Pages

Long Live The king

Long Live The king
Showing posts with label น้ำส้มสายชู. Show all posts
Showing posts with label น้ำส้มสายชู. Show all posts

July 18, 2013

น้ำส้มสายชู เบคกิ้งโซดา มะนาว โซดา

ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่คุณขาดไม่ได้
 
    มีผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดอยู่ 5 ชนิด ที่คุณจะอยู่โดยไม่มีมันไม่ได้เลย และส่วนมากคุณมีอยู่แล้วในบ้านของคุณเอง ผลิตภัณฑ์เหล่านี้คุณควรจะหาซื้อมาในขนาดบรรจุใหญ่ ๆ ซึ่งจะทำให้ราคาถูกลงและคุณสามารถใช้งานได้นานเป็นเดือน บางอย่างนำมาใช้เดี่ยว ๆ แต่บางอย่างก็ใช้ร่วมกันหรือใช้ร่วมกับข้าวของที่มีอยู่ในบ้านแล้ว เช่น เกลือ หรือน้ำยาล้างจาน เป็นต้น ก็จะช่วยแก้ไขปัญหาการทำความสะอาดในบ้านได้เกือบหมดทุกรายการ แถมยังเป็นประโยชน์ที่ไม่สร้างอาการแพ้ให้คนที่เป็นภูมิแพ้ และเหมาะสมอย่างยิ่งต่อครอบครัวที่ต้องการกำจัดสารเคมีออกจากบ้านให้มากที่สุดด้วย

นี่คือสิ่งจำเป็นที่คุณต้องซื้อติดบ้านไว้

    - น้ำส้มสายชู
    - เบคกิ้งโซดา (โซดาทำขนม หาซื้อได้ที่แผนกแป้งและอุปกรณ์ทำเค้ก)
    - น้ำมะนาว
    - คลับโซดา (โซดาสำหรับผสมเครื่องดื่ม บรรจุเป็นขวดหรือกระป๋อง)
    - สเปรย์ฉีดทำความสะอาดพรมเฉพาะจุด


และต่อไปนี้เราก็จะมาพูดถึงการใช้ประโยชน์จากสิ่งของเหล่านี้

น้ำส้มสายชู

    เราใช้น้ำส้มสายชูขจัดคราบสบู่ที่ติดแน่นรวมทั้งคราบโลหะจากฝักบัว อ่างอาบน้ำ และอ่างล้างหน้า ด้วยการอุ่นน้ำส้มให้ร้อน บรรจุลงในขวดที่มีหัวฉีดสเปรย์ แล้วฉีดลงบนฝักบัว อ่างอาบน้ำ อ่างล้างหน้า ทิ้งไว้ 10-15 นาที แล้วใช้ฟองน้ำเทียมเช็ดคราบต่าง ๆ ออก หากยังไม่หมดก็ทำซ้ำ

    กรณีของคราบโลหะฝังแน่นอยู่รอบ ๆ ท่อน้ำทิ้ง ให้ปิดฝาท่อน้ำเสียก่อน แล้วเทน้ำส้มในปริมาณมากพอจะหล่อปากท่อได้พอ ทิ้งไว้ข้ามคืน ขัดด้วยฟองน้ำเทียมหรือฟองน้ำไนล่อน แล้วจึงเปิดฝาท่อให้น้ำส้มไหลลงไปแล้วราดน้ำตาม

    วิธีกำจัดคราบฝ้าหรือรอยสนิมบนส่วนหน้าของฝักบัว รวมทั้งทำให้น้ำไหลผ่านคล่องตัวยิ่งขึ้น ให้ใช้น้ำส้มสายชูเข้มข้นใส่ถุงพลาสติกแล้วผูกแช่ฝักบัวไว้ในถุงนั้นค้างคืน แล้วค่อยขัดหรือใช้ก้านไม้จิ้มฟันเล็ก ๆ เขี่ยให้รูน้ำเปิดออก การอาบน้ำครั้งต่อไปของคุณจะสะดวกสบายขึ้นแน่นอน

    ส่วนการกำจัดคราบเชื้อราและคราบสบู่ที่จับอยู่บนม่านพลาสติกในห้องน้ำ ให้ใส่น้ำอุ่นลงในเครื่องซักผ้า เติมน้ำส้มสายชูลงไป 1 ถ้วยและผงซักผ้าที่คุณใช้เป็นประจำ ใส่ผ้าม่านพร้อมกับผ้าเช็ดตัวสีอ่อน ๆ ผืนเก่า ๆ ที่คุณไม่ใช้แล้วลงไปด้วยสัก 2-3 ผืน เปิดเครื่องซักผ้าตามปกติ แล้วซักด้วยน้ำเปล่า เสร็จแล้วนำขึ้นแขวนบนราวทันที

    สำหรับจานเนื้อใสและเครื่องแก้วประเภทคริสตัลที่มีคราบมันจับอยู่ ให้แช่ในน้ำที่มีส่วนผสมของน้ำร้อนจัด น้ำส้มสายชู 2-3 ช้อนโต๊ะ และน้ำยาล้างจาน หากคุณเติมน้ำส้มสายชู ¼ ถ้วยลงไปในเครื่องซักผ้าที่กำลังซักน้ำสุดท้าย ซึ่งคุณได้ผสมน้ำยาปรับผ้านุ่มลงไปด้วย จะช่วยให้เสื้อผ้าสีเข้ม ๆ ของคุณไม่ดูดเอาเศษใยผ้าที่หลุดออกมาระหว่างซักไว้ เสื้อผ้าสีเข้มจะดูสะอาดเอี่ยม

    น้ำส้มสายชูยังช่วยไม่ให้ยุงหรือแมลงมากัดหรือบินรบกวนคุณได้ ด้วยการม้วนสำลีให้เป็นก้อนกลม ๆ ชุบน้ำส้มสายชูทาตามผิวของคุณ กลิ่นน้ำส้มจะไม่ติดอยู่บนผิวของคุณหรอก แต่รสเปรี้ยวของมันน่ะ พวกแมลงไม่ชอบ

    กลิ่นเหม็นคลุ้งของปัสสาวะจากสัตว์เลี้ยงตัวโปรดของคุณติดแน่นอยู่กับพรมผืนสวยใช่ไหม ง่ายนิดเดียว ผสมน้ำส้มเข้มข้น 25 % น้ำ 75 % เข้าด้วยกันแล้วนำไปฉีดพ่นบนพรมนั้น อย่าลืมว่าต้องทดลองทำกับจุดเล็ก ๆ ที่ไม่ใช่จุดเด่นก่อน หากสีพรมเสียหายก็จะได้เสียน้อยที่สุด หากได้ผลแล้วค่อยขยายวงออกไปทำความสะอาดซิ้งค์ล้างจานสเตนเลสด้วยการใช้เบคกิ้งโซดาควบคู่กับน้ำส้มสายชู มันจะเกิดฟองฟู่ก็อย่าไปกลัวหรือวิตก เพราะมันทำงานเข้าคู่กันได้ดีมาก

    หน้าต่างกระจกของคุณไม่ใสสวยแล้วใช่ไหม ใช้น้ำส้มสายชู ¼ ถ้วยผสมน้ำ 1 ควอร์ด (1 ขวดเบียร์) เข้าด้วยกัน แล้วนำไปฉีดพ่นบานกระจกสิ หน้าต่างของคุณจะใสสวยเหมือนเพิ่งติดใหม่เลย

    หากห้องของคุณมีกลิ่นอับ คุณสามารถทำ แอร์รีเฟรชเชอร์ใช้เองได้อย่างปลอดภัย ด้วยการผสมเบคกิ้งโซดา 1 ช้อนชา น้ำส้มสายชู 1 ช้อนโต๊ะ และน้ำเปล่า 2 ถ้วย ใส่ลงในขวดสำหรับฉีด รอจนหมดฟองแล้วจึงปิดขวด เขย่าให้เข้ากันก่อนฉีดทิ้งไว้

    พื้นห้องที่ทำจากไวนิล มีวิธีทำความสะอาดง่าย ๆ ด้วยการใช้น้ำส้มสายชู ½ ถ้วยผสมกับน้ำอุ่น 1 แกลลอน

    ใคร ๆ ก็อยากให้ท่อน้ำทิ้งทำหน้าที่ได้ดี ๆ คือ ให้น้ำไหลผ่านอย่างสะดวก วิธีการก็แสนง่ายด้วยการใช้น้ำส้มสายชู ½ ถ้วยและเบคกิ้งโซดา ½ ถ้วยเทลงไปในท่อเดือนละครั้ง ปัญหาท่ออุดตันจะไม่เกิดขึ้นเลย เพียงแต่หลังจากเทส่วนผสมทั้งสองลงไปแล้วให้ปิดปากท่อไว้ 15 นาที เพื่อให้มันทำปฏิกิริยาเป็นฟองแล้วค่อยราดน้ำสะอาดตามลงไป

    ทำความสะอาดกระจกเงาโดยใช้ส่วนผสมของน้ำส้มสายชูกับน้ำเปล่าอย่างละเท่า ๆ กัน ใช้ฟองน้ำ หรือผ้า หรือกระดาษทำความสะอาดชุบเช็ด แล้วเช็ดด้วยผ้าแห้ง ๆ อีกครั้ง ต่อย่าฉีดพ่นน้ำผสมลงบนกระจกโดยตรง เพราะความชื้นจะซึมไปด้านหลัง ทำลายเนื้อปรอทที่ฉาบไว้ และจะเกิดรอยดำด่างบนเนื้อกระจกเงาได้

    ฉีดน้ำส้มสายชูไว้ที่ใต้แขนเสื้อแล้วทิ้งไว้ 15-30 นาที จะทำให้กลิ่นอับชื้นหายไปและลบร่องรอยที่ใต้วงแขนของเสื้อได้ด้วย

    วิธีทำความสะอาดห้องน้ำที่เป็นเลิศนั้นง่ายนิดเดียว ด้วยส่วนผสมของบอแร็กซ์ 1 ถ้วย และน้ำส้มสายชู 1 ถ้วย วิธีทำก็คือ เทน้ำส้มสายชูลงบนรอยคราบบนพื้นห้องน้ำ แล้วโรยผงบอแร็กซ์ตามลงไป ทิ้งไว้อย่างนั้น 2 ชั่วโมง แล้วค่อยขัดออกก่อนล้างด้วยน้ำสะอาด

ขอขอบคุณ  http://www.suranareeville.in.th/tips4.html



July 01, 2013

ประโยชน์ของน้ำส้มสายชู

      น้ำส้มสายชู เป็นสารประกอบของกรดน้ำส้มกับน้ำ ได้จากการหมักน้ำผลไม้จนเกิดแอลกอฮอล์ ทำปฏิกิริยากับออกซิเจนในอากาศ หมักแล้วถ้าอยากได้น้ำส้มใช้เร็วๆ ก็หมั่นคนบ่อยๆ ให้ออกซิเจนลงไปทำการเปลี่ยนแปลงทางเคมีไม่ขาดตอน
       
       ประโยชน์ของน้ำส้มสายชู  ส่วนใหญ่เน้นเรื่องการดูแล ป้องกันรักษาสุขภาพและโรคภัย เช่น ใช้น้ำส้มสายชูผสมต้นโทงเทงสด หรือผักคราดหัวแหวนสดๆ คั้นเอกน้ำชุบสำลีอมไว้ข้างแก้มค่อยๆ กลืนทีละนิด แก้ฝีในคอ หรือต่อมทอนซิลอักเสบได้ชะงักนักแล
       ยามไปเที่ยวทะเล ขอให้พกพาน้ำส้มสายชูไปด้วยทุกครั้ง หากเคราะห์หามยามร้าย เจอแมงกะพรุนไฟเข้าก็อย่าตกใจ ราดน้ำส้มตรงบริเวณถูกแมงกะพรุนทันที จะช่วยบรรเทาอาการปวดแสบปวดร้อนได้ทันใจ
       ผิวที่เจอแดดจัดๆ จนเป็นรอยเกรียม ลูบด้วยน้ำส้มสายชู ผิวที่ไหม้จะไม่พองให้คุณปวดแสบทรมานได้อีก
       ด้านการถนอมอาหาร สมัยก่อนมีการดองเปรี้ยวผักต่างๆ ด้วยน้ำส้มไว้บริโภคนานๆ เช่น ต้นหอม ผักเสี้ยน กระเทียม ขิง 
       ในแง่ของการขจัดรอยเปื้อน  น้ำส้มสายชูก็เป็นมือโปรสำหรับแม่บ้านได้ยอดเยี่ยม เลือกใช้ได้ตามอาการต่อไปนี้
       » รองเท้าหนัง รองเท้ายาง หรือสารสังเคราะห์ใดๆ ก็ตาม หากเปื้อนน้ำมันให้เช็ดด้วยน้ำส้มสายชูแล้วจะหมดรอย
       » กระจกบานเกล็ดสกปรก ล้างด้วยน้ำส้มสายชูผสมน้ำสะอาดรับรองเงางาม สะอาดใสแจ๋ว
       » หม้ออะลูมิเนียมเป็นคราบดำ น้ำส้มสายชุละลายขี้เถ้าใต้เตาถ่าน ขัดถูก็สะอาดเอี่ยมในพริบตา
       » ภาชนะทองแดง ทองเหลือง ขัดด้วยน้ำส้มผสมเกลือในอัตราส่วนเท่ากัน ผ้านุ่มๆ จุ่มพอหมาดเช็ดถูแล้วจะแวววาวขึ้น
       » ของใช้พลาสติก ตลอดจนภาชนะอื่นๆ ในครัวเปื้อนไขมันมากจนเป็นรอยดำ ให้แช่ในน้ำอุ่นผสมน้ำส้มสายชู รอยเปื้อนจะหายไปพร้อมกับกลิ่นอาหาร
       » ัปัญหาของเตาอบ ถาดอบเครื่องครัวสแตนเลส และพื้อนครัวเป็นคราบสกปรกล้างยาก ใช้น้ำส้มเช็ดถู คราบฝังแน่นกับเศษอาหารตามพื้นจะหลุดง่าย ไม่เปลืองแรงขัด
       » เฟอร์นิเจอร์ ฝาผนังบ้านต่างดำ มีคราบนิ้วมือของสมาชิกตัวเล็กผ้านุ่มๆ ชุบน้ำส้มสายชูร้อนๆ เช็ดปุ๊บหายปั๊บ
       » อ่างล้างมือ อ่างอาบน้ำ ราวโครเมียมสกปรก เป็นสนิม น้ำส้มสายชูกับน้ำสบู่ เช็ดถู ทุกอย่างเงางามสะอาดตา
       » รอยเปื้อนสุดท้ายที่มักสร้างความอับอายให้ก็คือ เสื้อผ้าบริเวณรักแร้เป็นคราบเหลืองนั้น น้ำส้มสายชูทาตรงรอยเปื้อนให้ชุ่ม หากได้แช่เสื้อผ้าในน้ำส้มสายชุสักครู่ก่อนซักตามปกติ กลิ่นเปรี้ยวและเหม็นอับจากเหงื่อจะหายพร้อมรอยเปื้อน
       น้ำส้มสายชูยังมีคุณสมบัติ ขจัดกลิ่น ได้ไร้เทียมทาน กลิ่นอาหาร กลิ่นผลไม้แรงๆ อย่างทุเรียนที่ติดตามภาชนะพลาสติกนั้น ให้เช็ดด้วยน้ำส้มสายชูตามด้วยน้ำสะอาดหลายๆ ครั้ง
       » ท่อระบายน้ำภายในอาคารบ้านเรือนที่มักสกปรกเร็ว ตามด้วยกลิ่นเหม็นรุนแรง รบกวนความสุข ให้เทผงฟูลงท่อน้ำร่องไปก่อน 1 กำมือ สักครู่ตามด้วยน้ำส้มสายชูอีก 1 ถ้วย ทิ้งไว้สักพัก ลองเปิดน้ำระบายดุอีกที
       » เนื้อสัตว์ต่างๆ โดยเฉพาะเนื้อวัว เนื้อควาย ถ้าแช่น้ำเกลือผสมน้ำส้มสายชูก่อนเก็บเข้าตู้เย็น กลิ่นคาวจะไม่ออกมารบกวนอาหารอื่นๆ ด้วย
       การแก้ปัญหาภายในบ้าน
       » ฝักบัวในห้องน้ำเกิดอุดตันใช้ไม่สะดวก น้ำที่ไหลกะปริบกะปรอย ลองถอดชิ้นส่วนออกมาแช่น้ำส้มสายชูปัดเศษฝุ่นด้วยแปรง แทงตามรูด้วยเข็มหมุด ล้างให้สะอาด ประกอบเข้าที่เดิม คราวนี้ฝักบัวไหลฉลุยแน่นอน
       » ขวด แจกัน คนโทที่ปากแคบคอดเล็ก  ทำความสะอาดยาก กรอกน้ำส้มสายชุ ผสมเปลือกไข่ทุบพอละเอียด แช่ไว้ แล้วเขย่าๆ เศษคราวสกปรกจะหลุดโดยง่าย
       » หม้อและกาต้มน้ำชา กาแฟทั้งหลาย ใช้ไปนานๆมักมีตะกรัรนหินปูนจับหนา น้ำส้มสายชูผสมน้ำอย่างละถ้วย เทลงในภาชนะ ต้มให้เดือด แล้วทิ้งให้เย็นค้างไว้ 1 คืน ตะกอนทั้งหลายจะหลุดเป็นกระบิทีเดียว
       ท่านสุภาพสตรีที่มีปัญหาม้วนผม หรือเซ็ทผมแล้วไม่อยู่ตัว หรือหยิกไม่ทนนาน โกรกผมด้วยน้ำส้มสายชูทิ้งไว้ 1 ชั่วโมง เมื่อสระและเซ็ทตามปกติ ผมจะหยิกเป็นลอยสลวย ทนนานสะใจหลายวัน
       » ไข่สดและใหม่มากเกินไป เวลาทำไข่ต้มมักมีปัญหาปอกเปลือกยาก ไข่เป็นรอยขรุขระไม่น่ารับประทาน ลองเติมน้ำส้มสายชูครึ่งช้อนชาลงในน้ำต้มไข่ ไข่ขาวจะไม่ติดเปลือก ปอกง่ายขึ้นกว่าเดิม
       » ต้มแปรงสีฟันขนแข็งๆ ในน้ำส้มสายชู ขนจะนุ่มไม่ทิ่มเหงือกให้เจ็บปากอีก
       » ปัญหาหินปูนจับตามเครื่องซักผ้า เครื่องล้างชาม แก้ด้วยน้ำส้มสายชู 1 ถ้วย เทใส่เครื่องพร้อมน้ำ ปิดฝา เปิดเครื่องให้ทำงานตามปกติจะเห็นเครื่องสะอาดทันตา
       น้ำส้มสายชูกับเคล็ดลับบางประการ
       » อยากรับประทานผัดไทย หอยทอด ขนมจีน กับถั่วงอกอวบอ้วน ขาวกรอบละก็ แช่น้ำผสมน้ำส้มสายชูไว้สักครู่
       » ดอกกุหลาบช่อใหญ่ อยากให้สดอยู่นานๆ น้ำส้มสายชู 1 ถ้วย น้ำตาลทราย 5 กรัม ผสมน้ำสะอาด 5 ถ้วย ด้วยสูตรนี้รดกุหลาบทั้งช่อ
       » หม้อหุงข้าวไฟฟ้าใช้ไปนานๆ เกิดอาการน่าเป็นห่วง ก้นหม้อเปลี่ยนจากขาวเป็นดำ ผสมคราบไคลน้ำข้าวจับหนาเตอะ อย่าใช้ฝอยขัดหม้อหรือใยเหล็กไปขัดเข้านะ เดี๋ยวหม้อเป็นรอยขีดข่วน หมดสวย ซ้ำพาเอาคุณภาพเสื่อม สารเคลือบผิวออกไปด้วย 
       สูตรเด็ดเคล็ดไม่ลับ ก็น้ำส้มสายชูเจ้าเดิมครึ่งส่วน ผสมน้ำ 1 ส่วน เติมลงหม้อ เสียบปลั๊ก รอจนเดือดปุดๆ จึงถอดปลั๊ก เทน้ำทิ้ง แล้วล้างตามปกติคุณจะได้หม้อที่สะอาดเหมือนเดิม
       » หยดน้ำส้มสายชูลงบนแว่นตาเช็ดด้วยผ้านุ่ม รอยขีดข่วนจะหายไป พร้อมคราบเหงื่อไคล
       » เสื้อผ้าสีขาวสะอาด มักกลายเป็นสีขาวขุ่นเข้าทุกที เมื่อใช้ไปนานๆ เพียงผสมน้ำส้มสายชูลงขณะซัก วิธีนี้ผ้าจะขาวสะอาดยิ่งขึ้น โดยไม่ต้องใช้น้ำยาซักผ้าขาวให้ผ่าเปื่อยก่อนเวลา 
       » ลองใช้น้ำส้มสายชูผสมน้ำสะอาดชำระล้างผมในน้ำครั้งสุดท้าย ดูสักครั้งจะพบว่า ความเปรี้ยวของน้ำส้มสายชู ช่วยล้างแชมพูออกได้สะอาดหมดจดเส้นผมเป็นเงางาม มีน้ำหนัก ปราศจากรังแคด้วย
        
       "น้ำส้มสายชูราคาย่อมเยาเพียงขวดเดียว ที่มีอยู่ในครัว สามารถทำประโยชน์สารพัดอย่าง สุดแต่เราจะสร้างสรรค์ให้ถูกวัตถุประสงค์ ตรงตามความต้องการได้ไม่ยากนัก ในภาวะเงินทองเป็นของหายากนี้ น้ำส้มสายชูคงช่วยคุณประหยัดแรงงาน และค่าใช้จ่ายได้ดีทีเดียว"
       แช่ผักชีสักก้านในน้ำส้มสายชู ดูว่าใบไม่เปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล เพื่อทดสอบว่าเป็นน้ำส้มสายชูแท้     


September 14, 2012

น้ำส้มสายชู

น้ำส้มสายชูมีประโยชน์มากมาย ไม่ใช่แค่รับประทานได้อย่าง
เดียวแต่น้ำส้มสายชูมีประโยชน์สารพัดประการ ที่นำมาบอกเล่า
กันในวันนี้เป็นส่วนหนึ่งของประโยชน์ของน้ำส้มสายชูเท่านั้นนะ
ค่ะ ยังมีอีกมากมายเอาไว้จะมาสาธะยายใหม่อีกในคราวหน้าค่ะ

1. ป้องกันสีผ้าตก
 เสื้อผ้าสี เวลาซักสีอาจตกใส่เสื้อตัวอื่น วิธี
แก้ให้ใช้น้ำส้มสายชู 1 ถ้วย ผสมกับน้ำ 1 กะละมัง จากนั้นแช่ผ้า
สีทิ้งไว้ 15 นาที แล้วซักตามปกติ วิธีจะทำให้สีเสื้อไม่ตกค่ะ

2. เปลี่ยนผ้าสีหมองให้ขาวสะอาด เสื้อผ้าสีขาวเมื่อใช้ไป
นานๆมักเป็นสีขาวขุ่น หากต้องการให้กลับมามีสีขาวสว่างดัง
เดิมให้ผสมน้ำส้มสายชูในปริมาณเท่ากับน้ำยาซักผ้าขาวรวม
กับผงซักฟอกแช่ทิ้งไว้ 15 นาที แล้วซักตามปกติ จะช่วยให้สี
ผ้ากลับมาขาวสะอาดขึ้นค่ะ ใครมีสีผ้าที่ไม่ขาวสดใสลองวิธี
นี้ดูนะค่ะ

3. ลบคราบเหลืองที่ใต้รักแร้เสื้อ เหงื่อ หรือโรลออน มักจะทำ
ให้เสื้อบริเวณรักแร้เป็นคราบเหลือง วิธีแก้คือ ใช้น้ำส้มสายชูทา
ตรงรอยเปื้อนให้ชุ่ม ทิ้งไว้ 5-10 นาที จากนั้นซักตามปกติ รอย
เปื้อนก็จะหายไปค่ะ

4. เพิ่มความนุ่มให้แปรงสีฟัน ใครที่มีปัญหาซื้อแปรงสีฟันมา
ใหม่แล้วขนแปรงแข็งทิ่มเหงือก ให้นำแปรงสีฟันไปต้มในน้ำส้ม
สายชู 5-10 นาที จะช่วยให้ขนแปรงที่แข็งนิ่มลงได้ค่ะ

5. แก้ปัญหาไข่ติดเปลือก ไข่ที่สดและใหม่มากเกินไป เวลาที่
เรานำมาต้มมักมีปัญหาปอกเปลือกยาก ทำให้ไข่เป็นรอยขรุขระ
ไม่น่ารับประทาน วิธีแก้คือ เติมน้ำส้มสายชูครึ่งช้อนชาลงในน้ำ
ต้มไข่ จะช่วยให้เปลือกไข่ล่อนปอกได้ง่ายขึ้นค่ะ

6. เพิ่มความกรอบให้ผักผลไม้ วิธีคือ ผสมน้ำส้มสายชู 1ช้อน
ชา กับน้ำ 1 กะละมังเล็ก แช่ผักและผลไม้ที่ต้องการทิ้งไว้สัก 5-
10 นาที จากนั้นนำไปล้างน้ำอีกครั้ง เพียงแค่นี้ก็จะได้ผักผลไม้ที่
กรอบอร่อยได้ง่ายๆ แล้วล่ะค่ะ

7. แก้ปัญหาเนื้อปลาเละ เวลาต้มปลาหลายท่านคงเคยเจอ
ปัญหาเนื้อปลาเละ วิธีแก้คือ ใส่น้ำส้มสายชู 1 ช้อนโตีะ ลงใน
น้ำต้มปลา นอกจากจะทำให้เนื้อปลาไม่เละแล้ว ยังทำให้เนื้อ
ปลามีสีขาวน่ารับประทานอีกด้วยค่ะ

วิธีทดสอบน้ำส้มสายชูว่าปลอมหรือไม่ โดยการหั่นพริกสด
หรือเด็ดใบผักชีแช่ในน้ำส้มสายชู ถ้าน้ำส้มสายชูยังใสแจ๋วพริก
หรือใบผักชียังสด แสดงว่าเป็นน้ำส้มสายชูแท้ แต่ถ้าน้ำส้มสาย
ชูขุ่น พริกหรือใบผักชีเหี่ยวเปื่อยยุ่ย แสดงว่าเป็นน้ำส้มสายชู
ปลอม

ขอขอบคุณ http://narakbeauty.blogspot.com/2009/06/blog-post_21.html

น้ำส้มสายชู สุดยอด


น้ำส้มสายชูแท้ กับน้ำส้มสายชูปลอมทำจากอะไร

น้ำส้มสายชู เป็นของจำเป็นที่ต้องใช้ประจำ จึงมีผู้คิดหากำไรจากการขายน้ำส้มสายชูปลอม โดยใช้กรดกำมะถันเพียงเล็กน้อยผสมน้ำมากๆ ก็จะได้รสเปรี้ยวจัด เนื่องจากต้นทุนต่ำมาก จึงขายได้ในราคาถูกกว่าน้ำส้มแท้ ขายเพียงขวดละไม่กี่บาท ก็ได้กำไรสูง

ส่วนน้ำส้มสายชูแท้คือ กรดอาซิติก ซึ่งได้จากการหมักผลไม้ต่างๆ หรือการหมักอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรต เช่น ข้าว น้ำมันมะพร้าว หรือกากน้ำตาล บางครั้งเรียกว่า น้ำส้มสายชูหมัก

การเลือกซื้อน้ำส้มสายชู

1. ศึกษาฉลาก ชื่อสามัญทางการค้า เครื่องหมายการค้า เลขทะเบียนอาหาร เครื่องหมายมาตรฐานการค้า ผู้ผลิต ผู้แทนจำหน่าย วันหมดอายุ ปริมาตรสุทธิ

2. สังเกตความใสไม่มีตะกอนขวดและฝาขวดของน้ำสมสายชูไม่สึกกร่อน ผลึกสีขาวรูปร่างคล้ายกระดูกของผงชูรส

วิธีการทดสอบน้ำส้มสายชู 

นำ น้ำสมสายชูที่สงสัยใส่ภาชนะ หยดน้ำยาเยนเชียนไวโอเลตสีม่วงลงไปในน้ำส้มสายชู ถ้าไม่เปลี่ยนสีเป็นน้ำส้มสายชูแท้ ถ้าเปลี่ยนเป็นสีเขียวหรือสีน้ำเงินเป็นน้ำส้มสายชูปลอม หรือใส่ผักชีลงไปในน้ำสมสายชูแล้วสังเกตการเปลี่ยนสี ถ้าน้ำส้มสายชูปลอมผักชีจะเปลี่ยนสีเป็นสีเหลืองและจะไหม้อย่างรวดเร็ว
------------
ความจริงเกี่ยวกับการดื่มน้ำส้มสายชูหมัก               
“ทันทีที่คุณดื่มน้ำส้มสายชูหมัก คุณจะรับรู้ได้ถึงความอ่อนเพลียของร่างกายจะถูกค่อย ๆ กำจัดทิ้งไปทีละน้อยและจะหมดไปภายใน
สองชั่วโมง”คุณสามารถยืนยันปรากฎการณ์นี้ง่าย ๆ ด้วยตัวคุณเอง โดยสังเกตปัสสาวะของคุณก่อนดื่มและหลังดื่ม จะมีสีต่างกัน นั่นคือ
เมื่อคุณดื่มน้ำส้มสายชูแล้ว 1-2 ชั่วโมงให้หลัง ปัสสาวะจะเริ่มใสขึ้น หรือหากคุณขี้สงสัยอยากดูให้ละเอียดมากขึ้นอีก ก็สามารถเช็คง่าย ๆ
ด้วยกระดาษลิตมัส ก่อนและหลังดื่มน้ำส้มสายชู จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าภายหลังดื่มแล้ว ปัสสาวะจะมีฤทธิเป็นด่างมากขึ้นซึ่งก่อนดื่ม
จะมีฤทธิเป็นกรด  ฉันใดก็ฉันนั้น สำหรับปัสสาวะและโลหิตของเรา ก็จะมีปฎิกิริยาที่คล้ายกันก่อนดื่มโลหิตของเราในขณะที่อ่อนเพลีย
จะมีฤทธิเป็นกรด และภายหลังดื่มน้ำสัมสายชูหมัก ก็จะมีฤทธิเป็นด่างขึ้น นั่นก็แสดงว่า จะต้องมีสารตัวใดตัวหนึ่งที่ทำให้ร่างกายของเรา
รู้สึกอ่อนเพลีย ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ และทันทีที่เราดื่มน้ำส้มสายชูก็จะเกิดปฎิกิริยาทางเคมีบางอย่างที่สามารถ ขจัดสารตัวนั้นออกไป



“ ดื่มน้ำส้มสายชูหมัก ช่วยกำจัดกรด แลคติค (lactic) และเป็นผู้ช่วยชั้นเยี่ยมของตับ “
ก่อนอื่นต้องเป็นที่เข้าใจโดยทั่วไปแล้วว่า ตับจะมีหน้าที่กำจัดสารพิบต่าง ๆ ในร่างกาย รวมถึงสารที่ทำให้ร่างกายมนุษย์อ่อนเพลียด้วย
ซึ่งตัวการนี้เราเรียกว่ากรดแลคติค(lactic) ซึ่งเราต้องระมัดระวังไม่ให้ตับของเราเสียหาย หรือทำงานหนักขึ้น ซึ่งไม่มีอะไรมาทดแทนได้
หากผิดปกติขึ้น ดังนั้นจึงควรหาทางให้ตับทำงานได้ดีตลอดเวลา รับประทาน เนื้อ, ปลา, ไข่, น้ำมันมะพร้าว, ผักใบเขียว และดื่มน้ำสัมสายชูจะทำให้ตับทำงานได้สมบูรณ์มากขึ้นหรือเรียกตามภาษาชาว บ้านว่าอาหารบำรุงตับ

ทฤษฎีของเครบ (Kreb’s theory)

ดร.เครบ นักวิทยาศาสตร์ รางวัลโนเบิลชาวอังกฤษได้ค้นพบทฤษฎีนี้ตั้งแต่คศ.1953ดร.เครบได้อธิบายถึง ทำไมการดื่มน้ำสัมสายชู
ช่วยขจัดความอ่อนเพลียของร่างกายเขาได้อธิบายถึงกระบวนการที่อาหารที่เรารับประทานเปลี่ยนไปเป็นพลังงานหรือการ
เผาผลาญอย่างละเอียดและรวมไปถึงความลับที่ทำใหร่างกายมนุษย์รู้สึกอ่อนเพลีย และวิธีการกำจัดมัน จากการค้นพบของ ดร.เครบ
ทำให้นักวิชาการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากประเทศญี่ปุ่น ศจ.ฮิชิโร อาคิตานิ จากมหาวิทยาลัยโตเกียวได้ทุ่มเทเวลาทั้งชีวิตพยายาม
ให้คนญี่ปุ่นดื่มน้ำส้มสายชูหมักมากเท่าที่จะมากได้ จึงเป็นที่มาของวิถีชีวิตของชาวญี่ปุ่นภายหลังสงครามโลกครั้งที่สองที่นิยม ดื่มกัน
ทั้งเกาะและก่อให้เกิดปัญหาตามมาคือ “คนแก่ล้นเมือง” อายุยืนยาวเป็นร้อยปี ที่นี้เรามาดูการทำงานอันมหัศจรรย์ของร่งกายเรา



เริ่มต้นที่เรารับประทานอาหารเข้าไปทำการย่อยเพื่อเปลี่ยนแป้งเป็นกลูโคส โปรตีนก็ถูกเปลี่ยนให้เป็นกรดอมิโนอีก 20 ชนิด
ไขมันจะถูกเปลี่ยนไปเป็นกลีเซอรรีน และกรดไขมัน 
อาหารต่าง ๆ เหล่านี้ก็จะถูกเผาผลาญและเปลี่ยนไปเป็นสาร ที่เรา
เรียกว่า ATP (Adenocine triphosphate) ซึ่งให้พลังงานออกมาในรูปความร้อน  บางส่วนก็นำไปซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย
เมื่อต้องการเช่น โปรตีนอาหารเกือบทั้งหมดที่เรารับประทานจะถูกเปลี่ยนเป็นกรด 8 ชนิดและจะถูกลดปริมาณลงในรูปของการ
เปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อน (ATP) แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ก็จะเกิดขึ้นและถูกขับออกโดยกระบวนการหายใจออก น้ำก็จะถูก
ขับออกมาในรูปของปัสสาวะและเหงื่อ  และถ้ากรดทั้ง 8 ทำงาน ได้อย่างสมบูรณ์แบบ กระบวนการทั้งหมดที่ได้อธิบายมาก็จะ
ไม่เกิดกรด ไพโรราสมิค (Pyroracemic หรือ ไพรูวิค(Pyruvic) และกรดแลคตริค  ความเมื่อยล้าอ่อนเพลียและปวดตามกล้ามเนื้อ
ก็จะไม่เกิด กล้ามเนื้อของเราก็จะนิ่มไม่แข็งเกร็ง โลหิตก็จะมีฤทธิเป็นด่าง ปัสสาวะก็จะใสขึ้นแน่นอนที่สุดก็จะมีฤทธิเป็นด่างด้วย
มีความสดชื่น ตื่นตัวในทางตรงกันข้ามหากเราทำงานหนัก ทั้งทางกายและทางใจ หรืออาหารที่เรารับประทานเข้าไปแย่สุด ๆ
หรือร่างกายไม่ได้ดื่มน้ำส้มสายชู ก็จะทำให้กระบวนการที่กล่าวมา เมื่อสักครูไม่ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพก็จะทำให้เกิด
กรดแลคติค  กรดนี้จะสะสมในกล้ามเนื้อ ทำให้เกิดความเจ็บปวดและเมื่อยล้า หากกรดแลคติคสะสมในกล้ามเนื้อ ประมาณ
0.24-0.40% ของของเหลวในร่างกายเรา เราจะรู้สึกอ่อนเพลียหรือเหนื่อยทันที การตอบสนองของร่างกายจะช้าลงบางทีอาจทำให้
ทำงานผิดพลาดหรือไม่ก็อุบัติเหตุ หากปล่อยให้มีการสะสมของกรดแลคติคมากขึ้น บางรายถึงกับเกร็งหรือเป็นตะคริวทำให้
ประสาทชา หรืออัมพาตได้ หรืออาจปวดต้นคอหรือไหล่ ทั้งหลายทั้งปวงเปล่านี้เกิดจากกรดแลคติคสะสมในร่างกายทั้งสิ้น

“ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการดื่มน้ำส้มสายชูหมักเพื่อเลือดที่เป็นปรกติ” 

ภาวะที่เลือดมีกรดแลคติค จะทำให้กล้ามเนื้อเคลื่อนไหวข้าลง ทำให้เกิดภาวะเบื่อหน่ายน่ารำคาญ  โมโหง่ายหรือฉุนเฉียว นั่นยิ่ง
เป็นการเพิ่มปัญหาบนปัญหาเข้ามาอีกต่อหนึ่ง ภาวะนี้ร่างกายก็จะเสี่ยงต่อเชื้อโรคต่าง ๆ ความเจ็บป่วย ทางแก้ก็มีอยู่ 2 ทาง หนึ่ง
นั่นคือ ทางใจ ท่านจะต้องฝึกจิตให้สามารถจัดการต้นเหตุที่กล่าวมา ซึ่งโดยปกติแล้ว พระสงฆ์หรือผู้ที่ฝึกสมาธิขั้นสูงเท่านั้นที่
สามารถทำได้
 แต่สำหรับเรา ๆ ท่าน ๆ ง่าย ๆ ก็คือ ดื่มน้ำสัมสายชูหมัก เพื่อทำให้ภาวะเลือดเป็นกรดหายไปหรือเป็นด่างมากขึ้นเบื้องต้นก็จะรู้สึกตรงกันข้ามกับที่เอ่ยมาทั้งหมดเมื่อดื่ม  สาเหตุหลักเนื่องมาจากน้ำสัมสายชูหมัก หรือกรดอะซิติคจะไปกำจัด
กรดแลคติคให้หมดสิ้นโดยการทำให้วัฎจักรซิตริค (Citric cycle) หรือวัฏจักรเครบ ทำงานสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น

“ดื่มน้ำสัมสายชูหมักจะทำให้หายเครียด”
 ความเครียดคือความผิดปกติ ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันของเรา ความหมาย ที่แท้จริงกินความกว้างกว่านี้มากนัก รวมไปถึงสิ่งต่าง ๆ ที่มีผลกระทบทำให้เรา เกิดความเครียด เช่น ร้อน หนาว เหนื่อย อาหารและรวมไปถึงความกังวลและ
เจ็บป่วย หากปล่อยให้ความเครียดเข้าครอบงำผลร้ายก็เกิด ตามมาบางราย ถึงกับล้มป่วย หรือเป็นโรคร้าย กลไกที่ทำให้เกิดความเครียด ถูกค้นพบโดย
ดร.ฮาน นักวิทยาศาสตร์ รางวัลโนเบลชาวแคนาดา โดยการค้นพบฮอร์โมน
ACH และการทำงาน ของต่อมหมวกไต ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อชีวิต
ประกอบไปด้วย 3 พวกใหญ่ ๆ คือ
  1. ฮอร์โมนควบคุมการเผาผลาญอาหาร  
  2. ฮอร์โมนควบคุมปริมาณน้ำและเกลือแร่ในเลือด
  3. ฮอร์โมนเพศ

ทั้งสามนี้เรียกรวมกันว่า ACH ฮอร์โมน ซึ่งถ้าไม่ปรกติ ท่านก็คงนึกออกว่าจะมีผลอย่างไรยกตัวอย่างเช่น ฮอร์โมนควบคุม
การเผาผลาญอาหาร ถ้าไม่ปกติ ก็พวกกินน้อย แต่อ้วนเอา ๆหรือไม่ก็ทานเย๊อะแยะ เลยกลับผอมกะหร่อง ถ้าฮอร์โมนควบคุม ปริมาณน้ำและเกลือแร่ในเลือด บกพร่อง ก็จะก่อให้เกิดโรคเลือดตามมา
  1. และที่สำคัญมากๆเลยถ้า ฮอร์โมนเพศ ไม่ปกติ หลายท่านคงอยากหนีไปบวช คิดว่าท่านคงจินตนาการเอาเองได้
หากปล่อยให้ความเครียดเกิดขึ้นนานเกิน ไป หรือ ACH ฮอร์โมน หลั่งน้อยเกินไป เราอาจแพ้ต่อความเครียด บางทีถึงขั้นล้มป่วย ดังนั้นเราต้องหาทางป้องกันความเครียดหรือกำจัดความเครียด ง่าย ๆ ก็โดยการพักผ่อน หรือนอนหลับ หรือกำจัดโดยกระตุ้น
ต่อมหมวกไตให้หลั่งฮอร์โมน โดยการดื่มน้ำสัมสายชูหมัก หรือกินอาหารที่มีประโยชน์ บางท่านถึงกับสรุปว่า ACH ฮอร์โมน ได้มาจากน้ำสัมสายชูหมัก ซึ่งเป็นการสมควรอย่างยิ่งที่ ดร.ฮาน ได้รับเกียรติอันสูงสุดในการค้นพบครั้งนี้
“คลอเลสเตอรอล สิ่งที่คุณไม่ควรเกลียดและกลัวเมื่อคุณดื่มน้ำส้มสายชูหมักเป็นประจำ”โรคหลอดเลือดแข็งตัวเป็นโรคที่ร้ายแรง รักษายากมาก หลายคนกลัวมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อทราบถึงต้นตอและสาเหตุ
คือ “คลอเลสเตอรอล” ทั่วโลกประโคมจนทำให้เราทั้งเกลียดทั้งกลัวคลอเลสเตอรอล ร่างกายของเรามีคลอเลสเตอรอลจำนวนมาก มีบทบาทและความสำคัญโดยเฉพาะอย่างยิ่งในกระแสเลือดอย่างที่คุณคิดไม่ถึง เช่น เมื่อเราตกอยู่ภาวะอันตราย คลอเลสเตอรอล
จะนำ ACH ฮอร์โมน ไปยังที่หมายทันทีทันใด เมื่อใดที่คุณต้องการความแข็งแรง Hormone เพศก็จะถูกส่งไปในที่ที่ธรรมชาติ
ต้องการ คนที่มี คลอเลสเตอรอลต่ำกว่าเกณฑ์ ปกติก็จะไม่สดชื่นเบื่อโลก ห่อเหี่ยว และที่สำคัญ อาจบกพร่องทางเพศเนื่องจาก ร่างกายเราเคลื่อนย้ายฮอร์โมนทั้งหลายผ่านคลอเลสเตอรอล
 

 ศจ.โตกิโอ ชิมาโมโต เผยแพร่งานวิจัยถึงปัญหาหลอดเลือดแข็งตัวทำให้ทั่วโลก
สนใจ เป็นอย่างยิ่ง เขาได้ค้นพบว่า หากมีการหลั่งแอนดีนาลีน (Andrenaline)
จากอาการโมโหสุดขีด, กังวล, เย็นจัด หรือเมื่อเราต้องการใช้คลอเลสเตอรอล เป็นพาหะเคลื่อนย้ายฮอร์โมน บ่อยเกินไปผ่านหลอดเลือดจะทำให้ผนังหลอดเลือด
แข็งตัว หากเรากำจัด ต้นเหตุของการหลั่ง ฮอร์โมนชนิดนี้ เช่นความเครียดก็จะลด ความเสี่ยงลงได้มากแต่ที่สำคัญมากที่สุด ก็คือการควบคุม คลอเลสเตอรอลไม่ให้
สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน

ซึ่งการดื่มน้ำส้มสายชูหมักเป็นประจำจะทำให้ปริมาณคลอเลสเตอรอลลดลง
โดยกระบวนการเปลี่ยนแปลงเป็นกรดต่างๆและเข้าสู่วัฎจักรซิตริค (Citric cycle)
ที่สมบูรณ์แบบ ตามการค้นพบของ ดร.เครบ ดังที่ได้กล่าวมาแล้ว ซึ่งจะทำให้ตับ
ทำงานน้อยลง ประสิทธิภาพของตับ สูงขี้นเมื่อตรวจเลือด ซึ่งจะทำให้ตับ ซึ่งเป็น
อวัยวะผลิตคลอเลสเตอรอล ส่วนใหญ่ของร่างกาย ผลิตคลอเลสเตอรอล ที่ปกติ ซึ่งพวกเราส่วนใหญ่เข้าใจผิดคิดว่า เป็นเพราะทานไขมันมากไปซึ่งอาจถูกสำหรับ
บางคนเท่านั้น ดังนั้นสำหรับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับคลอเลสเตอรอลเกินควรอย่างยิ่งที่
จะต้องตรวจประสิทธิภาพของตับ เมื่อตรวจโรคทั่วไปด้วย
 
“ ดื่มน้ำส้มสายชูหมักจะไม่เป็นอันตรายต่อผู้ป่วย โรคกระเพาะ และ
จุกเสียด (heartburn) “
มีการค้นพบว่าอาการจุกเสียดไม่ได้มีสาเหตุมาจากการ
หลั่งน้ำย่อยมากเสมอไป คนป่วยที่มีการหลั่งน้ำย่อยต่ำ หรือ บางรายผ่าตัด
กระเพาะทิ้งแล้วยังมีอาการเลย บางรายดื่มน้ำทีมีฤทธิเป็นด่างหรือดื่มน้ำมากๆ ก็ยังคงมีอาการ การใช้ชีวิตที่รีบเร่ง ทั้งกิน และดื่มล้วนแล้วแต่เป็นสาเหตุของ อาการจุกเสียดทั้งสิ้นหากคุณ มีอาการกระเพาะเป็นแผลอยู่แล้วให้คุณดื่ม
น้ำส้มสายชูทีละน้อยก่อน แล้วสังเกตุอาการและค่อยๆเพิ่มปริมาณขึ้นทีละน้อย
อย่างช้าๆ
 วิธีสังเกต อาการเป็นแผล ในกระเพาะคุณจะปวดภายหลังจากคุณรับประทานอาหารไปแล้วครึ่งถึงหนึ่งชั่วโมง แต่ถ้า
คุณปวดก่อนมื้ออาหาร ส่วนใหญ่แล้วจะมีแผลหรืออักเสบในลำใส้เล็กส่วนต้น แล้วทำไมต้องดื่มน้ำส้มสายชูหมัก ทั้งๆที่
น้ำย่อยของเรามีกรดไฮโดรคลอริค อยู่แล้วคุณ วางใจได้ สาเหตุเนื่องมาจากกรดอะซิติค ในน้ำส้มสายชูหมักทำให้ ระบบประสาทอัตโนมัติต่างๆกลับมาทำงานเป็นปรกติอีกครั้งซึ่งระบบประสาท อัตโนมัติเหล่านี้นี่แหละที่เป็นต้นเหตุ ทำให้เกิดการหลั่งน้ำย่อยมากผิดปกติและผิดเวลาทำให้เกิดแผลในกระเพาะ และทีพบบ่อยมากที่สุด ก็ “ ความเครียดไง “ ทำให้ระบบประสาทอัตโนมัติรวนเรหมด 

หมายเหตุ:
  หากท่านมีอาการมากอยู่ก่อนแล้วควรอยู่ภายใต้การดูแลจากหมอเอย่างใกล้ชิดเพื่อรักษาแผลให้ทุเลาก่อน
วิธีนี้สำหรับผู้ที่มีอาการเป็นๆหายๆ น่ารำคาญซึ่งส่วนใหญ่ จะรักษาที่ปลายเหตุ เช่นทานยาเคลือบกระเพาะ คุมอาหาร
รสจัดทุกชนิด เหมือนตกนรกทั้งเป็น เพราะชีวิตมีแต่ความจืดชืดี 

 
“คนเราเมื่อแก่ตัวลงทำไมต้องการแคลเซียมมากขึ้น”

ง่ายๆก็เพราะว่าร่างกายของคนแก่ดูดซึมแคลเซียมได้น้อยลงทั้งๆที่ก็กินอาหาร ที่มีแคลเซียมสูงกว่าเดิมอีก แล้วกลไกอะไรที่ทำให้การดูดซึมหย่อนประสิทธิภาพ
ลง ความลับก็คือ คนแก่น้ำย่อย จะลดลง ความเป็นกรดที่มีความจำเป็นต่อ
แคลเซียม ก็ลดลง หนำซ้ำตับอ่อนก็หลั่งโซเดียมไบคาร์บอเนตไปที่ลำใส้เล็ก ส่วนต้นและตอนบน ซึ่งมีฤทธิเป็นด่าง ทำให้แคลเซียม จับตัวกันเป็นโมเลกุล
ที่ใหญ่ขึ้นทำให้ไม่สามารถแทรกซึมผ่านผนังลำใส้เล็กดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย ได้และจะถูกขับถ่ายทิ้งทางทวารอย่างน่าเสียดาย คนแก่จึงขาดแคลเซียม
โดยปริยาย ที่น่าสงสารมากเข้าไปอีก ก็คือ วิตามิน ซี และ บี 1 ที่มีประโยชน์ ก็ถูกด่างในลำใส้เล็กตอนต้นทำลายไปด้วย ดังนั้น น้ำส้มสายชูหมักจึงเปรียบ
เป็น โอสถ ทิพย์ของคนในวัยชราที่ต้องการให้ระบบการหลั่งน้ำย่อยเป็นปรกติ
ที่สุด ไม่สงสัยเลยว่า ทำไมชาวญี่ปุ่นจีงนิยมดื่มน้ำส้มสายชูหมักกันมากและมี
อายุยืนยาวมากกว่าร้อยปี 
สรุป การดื่มน้ำส้มสายชูหมักเป็นประจำก่อให้เกิดประโยชน์ต่อร่างกายสุดคณานับ ทำให้เลือดมีสภาวะเป็นด่างหรือ pH ที่ 7.4
มีสีแดง เหมาะมากสำหรับผู้ป่วยโรคหลอดเลือดและหัวใจ ซึ่งโดยปกติแล้วคนไข้ในกลุ่มนี้จะมีออกซิเจนในเลือดต่ำ มี กรดแลคติค
สะสมในเลือดสูง ทำให้เลือดเป็นสีดำ เหนือดข้น อาการอ่อนเพลียเมื่อยล้า เหนื่อยง่าย ก็จะตามมา  การดื่มน้ำส้มสายชูหมักเป็น
ประจำ ปัสสาวะก็จะ ใสขึ้น และเป็นด่าง ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นสัญญาณของผู้ที่มีสุขภาพดีเลิศ นอกเหนือจากนี้ สำหรับผู้ที่มีความ
จำเป็นต้องทำงานหนักตรากตรำ จริงอยู่ คาเฟอีน ในเครื่องดื่มชูกำลังทั้งหลาย สามารถทำให้ท่านหายเหนื่อยอย่างรวดเร็ว
แต่อย่าลืมน๊ะ ว่ามันมีผลร้าย ต่อร่างกายมาก  บางประเทศถึงกับออกกฏหมายห้ามจำหน่าย แต่สำหรับประเทศ ด้อยและกำลัง พัฒนาก็อนุญาตให้ดื่มวันละ 2 ขวด เด็ก สตรีตั้งครรและคนชราห้ามดื่ม  น้ำส้มสายชูหมักซิค๊ะ ผสมน้ำแข็ง หรืออยากได้รสซ่า
อาจผสมโซดา เล็กน้อย จิบไปด้วยทำงานไปด้วยความอ่อนเพลียเมื่อยล้า ปวดกล้ามเนื้อ ก็จะค่อยๆหายไปภายใน 1-2 ชั่วโมง
ภายหลังรัปประทาน ทานกันได้ทั้งครอบครัว ไม่มีกฏหรือข้อห้าม  

สำหรับผู้ที่มี ภาวะเครียด ดื่มน้ำส้มสายชูหมักจะทำให้ฮอร์โมนจากต่อมหมวกไตทำงานปกติ เพื่อกำจัดความเครียดอย่างมีประสิทธิภาพ ถ้าดื่มหลังอาหารเย็นจะทำให้รู้สึกผ่อนคลาย
หลับง่ายและลึกซึ่งเป็นสรรพคุณเบื้องต้นของการดื่มน้ำส้มสายชูหมักที่ทุกคนทราบดีอยู่แล้ว
หลายรายที่ดื่มทำให้หายจาก สาระพัดโรคที่เกี่ยวเนื่องมา จากปัญหาการนอนไม่หลับทำให้ หลายท่านที่ได้ทดลองดื่มถึงกับเรียกว่า ยามหัศจรรย์ ซึ่งขอเรียนท่านว่า เครื่องดื่ม
น้ำส้มสายชูหมัก ไม่ใช่ยาแต่เป็นอาหารเพื่อสุขภาพ ถึงแม้สรรพคุณสูงกว่ายาหลายชนิด ที่อวดอ้างสรรพคุณสำหรับผู้ที่มีปัญหาคลอเลสเตอรอลสูง หรือต้องการลดความอ้วน
น้ำส้มสายชูหมัก จะทำให้การเผาผลาญ และการทำงานของ citric cycle สมบูรณ์แบบ มากขึ้นและควร ผสมผสานกับการออกกำลังกายจะให้ผลดีมากที่สุด ยังมีสรรพคุณ ของ การดื่ม น้ำส้มสายชูหมัก อีกมากมาย เช่นการขจัดพิษ ซึ่งท่านสามารถ ค้นคว้าได้จากทาง อินเตอร์เนท หรือสื่ออื่นๆ ได้ทั่วไป ส่วนข้อเสียของน้ำส้มสายชุหมักมีเพียงรสชาติที่เปรี้ยวและมีกลิ่นฉุนน้ำส้ม เท่านั้น แต่อย่างไรก็ตามปรัชญาของการมีสุขภาพที่ดีท่านต้องทานอาหารให้ครบ ทั้ง 5 หมู่ ออกกำลังกายเป็นประจำ ทำจิตใจให้ผ่องใสไม่เครียด ไม่ใช่ อดอาหาร จนขาดสารอาหาร
 
หมายเหตุ: น้ำส้มสายชูหมักจากผลไม้ทุกชนิดมีสรรพคุณ และคุณสมบัติคล้ายๆกัน ยกเว้น น้ำส้มสายชูหมักจาก
น้ำอ้อยบริสุทธิ เท่านั้นที่ไม่มีโซเดียม จึงปลอดภัยต่อผู้ที่มีภาวะความดันสูง จึงเป็นสาเหตุที่ชาวญี่ปุ่นนิยมดื่มเฉพาะ
ที่หมักหรือทำมาจาก มาจากน้ำอ้อยบริสุทธิเท่านั้น

ขอขอบคุณ http://www.thai-japanbev.com/general.html

รา กับน้ำส้มสายชู


สิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่า ‘รา’ ภัยบ้าน-สุขภาพ
บทความชิ้นพิเศษเกี่ยวกับ เชื้อเรา เอาใจทั้งคนรักษ์บ้าน และรักษ์สุขภาพ อันเนื่องมาจากเชื้อราที่เกิดขึ้นบนเฟอร์นิเจอร์ หรือข้าวของเครื่องใช้ในบ้าน เพราะความอับชื้น หากปรากฏขึ้นมาก นอกจากจะไม่สวยงามแล้ว เชื้อรายังเป็นอันตรายต่อสุขภาพด้วย โดย ‘มุมสุขภาพ’ ขอเสนอวิธีพิชิตเชื้อรา จากคุณ meepole…

ราบางชนิดก็มีประโยชน์ใช้ทำยา ใช้ในอุตสาหกรรมอาหาร เป็นต้น แต่ที่จะเขียนถึงต่อไปนี้แน่นอน มันเป็นราผู้ร้าย รามีหลายประเภท (species) และราแต่ละชนิดก็มีผลต่อสุขภาพแตกต่างกัน และที่แน่นอนคือเมื่อมีราเกิดขึ้นไม่ว่าส่วนใดของบ้าน ต้องกำจัดออก ไม่ต้องคิดเมตตาปราณีเป็นอันขาด หลายคนอาจยังเข้าใจว่าเชื้อราก่อให้เกิดโรคเฉพาะผิวหนังภายนอก เช่น กลากเกลื้อน เชื้อราที่มือและเท้า เป็นต้น แต่ความจริงแล้วราลุยเข้าไปในตัวเราได้มากกว่าที่คิด ตับ ไต ไส้พุง ระบบน้ำเหลือง มันเที่ยวไปรังควานซะทั่ว
เชื้อราเส้นเล็กๆ นี่ อันตรายกว่าที่คิดแน่นอน เพราะอาจส่งผลต่อการเกิดภูมิแพ้ และเกิดโรคหลายชนิด เช่น โรคปอดอักเสบ บางชนิด สามารถผลิตสารพิษที่เรียกว่า mycotoxin ซึ่งมีพิษมาก และถูกสงสัยว่าเป็นสารก่อมะเร็งด้วย มีผลต่อภูมิคุ้มกันบกพร่อง ราบางชนิด เช่น กลุ่มราบางชนิดที่ชอบขึ้นบนพรมที่ชื้น ทำให้ลำไส้ใหญ่อักเสบ มีเลือดออกภายใน เกิดแผลในกระเพาะ และอีกชนิดที่รู้จักกันดีคือกลุ่มเพนนิซิเลียมที่พบได้ทั่วไปในดิน อาหาร ขนมปัง ธัญพืช มักพบบนผนังฝาบ้าน พรม วอลเปเปอร์ที่ชื้น ราพวกนี้จะทำให้มีอาการหอบหืด โรคปอดอักเสบภูมิไวเกิน ราบางชนิดเข้าปอดโดยการหายใจ ทำให้มีการติดเชื้อแพร่กระจายออกไปยังอวัยวะใกล้เคียง เช่น ตับ ม้าม กระดูก ตลอดจนเข้าไปในระบบน้ำเหลือง และตายได้ บางกลุ่มทำลายตับ ไต
เราได้รับเชื้อรา ทางไหนบ้าง?...เรารับเชื้อราได้ทุกส่วนของร่างกาย เช่น จากการสัมผัส ทางจมูก โดยการหายใจ พบว่าการติดเชื้อส่วนใหญ่เกิดจากการหายใจ เนื่องจากเชื้อรามีอยู่ทั่วไปในอากาศโดยเฉพาะสปอร์ล่องลอยเที่ยวไปเรื่อยๆ ดังนั้น คนที่มีปัญหาเป็นโรคภูมิแพ้ควรหลีกเลี่ยงบริเวณเสี่ยงต่อการได้รับเชื้อรา หรือบริเวณที่มีเชื้อราอยู่มาก เช่น บริเวณที่มีฝุ่นละอองเยอะ บริเวณที่มีคนอยู่หนาแน่น อีกกลุ่มหนึ่งคือกลุ่มบุคคลที่มีปัญหาระบบภูมิคุ้มกัน เช่น คนที่เป็นโรคเอดส์ โรคมะเร็ง ผู้ที่ปลูกถ่ายอวัยวะ ผู้ที่กำลังมีการใช้ยากลุ่มสเตียรอยด์และเคมีบำบัด กลุ่มบุคคลที่มีปัญหาเกี่ยวกับปอด เช่นคนที่เป็นโรควัณโรค หรือ cystic fibrosis เป็นต้น
รู้อย่างนี้แล้วคงต้องหาเวลาตรวจส่วนต่างๆของบ้าน ว่ามีราแอบแฝงที่ส่วนใดบ้าง ห้องน้ำ ผ้าม่าน พรม หน้าต่าง เบาะนั่ง หมอน ผนังห้อง หวี เฟอร์นิเจอร์ต่างๆ เสื้อผ้า กระเป๋า...เพราะบางครั้งที่คนในบ้าน เด็กเล็ก ป่วยหอบหืด ภูมิแพ้ อาเจียน ไข้ โดยไม่มีสาเหตุ และนำไปสู่โรคต่างๆข้างต้นได้ แม้กระทั่งผู้ใหญ่หากร่างกายอ่อนแอ ก็จะมีอาการดังกล่าวเช่นกัน โดยอาจจะมาจากสิ่งเล็กๆที่เรียกว่า "รา" นี่เอง

ปฏิบัติการกำจัด-จำกัด ราในบ้าน เราจะเริ่มที่ขั้น ทำความสะอาดก่อน ๑. แรกสุดที่ต้องคิดถึง คือกำหนด "รา cleaning day" (ทำงานให้เป็นสุข สนุกกับการทำงาน) ดูว่าราขึ้นมากไหม (บริเวณกว้างไหม) และมันเพิ่งขึ้น หรือมันนานพอควรแล้ว รู้ได้ยังไง ...ก็ดูว่าฟูมากไหม เป็นขยุ้ม หรือเป็นจุดเล็กๆ อันนี้จำเป็น แล้วแต่ละสภาพแวดล้อมที่ทำ ถ้าเป็นในห้องน้ำมักจะเป็นพวกไม่ฟู ถ้าเป็น อาหาร ไม้ โดยเฉพาะ particle board ที่เป็นส่วนของเฟอร์นิเจอร์ จะฟู (ถ้าขึ้นมาเกิน ๑ สัปดาห์แล้ว) ๒. สำรวจความพร้อมของคณะทำงานและผู้ช่วยก่อน ถ้ามีรามาก และฟู และคุณมีสภาพร่างกายที่มีความเสี่ยงแบบที่กล่าวถึงในบทความก่อนหน้านี้ ก็ควรใส่ที่ป้องกัน สวมหน้ากากกันหวัดนั่นล่ะ ถุงมือพลาสติกที่มีขายตามสรรพสินค้าทั่วไปหรือเป็นถุงมือแพทย์ก็ได้ ถ้าฉุกเฉินจริงๆหาไม่ทัน เอาของที่มีทุกบ้านมาใช้แทน คิดออกไหมเอ่ย!!! ถุงกอบแกบขนาดเล็กเอามือใส่เข้าไป แล้วเอาห่วงยางรัดก็จะได้ถุงมือแบบไม่มีนิ้ว เก๋ไปอีกแบบ เสื้อผ้าที่สวมใส่เอาที่รัดกุมหน่อย อย่ากรุยกรายมากนักเดี๋ยวยังไม่ทันทำความสะอาด แขนเสื้อ ชายเสื้อ จะไปกวาดแทนหมด ๓.ดูพื้นที่ๆเราจะจัดการก่อนว่าราขึ้นที่ไหน สภาพแวดล้อมบริเวณนั้นเป็นอย่างไร เช่นแห้ง ชื้น เปียก ๔.สำรวจบริเวณที่จะทำความสะอาด ว่ามีของเกะกะ หรือของใช้อื่นๆอยู่ใกล้หรือไม่ เช่นเฟอร์นิเจอร์ โซฟา หมอนหนุน อยู่ในบริเวณเดียวกัน หากมันขึ้นที่จุดใดจุดหนึ่งที่เป็นจุดร่วม ต้องค่อยๆหยิบออกมาวางทีละชิ้นแล้ว clear เพราะจะถือว่าทุกส่วนกระทบหมดคือ อาจมีรา เพราะรามีลักษณะเป็นเส้นใยมันสามารถชอนไช แผ่ขยายเหมือนตาข่าย เพราะฉะนั้นถ้าจะทำความสะอาดที่จุดใดต้องจัดการบริเวณไกล้เคียงด้วย บริเวณอื่นก็ใช้หลักการเดียวกัน ไม่งั้นมันจะเหลือพรรคพวกเตรียมซุ่มรอก่อการร้ายได้อีก เมื่อสภาพแวดล้อมรู้เห็นเป็นใจ ๕.สังเกตพื้นผิวที่จะกำจัดก่อนว่าพื้นเรียบหรือขรุขระหรือมีรูพรุน (วัสดุมีรูพรุนหรือน้ำซึมได้ดี เช่น ฝ้า แผ่นฉนวน พรม เสื้อผ้า กระดาษ หนังสือ ) หรือไม่ซึมน้ำ เช่น แก้ว โลหะ พลาสติกแข็ง หรือซึมได้เล็กน้อย เช่น ไม้ คอนครีต ๖.กำหนดบริเวณที่ทำความสะอาด แล้วหากระดาษหนังสือพิมพ์มาปูรอบๆ (ติด) พื้นบริเวณนั้น ๆ (กรณีในบ้าน) แล้วสเปรย์น้ำหมาดๆลงบนกระดาษ (ก่อนจัดการรา) ถ้าเป็นห้องนอนต้องหาผ้ามาคลุมเตียง ๗.เอาถุงกอบแกบ ใบใหญ่หน่อยชนิดที่เอาของทุกอย่างทิ้งในถุงนั้นได้หมด โดยไม่ต้องคอยขยับถุง (กระเทือน) มาวางใกล้ และ ๘.อย่าเปิดพัดลม เพราะอาจเป็นตัวกระจายสปอร์ให้ฟุ้งไปทั่วอีก พร้อมแล้วนะคะ ลงมือลุย
จาก ข้อ ๓ *ถ้าพื้นที่ที่ราขึ้นแห้ง ห้ามเช็ดแบบแห้งเป็นอันขาดเพราะถ้ามีสปอร์มันจะฟุ้งล่องลอย ไปเที่ยวรอบห้อง หรือไม่ก็เข้าจมูก ปาก ตาของเรา อันตรายอีก ดังนั้น ต้องทำให้มันชื้นเล็กน้อย โดยใช้กระดาษ tissue มากๆหลายๆชั้น ชุบน้ำ หมาดมากๆ (ไม่เปียกแฉะ) ปกติควรใช้ tissue ขนาดแผ่นใหญ่ที่เป็นม้วน มันจะหนาดีมาก *แล้วเช็ดจากล่างขึ้นบน (ซ้ายไปขวา หรือขวาไปซ้ายก็ไม่ ได้) นี่กรณีราฟู นะคะ ถ้าไม่ฟูก็ตามใจถนัด *เช็ดทีเดียวทิ้งทุกครั้ง ไม่มีการซ้ำ อย่าประหยัด •เตรียมน้ำสบู่เหลว เอาแบบที่บอกว่าฆ่าเชื้อหรือธรรมดาก็ได้ (ไม่ได้ค่าโฆษณาเลยไม่บอกชื่อ).. (ยิ้ม) ผสมน้ำเล็กน้อย เช็ดซ้ำอีก •เสร็จก็ใช้น้ำเช็ดซ้ำ คราวนี้เช็ดยังไงก็ได้ ตามใจชอบ ทำความสะอาดเสร็จ นั่งพักก่อนได้ ถ้าเหนื่อย
ขั้นตอนต่อไปจะเป็นการฆ่าเชื้อรา ซึ่งมีหลายวิธีให้เลือก ๑.น้ำส้มสายชู เทน้ำส้มสายชูออกจากขวดใส่กระดาษทิชชู หมาดๆ (ไม่แนะนำให้ใช้ผ้าเพราะใช้แล้วต้องซัก ไม่ดีแน่ เอาแบบใช้แล้วทิ้งปลอดภัยกว่า) หรือใส่ขวดสเปรย์ก็ได้ สเปรย์ตั้งทิ้งไว้สัก ๕-๑๐ นาทีแล้วก็เช็ดเลย กำจัดได้ในระดับน่าพอใจ (๘๐%) แต่ไม่ฆ่าสปอร์ ๒.Tea tree oil ใช้ ๒ ช้อนชาในน้ำ ๒ ถ้วย ใส่ขวดสเปรย์เบาๆ บนบริเวณที่ต้องการแล้วเช็ด เหลือเก็บใส่ขวดเก็บไว้ใช้ได้นาน ๓.Grapefruit seed extract ใช้ ๒๐ หยด ใส่ในน้ำ ๒ ถ้วย ใส่ขวดสเปรย์เบาๆ บนบริเวณที่ต้องการแล้วเช็ด

ส่วนสารฆ่าเชื้อราที่เข้มข้นกว่า ประกอบด้วย...
๑. แอลกอฮอล์ (ethanol, isopropanol)ใช้ที่ความเข้มข้น ๖๐ - ๙๐%. ควรให้ระยะสัมผัส อย่างน้อย ๕-๑๐ นาที
๒. Chlorox bleach หรือ sodium hypochlorites สารนี้ส่วนใหญ่จะรู้จักกัน เป็นสารประกอบคลอรีน มีฤทธิ์ในการทำลายเชื้ออย่างกว้างขวาง มีราคาถูก และออกฤทธิ์อย่างรวดเร็ว สารละลาย hypochlorite เสื่อมสภาพได้เร็ว ประสิทธิภาพจะลดลงเมื่อสัมผัสอินทรียสาร จึงควรเตรียมใหม่เมื่อใช้และเก็บในภาชนะที่ป้องกันแสงใช้อัตราส่วน๑:๑๐
๓.ไฮโดรเจนเพอรอกไซด์ (hydrogen peroxide)ใช้ที่ความเข้มข้น ๓-๖ % แต่ตัวนี้ระยะเวลาสัมผัสใช้ต้องใช้เวลานานหน่อย (แช่ไว้)
๔. ไอโอโดฟอร์ (Iodophore)ใช้ฆ่าสปอร์ได้ที่ความเข้มข้น ๗๕ ppm (ส่วนในล้านส่วน) ระยะเวลาสัมผัสใช้ต้องใช้เวลานานเช่นกัน
ทราบวิธีกำจัดเชื้อรากันแล้ว ต้องลองนำคำแนะนำที่ได้ไปทดลองทำดู เพื่อบ้านที่น่าอยู่ และผู้อยู่อาศัยมีสุขภาพด� �takecareDD@gmail.com (เดลินิวส์ออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย ๑๙ ม.ค.๒๕๕๔)

แก้ไขล่าสุด (วันพฤหัสบดีที่ 03 กุมภาพันธ์ 2011 เวลา 07:47 น.)

-----
การกำจัดเชื้อรา หลังน้ำท่วม

1. เมื่อเกิดเชื้อราขึ้นกับวัสดุที่เป็นพื้นแข็ง ให้ใช้น้ำสบู่ แอลกอฮอล์ หรือน้ำยาขัดห้องน้ำล้างและขัดให้ด้วยแปรงชนิดแข็งจนเชื้อราออกจนหมดจด จากนั้นใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดหลาย ๆ รอบจนกว่าจะแน่ใจว่าสะอาด
2. วัสดุที่เป็นเนื้ออ่อน เช่น หนังสือ กระดาษมัน พลาสติก กล่อง ให้ใช้สำลีชุบฟอร์มาลีนเช็ด แล้วตามด้วยผ้าชุบน้ำสะอาด จากนั้นนำไปวางไว้ในที่ที่อากาศถ่ายเท และมีแสงแดดส่องถึงเล็กน้อย แล้วปล่อยให้แห้ง 
 3. พรม ฝ้า หรือที่นอน หาก มีเชื้อราขึ้น ให้โยนทิ้งจะปลอดภัยที่สุด เพราะวัสดุที่มีรูอย่างพรม ฝ้า และที่นอนนี้ เป็นวัสดุที่ล้างเชื้อราออกได้ยากมาก และแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะสามารถล้างออกได้หมดจด 100% ซึ่งถ้าหากยังดันทุรังใช้ต่อไป ความชื้นในห้องก็อาจจะทำให้เชื้อราลุกลาม ฟักตัวได้กว้างขึ้น ทำให้เกิดโรคและเป็นอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจของผู้อยู่อาศัยไม่รู้ตัว ซึ่งแน่นอนว่ามันไม่คุ้มกันเลยล่ะ
4. อย่าทาสีหรือแลคเกอร์ทับในบริเวณที่เกิดเชื้อรา ให้ล้างออกให้สะอาดหมดจดก่อน จากนั้นค่อยเริ่มทาสีหรือแลคเกอร์
5. กรณีที่เชื้อราผุดให้เห็นในข้าวของเครื่องใช้ประเภทเครื่องหนังให้ใช้น้ำส้ม สายชูเช็ดหลายๆครั้งจนแน่ใจว่าสะอาด จากนั้นเช็ดครั้งสุดท้ายด้วยน้ำสะอาด น้ำส้มสายชูจะช่วยกำจัดเชื้อราได้เป็นอย่างดี
6. เฟอร์นิเจอร์ หรือของใช้ที่เป็นไม้เนื้ออ่อน โดยปกติวัสดุเหล่านี้จะเสี่ยงต่อการขึ้นราเมื่อมีความชื้นอยู่แล้ว ซึ่งมันจะไม่เป็นอะไรมากนักหากนำมาล้างทำความสะอาดภายใน24-48 ชั่วโมงที่พบเชื้อหรือเริ่มสังเกตเป็นดอกเป็นดวงขึ้น แต่ในกรณีที่น้ำท่วมแล้วปล่อยบ้านไว้นานเป็นเดือนๆ ขอแนะนำให้ทิ้งข้าวของเครื่องใช้ที่ทำด้วยไม้เนื้ออ่อนเหล่านั้นไปอย่างไม่ ต้องเสียดาย เพราะอาจจะฟักตัวเป็นเชื้อราที่อันตรายมากขึ้นได้
 7. ย้ายเฟอร์นิเจอร์หรือเครื่องใช้ที่มีราขึ้น(และตอนนี้ได้ทำความสะอาดแล้ว)ไป อยู่ในที่ที่อากาศถ่ายเทได้สะดวก หรือที่แสงแดดส่องถึงสักระยะหนึ่ง คือประมาณ1-2 สัปดาห์ แล้วหมั่นคอยตรวจสอบว่าหลังจากทำความสะอาดแล้วยังมีเชื้อราขึ้นอยู่อีกหรือ ไม่ หากไม่มีก็แสดงว่าสามารถแน่ใจแล้วว่าเราได้ทำความสะอาดเชื้อราออกไปได้อย่าง หมดจดแล้วจริงๆ แต่หากยังพบร่องรอยของเชื้อรา ขอให้นำมาทำความสะอาดใหม่ เพราะมันจะลามได้ง่ายมากถ้าหากวันหนึ่งอากาศชื้นอีกครั้ง
8. วอลเปเปอร์ ใช้กรดซาลิไซลิด ผสมกับแอลกอฮอล์ในอัตราส่วน 1:5 จากนั้นนำผ้ามาชุบไปเช็ดวอลเปเปอร์ซ้ำๆ ประมาณ 2 รอบ แต่ถ้าหากว่ามีเชื้อราอยู่มาก แนะนำให้รื้อทิ้งแล้วเปลี่ยนวอลเปเปอร์ใหม่จะดีกว่า
9. เสื้อผ้า ผ้าม่าน และผ้าห่ม หาก พบเชื้อรา สามารถฆ่าเชื้อเบื้องต้นได้โดยใช้น้ำร้อนจากนั้นขยี้แล้วซักให้สะอาดหลายๆ ครั้ง และตากในที่ที่มีแสงแดดเท่านั้น เพื่อเป็นการฆ่าเชื้ออีกที
10. งดกิจกรรมที่จะก่อให้เกิดความชื้นภายในบ้าน หากตัวบ้านเพิ่งมีราขึ้นและได้รับการทำความสะอาดไปใหม่ๆ
ไม่ควรต้มน้ำ ซักผ้า ตากผ้า เปิดเครื่องปรับอากาศเย็นจัด แต่ควรเปิดให้อากาศภายนอกได้ระบายเข้ามาบ้าง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันแดดจัด แม้ว่าจะทำให้คุณร้อนอบอ้าวไปบ้างแต่แสงแดดจะช่วยฆ่าเชื้อราได้ดีเลยทีเดียว