกตะวันตก
ที่คู่เลิฟชายหญิงกว่าจะสู่ขอและแต่งงานกันได้ เค้าใช้เวลาดูใจกันไม่น้อยเลยทีเดียว
บางคู่งี้ ควงกันมานาน แต่ยังไม่คิดจะแต่งงานให้เป็นเรื่องเป็นราวก็มี

ยกตัวอย่าง คู่ของนักร้องสุดหล่อ เจ้าของเพลงฮีโร่
ที่เคยมาเปิดการแสดงคอนเสิร์ตในบ้านเรา และเป็นขวัญใจของสาวๆ อย่าง เอนริเก้
อิเกลเซียส ที่คบหาดูใจกับ อดีตนักเทนนิสสาวสวยชาวรัสเซีย แอนนา คูร์นิโควา
ก็แล้วกัน

ทั้งคู่มีข่าวเป็นแฟนกันมานานแล้ว นับไปนับมาปีนี้ก็คบกันทำสถิติเป็นปีที่ 11 แล้ว
แต่ข่าวคราวของทั้งคู่ในบ้านเรามีบ้าง ไม่มีบ้าง จึงอาจทำให้แฟนเพลงคิดว่า
พวกเขาเลิกกันไปแล้วก็ได้ เพราะรักมาราธอนเหลือเกิน แต่ทั้งสองยังรู้สึกว่า
“รักของเรายังไม่เก่า” สักหน่อย จึงสามารถครองใจกันและกันไว้ได้อย่างเหนียวแน่น
แม้มีข่าวรักๆ เลิกๆ ให้ได้ยินเป็นพักๆ

กระนั้น แม้เป็นแฟนกันมา 11 ปี แต่จนป่านนี้ มีผู้สงสัยว่าทำไม้ ทำไม
ทั้งคู่จึงยังไม่แต่งงานกันสักที? เอนริเก้ไขข้อข้องใจ
ด้วยการตอบกระทู้ที่มีคนใจกล้าเอ่ยถามขึ้นมาเมื่อเร็วๆนี้ว่า ผมไม่คิดว่า
การเข้าสู่ประตูวิวาห์จะทำให้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม แต่พูดแบบนี้
อาจเป็นเพราะผมมาจากครอบครัวที่พ่อแม่หย่าร้างกันก็ได้ ทำให้ผมไม่คิดว่า
คุณจะรักใครมากขึ้นเพราะกระดาษแผ่นเดียว (หมายถึงการจดทะเบียนสมรสกัน) หรอก

นั่นก็เป็นความในใจของนักร้องคนดัง ที่แม้จะยังไม่แต่งงานกันตอนนี้
ก็ไม่ได้หมายความว่า ถ้าความรักสุกงอมมากๆเข้าแล้วจะไม่จูงมือกันวิวาห์นะ
เพียงแต่คู่นี้ยังพอใจที่จะคบกันแบบนี้ไปก่อน
เมื่อถึงเวลาอันควรที่จะสละโสดอย่างเป็นทางการ
แฟนเพลงก็คงได้เห็นคู่นี้เข้าสู่ประตูวิวาห์ในอนาคต

ว่าแต่ พอ พูดถึงชายหญิงที่เป็นแฟนกันนานๆ ก็ต้องให้เครดิตคู่ที่รักกันยาวๆนี้ละว่า
มีศิลปะในการครองคู่และครองรัก
เพราะถ้าไม่มีศิลปะในการคบกันหรืออยู่ด้วยกันแล้วไซร้ คงตัดสินใจแยกทางกันไปแล้ว
ไม่มีใครทนเป็นแฟนกันได้นานๆ โดยปราศจากแรงดึงดูดให้อยากเข้าใกล้กันหรอก
ยิ่งสมัยนี้ ผู้คนยิ่งมีความอดทนน้อยอยู่ด้วย ฉะนั้น
ถ้าคู่เลิฟไร้ฝีมือหรือขาดศิลปะในการอยู่ด้วยกันอย่างผาสุขแล้วละก็
ไม่ทันไรคงได้เลิกกันแหงๆ

และศิลปะอย่างนึงของการอยู่ด้วยกันไม่ว่าจะเป็นแฟนกันมานานแค่ไหนก็ตาม
แล้วยังทำให้อยากอยู่ด้วยกันต่อไปเรื่อยๆ ไม่เบื่อกันเร็ว เห็นจะได้แก่
การทำให้คนที่คุณรักมีความสุขนั่นเอง

ก่อนหน้านี้ หลายคนคิดว่า เวลาหนุ่มสาวจะคว้าใครสักคนมาเป็นแฟน พวกเขาจะเลือกคนที่
เพอร์เฟกต์ สมบูรณ์แบบเท่านั้น แต่เอาเข้าจริง
น้อยคนที่จะได้แฟนที่เพอร์เฟกต์ตรงตามสเปกอย่างที่ใจต้องการ
แต่แม้จะไม่ได้แฟนที่เพอร์เฟกต์ตรงตามสเปกอย่างที่คิดไว้
หลายคู่ก็พอใจกับชีวิตคู่ของตัวเองนะ เพราะพอมาคิดกันอีกหลายตลบ จะพบว่า
การมีแฟนที่มอบความสุขให้กับพวกเขาได้นั้นสำคัญกว่าความเพอร์เฟกต์ของแฟนเยอะทีเดียว

ดังนั้น คู่ที่สามารถครองรักและเป็นแฟนกันได้นานๆ
จึงมีเคล็ดลับอยู่ที่การขยันสร้างความสุขให้กับคนที่ตัวเองรัก...อย่าลืมซะล่ะ
งั้นมามะ มาขยันสร้างความสุขให้หวานใจของพวกเราด้วยการทำอย่างนี้กันไหม
เช่น...1.หาให้เจอว่า พวกคุณทั้งคู่ชอบอะไรที่เหมือนๆกันบ้าง
แล้วก็ทำกิจกรรมนั้นร่วมกัน

เช่น ถ้าฝ่ายหญิงรู้ว่า แฟนหนุ่มของเธอเป็นพวกบ้ารถ ชอบแต่งรถ ชอบดูแลรถ
และชอบขับรถไปเที่ยวที่โน่นที่นี่อยู่เสมอ ขณะเดียวกันฝ่ายหญิงก็ชอบเดินทางเช่นกัน
อย่างนี้สิ ถึงจะเป็นคู่สร้างคู่สม

ดังเช่นคู่ของนกกับบอย โดยบอยเล่าให้ฟังว่า ผมเป็นคนชอบขับรถครับ
ดังนั้นพอถึงวันหยุดที่มีโอกาสได้พักยาวๆ
ผมจะชวนนกแฟนสาวขับรถไปเที่ยวต่างจังหวัดไกลๆ ด้วยกันเสมอ บางทีก็ไปเชียงใหม่,
เชียงราย บางครั้งก็ล่องใต้ไปหาดใหญ่ สงขลา
โชคดีที่แฟนผมเป็นคนที่ชอบเดินทางเหมือนกัน เราจึงไปไหนๆ ด้วยกันได้
นกเป็นคนที่ชอบออกไปทำกิจกรรมกลางแจ้ง ไม่ค่อยห่วงเรื่องผิวพรรณมากมาย
ไอ้เรื่องห่วงสวยน่ะ ผู้หญิงห่วงเรื่องนี้ทุกคน แต่เธอพร้อมที่จะผจญภัย
อย่างนี้สิครับที่ผมชอบ ผมคิดว่า คู่รักควรมีรสนิยม
ความชอบในบางอย่างที่เหมือนกันบ้าง จะได้ทำกิจกรรมนั้นด้วยกันได้ นี่สิ
ถึงจะสุขใจครับ

2. สรรหาสิ่งต่างๆมาคุยกันทุกวันมีคู่รักมากมาย ที่พอใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันนานๆเข้า
จากที่เคยพูดคุยกันเป็นประจำ
กลายเป็นความจำเจและหยุดคุยหรือไม่รู้จะสรรหาอะไรมาคุยกันซะงั้น
เหตุนี้จึงไม่น่าแปลกใจที่มักพบว่า คู่รักที่ไม่ค่อยคุยกันจะรู้สึกโดดเดี่ยว
ห่างเหิน และขาดความเข้าอกเข้าใจผิดกับคู่ที่พูดคุยกันบ่อยๆ
จะมีเยื่อใยและเอื้ออาทรต่อกันมากกว่า

ดังนั้น ถ้าคู่เลิฟฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดรู้ว่า แฟนเป็นคนพูดน้อย
ฝ่ายนั้นก็ควรหาเรื่องชวนคุยกับแฟนให้มากเข้าไว้ ชวนเขาคุยเรื่องสัพเพเหระ เช่น
งานอดิเรก, อัพเดตเรื่องเพื่อนฝูง, สอบถามถึงงานที่เขาทำ ฯลฯ แต่ขอบอกซะก่อนว่า
การชวนคุย ไม่ใช่การพูดมาก หรือไปจ้ำจี้จ้ำไชให้เขาทำนู่นทำนี่ให้
และไม่ใช่การตำหนิติเตียน แต่ชวนคุยเพื่อสร้างบรรยากาศให้คนรักรู้สึกว่า
ในโลกนี้เขายังมีคุณเป็นเพื่อนสนิทที่สุดต่างหากล่ะ

3. หาโอกาสทำอะไรสนุกๆ ด้วยกันผู้ชายหลายคนสารภาพว่า พออยู่กับแฟนไปนานวันเข้า
ความตื่นเต้นก็ดูจะลดน้อยถอยลงตามกาลเวลา ดังนั้น พวกเขาจึงรู้สึกดีมากๆ
หากแฟนสาวจะ โทร.มาหาเขาที่ทำงานแล้วบอกว่า ที่รักคะ คืนนี้เรามาทำอะไรสนุกๆ
กันดีไหม? ทันใดนั้น ก็นัดแนะฝ่ายชายให้มารับ แล้วค่อยเฉลยว่า
เธอได้สั่งซื้อตั๋วเข้าชมฟุตบอลทีมโปรดของเขาที่ลงแข่งในคืนนี้แล้ว
โดยที่เขาไม่ทันรู้ ล่วงหน้า แค่นี้ก็สร้างรอยยิ้มให้กับพ่อเจ้าประคุณได้แล้ว

4. แสดงความเสน่หาหวานใจบ่อยๆ
เพื่อให้ดาร์ลิ่งเชื่อมั่นในความรักที่มีให้ว่าไม่เคยจืดจาง เช่น
เซอร์ไพรส์ด้วยการเข้าไปกอดหรือหอมแก้มตอนที่หล่อนกำลังทำงานบ้าน โดยไม่จำเป็นว่า
จะต้องเป็นวันสำคัญ อย่างวันเกิดหรือวาเลนไทน์ถึงจะทำ
แต่เมื่อไหร่ที่คิดถึงหรืออยากให้รู้ว่ารักนะ ก็ทำได้ทันที เย้...


เมอร์ลินไทยรัฐออนไลน์
  โดย เมอร์ลิน
  18 มีนาคม 2555

March 11, 2012

ขอหวานใจ แต่งงานที่ไหนดี?

ถ้าคุณรักใครสักคนขึ้นมา
จะใช้เวลารวบรวมความกล้านานแค่ไหนถึงจะบอกรักเขา? ถามเนี่ย
เพราะสังเกตสังกามานานแล้วว่า ผู้คนส่วนใหญ่จะพูดคำว่ารักกับใครนั้นยากพอสมควร

เนื่องจากคนเรามักเขินที่จะบอกว่า ชอบ หรือรัก เพราะบางทีก็ไม่แน่เหมือนกันนี่ว่า
อีกฝ่ายหนึ่งจะคิดแบบเดียวกันไหม? ขืนพูดออกไป ถ้าอีกคนไม่เล่นด้วย
ไม่รู้สึกรู้สมในสิ่งที่เรารู้สึกกับเขาด้วยก็หน้าแหกไปเลยสิ

การจะพูดคำพวกนี้ออกมาจึงสร้างความรู้สึกกระดากและตะขิดตะขวงใจให้ทั้งผู้พูดและผู้ฟังอยู่ไม่น้อย
หลายคนจึงไม่ค่อยอยากพูดคำดีๆ เหล่านี้ออกมาเท่าไหร่ แต่หันไปแสดงอาการบอกรัก
หรือรู้สึกชอบพอ ด้วยวิธีอื่นแทน ส่วนวิธีที่ฮิตและใช้กันบ่อย มีหลายอย่างด้วยกัน
เช่น พูดเป็นนัยๆว่า ดูแลตัวเองให้ดีๆนะ, คิดถึงมาก, คิดถึงจัง,อยากอยู่ใกล้ๆ
ก็ว่ากันไป ส่วนบางคนจะส่งข้อความเป็น SMS ไปบอกว่า Miss U (คิดถึง)
ก็ล้วนตีความได้ว่า ถ้าไม่รักก็คงไม่เสียเวลามาส่งชอต แมสเสจ
หรือข้อความสั้นกันหรอก

ที่จริง การที่คนเราไม่ค่อยพูดคำว่ารักออกมา ก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย
เพราะขืนพูดคำว่า รักออกมาง่ายเกินไป หรือพูดแบบไม่ทันคิด
จะไปบั่นทอนมนต์ขลังของความรักให้ศักดิ์สิทธิ์น้อยลงตามไปด้วย และกลายเป็นว่า
คนที่ไม่ค่อยกล้าพูดคำนี้ แต่ถ้าหากพูดเมื่อไหร่
จะจริงจังและจริงใจกับคำพูดของตัวเองมากกว่า แบบว่า ถ้าพูดว่ารักใครแล้ว
ก็หมายความตามนั้นจริงๆ ไม่ได้พูดเพื่อหวังหลอกเจาะไข่แดง หรือโกหกตอแหล

แต่ข้อเสียก็อย่างที่รู้ๆกัน คือ ถ้าเรารักใครแล้วไม่บอกไม่พูดไม่กล่าว
เอาแต่เก็บเงียบไว้ ต่อให้ใช้แต่คำว่าชอบนะ ฝ่ายโน้นก็ยังลังเลอยู่ดีว่า
ตกลงเขาคิดอย่างไรกับเรากันแน่? ฉะนั้น ถ้าพูดไปเลยว่า รัก จะชัดเจนกว่ากันเยอะ

สำหรับคู่ที่อยู่ด้วยกันแล้ว ก็ควรบอกรักกันบ้าง ถ้าตั้งแต่อยู่ด้วยกันมา
เคยบอกรักเพียงครั้งเดียว ได้แก่ ตอนที่ชวนเป็นแฟน แต่หลังจากนั้นก็ไม่เคยพูดอีกเลย
คงไม่ดีเท่าไหร่ เดี๋ยวเถอะ เกิดงอนกันขึ้นมาแล้วจะหาว่าไม่เตือน

เมื่อกล้าที่จะบอกรักแล้ว หากความรักทำให้ทั้งคู่ตระหนักว่า
ชาตินี้ฉันคงขาดเธอไม่ได้ (ไม่ใช่ขาดฉันแล้วเธอจะรู้สึก)
ก็ย่อมถึงเวลาที่ฝ่ายชายจะตัดสินใจเอ่ยปากขอฝ่ายหญิงแต่งงานอย่างเป็นทางการสักที
เขียนถึงตรงนี้ ก็มีผู้สงสัยขึ้นมาว่า มีไหมที่ผู้หญิงจะเป็นฝ่ายขอผู้ชายแต่งงาน?
โถ...ถามได้ มีสิ ทำไมจะไม่มี มีอยู่ในหนังเรื่อง the proposal
หรือลุ้นรักวิวาห์ฟ้าแลบ ที่ซานดรา บูลล็อค เป็นฝ่ายงอนง้อขอแต่งงานกับไรอัน
เรย์โนลด์สไง

ส่วนในชีวิตจริงของหนุ่มสาวทั่วไปก็มีเหมือนกัน แต่ไม่เป็นที่นิยม ยังไง้ ยังไง
ผู้หญิงก็ยังอยากได้ยินผู้ชายขอเธอแต่งงานมากกว่าอยู่ดี จะได้มั่นใจด้วยว่า
ที่เขาตัดสินใจวิวาห์กับเธอนั้นเป็นเพราะ รัก และอยากใช้ชีวิตร่วมกันจริงๆ
ไม่ได้ไปฝืนใจเขา แต่เขามาเอง
มาพัวพันเชิงสร้างสรรค์ไปสู่การสร้างครอบครัวกับเธอเองต่างหาก

งั้น
ถ้าหนุ่มคนไหนตัดสินใจแล้วว่าจะขอแฟนสาววิวาห์เหาะ...เอ้ยวิวาห์อย่างเป็นเรื่องเป็นราว
แต่ยังไม่รู้ว่า จะขอเธอแต่งงานที่ไหนดี จึงมีไอเดียมาเล่าสู่กันฟัง ดังนี้...

1. ขอแต่งงาน ณ สถานที่ที่คุณทั้งสองเจอกันครั้งแรกหรือเคยออกเดทครั้งแรกด้วยกัน

ขึ้นอยู่กับว่า ไปเจอกันที่ไหนหรือเคยออกเดทกันที่ใด สมมติว่า
ถ้าเจอกันครั้งแรกตอนต่างฝ่ายต่างไปดูคอนเสิร์ต แต่ก่อนเข้าไปในฮอลล์ที่โชว์เพลง
เขาเกิดเห็นฝ่ายหญิงมากับเพื่อนกลุ่มใหญ่แถมยังเม้าท์กันสนุก
ชนิดแย่งกันพูดไม่มีใครยอมใคร เสียงเม้าท์ที่ดังสนั่นทำให้เขาสะดุดหูและหันไปดูว่า
เจ้าของเสียงคือใคร และทันใดนั้น เขาก็นึกชอบฝ่ายหญิงตั้งแต่นั้นละก็
หากฝ่ายชายจะชวนสาวไปรื้อฟื้นอดีต
ก็ลองชวนเธอไปดูคอนเสิร์ตของวงดนตรีที่ทำให้เจอกันครั้งแรกดูดิ
แต่อย่าลืมชวนกองเชียร์ที่เป็นเพื่อนๆของเธอไปด้วย
เพื่อเป็นพยานในการขอแต่งงานคราวนี้ซะเลย อยู่ต่อหน้าเพื่อนๆ อย่างนี้
รับรองเธอไม่ปฏิเสธแน่

2. ขอแต่งงานในงานแต่งงานของเพื่อน

ไม่ต้องรอให้เธอแย่งช่อดอกไม้ของเจ้าสาวที่ถือเป็นการเสี่ยงทายว่า
ใครจะได้เป็นเจ้าสาวคนต่อไป ดังนั้น
ฝ่ายชายควรฉวยโอกาสขอสาวเข้าวิวาห์ในงานแต่งงานของเพื่อนสนิทไปเลย
รับรองความรู้สึกอินกับบรรยากาศของงานแต่งงาน จะช่วยให้ฝ่ายหญิงเซย์เยส ไม่ลังเล
แถมเธอจะแอบจินตนาการด้วยซ้ำไปว่า เวลาสวมชุดแต่งงาน แล้วจะสวยแค่ไหน
และงานวิวาห์จะหรูเลิศอลังการอย่างไร

3. ขอเธอแต่งงานที่บ้านก็ได้

จะเป็นบ้านของฝ่ายชายหรือฝ่ายหญิงก็แล้วแต่ การขอแต่งงานที่บ้านหลังตื่นนอนตอนเช้า
เพื่อปลุกให้เธอตื่นขึ้นมาเซอร์ไพรส์กับอาหารเช้าที่ฝ่ายชายลงมือเป็นพ่อครัว
แล้วแอบซ่อนแหวนหมั้นไว้บนถาดอาหารที่เขายกมาเสิร์ฟให้เธอถึงในห้องนอน
(ไม่ต้องถึงกับซ่อนแหวนไว้ในอาหารหรอก เดี๋ยวเธอกลืนแหวนลงไปแล้วจะยุ่ง) ทำงี้
เพื่อให้เธอมั่นใจว่า ถ้าตอบตกลงแต่งด้วย เขาจะดูแลเธออย่างทะนุถนอมอย่างนี้ตลอดไป
น่ารักดี

4. ขอแต่งงานในต่างประเทศ ว้าว เลือกสถาน–ที่ที่โรแมนติก
หรือเป็นประเทศที่ฝ่ายหญิงชอบหรือมีสัญลักษณ์ของความรักเข้าสิ
มีหลายคู่ทีเดียวที่ก่อนลงเอยสมรสกันก็ใช้วิธีระทึก เอ้ย
ตื่นเต้นเช่นว่านี้บางคู่ถึงกับขอแต่งงานที่ทัชมาฮาลก็มี คงทราบกันนะว่าทัช–
มาฮาลเป็นสุสานหินอ่อนที่เชื่อกันว่า เป็นสถาปัตยกรรมแห่งความรักที่สวยที่สุดในโลก
หนำซ้ำยังถูกสร้างขึ้นมาจากความรักที่ยิ่งใหญ่ ดูขลังและอลังการไม่เบา

หรือทำทีเป็นชวนเธอไปเที่ยวยุโรปหรือสหรัฐฯ (ขึ้นอยู่ว่ามีงบมากน้อยแค่ไหน)
เส้นทางสายนี้เต็มไปด้วยบรรยากาศโรแมนติกจะตาย มีคู่เลิฟมากมายชอบไปฮันนีมูน
แต่แทนที่จะรอให้ฮันนีมูนแล้วค่อยไป
ก็ชิงจองตัวเธอมาเป็นเจ้าสาวในโอกาสอันเป็นมงคลอย่างนี้ก่อนเลยแล้วกัน ทำถึงขนาดนี้
ถ้าไม่เซย์เยสก็ให้มันรู้ไป

@@@ไทยรัฐออนไลน์
  โดย เมอร์ลิน
  11 มีนาคม 2555