Pages

Long Live The king

Long Live The king
Showing posts with label อสังหา. Show all posts
Showing posts with label อสังหา. Show all posts

February 08, 2015

รวยด้วยอสังหา" ลงทุน "บ้าน-คอนโดฯ-อพาร์ตเมนต์"

"สุวรรณ วลัยเสถียร" เสนอคู่มือ "รวยด้วยอสังหา" ลงทุน "บ้าน-คอนโดฯ-อพาร์ตเมนต์"

Prev
1 of 2
Next
คลิกภาพเพื่อขยาย
updated: 09 ส.ค. 2555 เวลา 13:01:34 น.
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
ดร.สุวรรณ วลัยเสถียร อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กูรูด้านการลงทุนมาเผยเคล็ดลับ...รวยด้วยอสังหาฯ ที่อาคารศุภาลัยแกรนด์ทาวเวอร์ ชั้น 33 เมื่อเร็ว ๆ นี้

ช้ช่องลงทุน "อพาร์ตเมนต์"

"อ.สุวรรณ" เปิดประเด็นอสังหาฯที่ลงทุนคือ 1) ซื้อบ้านหรือคอนโดฯ ปล่อยเช่า ควรมีเงินทุน 20% และกู้แบงก์ไม่เกิน 80% ขณะที่ผลตอบแทนค่าเช่าบ้านเฉลี่ยอยู่ที่ 3-5% ต่อปี คอนโดฯเฉลี่ย 5-8% ต่อปี 2) ลงทุนทำอพาร์ตเมนต์ ผลตอบแทนค่าเช่าเฉลี่ยจะอยู่ที่ 7-10% ต่อปี แต่งบฯที่ใช้ลงทุนก็แตกต่างกันไป 3) ซื้อบ้านแล้วปรับเป็นโฮมออฟฟิศ

สำหรับอพาร์ตเมนต์ เมื่อเลือกจะลงทุนแล้ว ปัจจัยความสำเร็จคือ 1) ต้องสำรวจตลาด ทำเลที่น่าลงทุนคือรอบมหาวิทยาลัยเอกชนชั้นนำ กับรอบนิคมอุตสาหกรรม 2) ศึกษาความเป็นไปได้ผลกำไร 3) ต้องระวังการบริหารกระแสเงินสด เพราะช่วงแรกสามารถเก็บค่าเช่าล่วงหน้าและเงินประกันได้ แต่ต้องเผื่อกรณีที่มีลูกค้าย้ายออกเพราะจะต้องคืนเงินประกัน และไม่มีรายได้ค่าเช่าชั่วคราว 4) ต้องเผื่อค่าใช้จ่ายภาษีและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ อาทิ ภาษีโรงเรือน ภาษีหัก ณ ที่จ่าย ภาษีเงินได้ ฯลฯ




รายละเอียดการลงทุนอพาร์ตเมนต์สัดส่วนเงินลงทุนที่ต้องเตรียมไว้ได้แก่ 1) ค่าที่ดิน 25% 2) ค่าก่อสร้าง 65% 3) ค่าใช้จ่ายระหว่างก่อสร้าง 5% และ 4) ดอกเบี้ยระหว่างก่อสร้าง 5% โดยควรมีทุนประเดิมอย่างน้อย 40% ของมูลค่าลงทุนทั้งหมด ที่เหลืออีก 60% เป็นเงินกู้จากแบงก์

กรณีตัวอย่าง ผลกำไรจากการลงทุนทำอพาร์ตเมนต์ 50 ห้อง ห้องละ 30 ตร.ม. คำนวณภายใต้ต้นทุนค่าก่อสร้าง ตร.ม.ละ 1 หมื่นบาท เท่ากับจะมีต้นทุนก่อสร้างห้องละ 3 แสนบาท รวม 50 ห้องเบ็ดเสร็จจะมีต้นทุนทั้งหมด 15 ล้านบาท

ขณะที่รายได้ค่าเช่าประเมินที่ห้องละ 4 พันบาท/เดือน หรือเดือนละ 2 แสนบาท บวกกับรายได้อื่น ๆ (ค่าน้ำ-ค่าไฟ) อีกเดือนละ 2 หมื่นบาท หากคิดที่อัตราเช่า 80% เท่ากับจะมีรายได้ค่าเช่าและค่าน้ำ-ค่าไฟรวมเดือนละ 1.76 แสนบาท หักลบจากค่าใช้จ่ายเฉลี่ยที่ 30% หรือเดือนละ 5.28 หมื่นบาท เท่ากับจะมีรายได้คงเหลือเดือนละ 1.23 แสนบาท แต่ยังไม่รวมเงินที่ผ่อนชำระแบงก์ ซึ่งทุก ๆ วงเงินกู้ 1 ล้านบาท (ระยะเวลากู้ 10 ปี) ที่อัตราดอกเบี้ย 7.75% จะมีภาระผ่อนแบงก์เดือนละประมาณ 1.21 หมื่นบาท

ลงทุนคอนโดฯ ต้องกลางเมือง

ส่วนกรณีลงทุนคอนโดฯ ควรมีเงินทุนประเดิมขั้นต่ำ 20% และกู้แบงก์ไม่เกิน 80% มีตัวอย่าง...ซักเซสสตอรี่คือ คอนโดฯในซอยนานา ถ.สุขุมวิท เมื่อปี 2535 ห้องขนาด 320 ตร.ม. ซื้อมาในราคา ตร.ม.ละ 2 หมื่นบาท หรือประมาณ 6.4 ล้านบาท ผ่านมา 20 ปีราคาขายขยับขึ้นเป็น ตร.ม.ละ 1.5 แสนบาท หรือ 48 ล้านบาท หรือขึ้นมากว่า 7 เท่า ยังไม่นับรวมรายได้จากการปล่อยเช่าตลอด 20 ปี กรณีที่ถือกรรมสิทธิ์ครบ 5 ปีจะได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ 3.3% จากราคาประเมินให้กับกรมที่ดิน แต่จะต้องเสียค่าธรรมเนียมการโอน 2% จากราคาประเมิน

ดังนั้น การจะซื้อคอนโดฯเพื่อลงทุนและอนาคตอยากขายต่อเพื่อทำกำไร คำแนะนำคือเลือกทำเล "กลางเมือง" เท่านั้น เพราะที่ดินเหลือน้อย ทำให้ซัพพลายที่จะมาเป็นคู่แข่งในอนาคตมีน้อย เช่น ทำเลสีลม สาทร ศาลาแดง สุขุมวิท (ชิดลม-เอกมัย) ส่วนบ้านแนะนำทำเลบางนา เพราะปีก่อนน้ำไม่ท่วม อยู่ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ

ส่วน "ที่ดินเปล่า" ไม่แนะนำให้ลงทุน ยกเว้นทำเลกลางเมืองอย่าง "ศาลาแดง" ที่เกือบจะหาที่ดินไม่ได้อีกแล้ว !