เป็นเรื่องธรรมชาตินะ หากคนเราจะนอนหลับไปแล้วฝันขึ้นมา (ในตอนดึกดื่น)
แต่บางคนแจ้งว่าตัวเองไม่ค่อยฝันเท่าไหร่ นานๆถึงจะฝันสักที
ไม่เหมือนกับบางคนที่ฝันได้ฝันดีฝันเกือบทุกวัน แต่ที่ว่าฝันๆๆนั้น
มีมากมายที่มักจะเป็น “ฝันกลางวัน” แบบฝันหวานแล้วก็คิดเอง เออเอง ไปซะฉิบ
อย่างไรก็ตาม การที่คนเราจะ “เพ้อฝัน” ไปบ้าง ก็ไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย
เนื่องจากฝันกลางวันหรือเพ้อฝัน ก็คือการคาดหวังอย่างนึง ซึ่งเคยมีคนบอกนะว่า
ถ้ายังมีความฝันหรือมีความหวัง แสดงว่ายังไม่ตายแต่เป็นคนที่ยังมีชีวิตอยู่
เพียงแต่อย่า “ฝันกลางวัน” หรือเพ้อฝันให้มันไกลเกินไปก็แล้วกัน จะได้ไม่ผิดหวังมาก
หรือเจ็บใจมากยังไงล่ะ เอ้ามีนะ คนที่ฝันกลางวันซะเป็น ตุเป็นตะ
แบบฝันว่าจะได้แฟนเป็นไฮโซ ทั้งๆที่ตัวเองก็โลโซจะตาย แถมเป็นดารารึก็เปล่า
ที่พูดถึงดารานี่ก็ไม่ใช่อะไร เพราะมีคนชอบพูดกันจังว่า ไฮโซน่ะชอบดารา
ส่วนจะจริงหรือไม่จริงก็ไม่รู้ ถือเป็นรสนิยมส่วนตัว แล้วอันที่จริง
ไม่ว่าใครก็ชอบดาราทั้งนั้น แต่ชอบใครก็อีกเรื่อง ส่วนสาเหตุที่ชอบก็แตกต่างกันไป
เช่น ชอบที่ผลงานของพวกเขา, ชอบหนังที่แสดงหรือเพลงที่ร้อง หรือชอบเพราะหน้าตาดี
มองเท่าไหร่ก็เจริญหูเจริญตาอะไรเงี้ยะ
พอพูดถึงผู้ที่มีหน้าตาดีขึ้นมา ก็ต้องยอมรับว่า คนที่หน้าตาดีมักจะหาแฟนได้ง่าย
จึงมักได้ยินเสียงโอดครวญของบางคนอยู่เรื่อยว่า หาแฟนย้าก...ยาก หายากลำบากลำบน
“เนี่ย ถ้าใครผ่านเข้ามา (ในชีวิตของฉัน) ตอนนี้ละก็ จะจีบมาเป็นแฟนซะเลย”
ว้าย...พูดซะน่ากลัว อย่างนี้ขืนใครรู้เข้า เขาอาจกลัวที่จะเข้าใกล้หล่อนได้นะ
ระวังเหอะ ขืนคว้า “ใครก็ได้” มาเป็นแฟน โดยไม่พิจารณาถึงปัจจัยอย่างอื่นด้วยเลย
ระวังจะชีช้ำกะหล่ำปลีละกัน ไม่อยากเชื่อว่า จะมีใครจนปัญญาหาแฟนถึงขนาดน้าน
พูดเล่นละสิ
ตามกฎกติกาและมารยาทของการออกเดทโดยทั่วไปนั้น
จะไม่แนะนำให้รีบคว้าใครมาเป็นแฟนทันทีนะ
แม้ฝ่ายหนึ่งจะชอบอีกฝ่ายอย่างมากมายมหาศาลแค่ไหนก็ตาม
ที่สำคัญ เดี๋ยวนี้ในสากลโลกสมัยใหม่ก็ไม่แนะนำให้คู่ที่ปิ๊งกัน
และถึงกับชวนกันไปออกเดทหนแรก รีบปักใจหรือเอ่ยปากกับคนที่ออกเดททันทีว่า รักเขาซะ
เต็มประดาตั้งแต่เดทด้วยกันครั้งแรก เอ้า อธิบาย... หมายความว่า
จะปิ๊งใครน่ะปิ๊งได้ ถ้าเราชอบเขา และเขาก็ชอบเรา
สามารถชวนกันไปออกเดทดูใจกันก่อนได้
แต่อย่าเพิ่งปักใจเชื่อหรือบอกเขาไปว่าคุณรักเขาหมดใจตั้งแต่เพิ่งออกเดทครั้งแรกด้วยกันนั่นเอง
เพราะการตัดสินใจในแวบแรก มักเป็นอารมณ์ล้วนๆ ยังไม่ได้ใช้เหตุผลว่างั้น
ไว้ให้ผ่านการออกเดท (การนัดไปเที่ยวไปสังสรรค์ดูใจ) ไปแล้ว 3 ครั้งก่อน
แล้วค่อยว่ากัน!
ถามว่า ถ้าต้องพิจารณากันถึงรายละเอียดของคนที่จะมาเป็นแฟนเรานั้น
แล้วตรงไหนล่ะที่พวกเราควรมีความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับตัวเขาหรือเธอเอาไว้บ้าง?
อ่ะ ในเมื่อรู้หน้าค่าตากัน ก็น่าจะรู้ต่อไปอีกหน่อยว่าเขาหรือเธอ
ผู้ที่คุณจะมอบหัวใจให้นั้น มีรายละเอียดดังต่อไปนี้ 1.อายุเท่าไหร่แล้ว?
แม้ผู้หญิงส่วนใหญ่จะไม่ค่อยอยากพูดถึงเรื่องอายุของเธอนัก
(ส่วนผู้ชายเองก็ใช่ว่าจะบอกเรื่องนี้กันง่ายๆ) แต่ถึงไง
ในเมื่อจะจีบและคิดจะเป็นแฟนกันทั้งที ถ้าไม่รู้สิ่งนี้เลย มันก็ยังไงยังไงอยู่นะ
ถ้าเป็นในกรณีที่ชายและหญิงเป็นเพื่อนนักเรียนรุ่นราวคราวเดียวกันก็ว่าไปอย่าง
(ไม่ว่าจะเคยเรียนชั้นประถม, มัธยม หรือมหาวิทยาลัยเดียวกันมาก็ตาม) แสดงว่า
อายุน่าจะไล่เลี่ยกัน หรือถ้าแตกต่างก็ไม่น่าจะมากนัก อย่างนี้พอจะเดากันได้
ตรงข้าม ถ้าหากไปสะดุดรักในวัยทำงานล่ะ?
หากทำงานที่เดียวกันยังพอจะอนุมานได้ว่า อายุอานามของเขาหรือเธอ คนที่คุณชอบนี้
ประมาณเท่าไหร่ ถ้าไม่ถามกันตรงๆ ก็อาจไปถามเพื่อนร่วมงานดูได้
แต่ควรได้แหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือหน่อยนะ ไม่ใช่พูดอะไรมั่วซั่ว
(ซึ่งคนแบบนี้มีเยอะ) ก็อย่าไปมั่วกับเขาด้วย
ซึ่งบางทีอาจไม่จำเป็นต้องรู้แบบเป๊ะๆก็ได้
แต่ถ้าไปสะดุดรักที่อื่น เช่น บนรถไฟฟ้า อย่างในเรื่องรถไฟฟ้ามาหานะเธอ
หรือตามช็อปปิ้ง เซ็นเตอร์ โอ้โห...เปอร์เซ็นต์การได้สะดุดรักกันจริงๆ อาจมีไม่มาก
แต่ก็เป็นไปได้ ทว่า คงไม่มีใครถามถึงอายุกันตั้งแต่แรกหรอก
เพราะอยากรู้ว่ามีแฟนหรือยัง?มากกว่าน่ะสิ
2.พ่อแม่ของเขาหรือเธอเป็นใคร? แล้วพี่น้องล่ะมีไหม? หรือเป็นลูกคนเดียว?
3.ประวัติการศึกษา, งานการที่ทำ ถือเป็นเรื่องเบสิก (เรื่องพื้นฐาน) ที่ควรรู้ไว้
ซึ่งถ้าเผื่อต่างฝ่ายต่างไม่อยากรู้ในเรื่องเหล่านี้ (ข้อ 2. กับข้อ 3.) ของกันเลย
แสดงว่า ไม่ได้ตั้งใจที่จะรักกันหรอก แต่อยากมีไว้ควงต่างหาก
4.ทำไมถึง (ยัง) เป็นโสดอยู่ล่ะ?
เช่น เพิ่งเลิกกับแฟนเก่า หรือไม่เคยมีแฟนอย่างจริงจังมาก่อน แค่รู้ไว้
แต่ไม่ควรไปเซ้าซี้ว่า แฟนเก่าของเขา/เธอเป็นใคร? ถ้าเพิ่งรู้จักกันไม่นาน
อย่าไปซักไซ้ไล่เลียงกันมาก รอสักพักเดี๋ยวก็เล่าให้ฟังเอง
5. ความสนใจที่ตรงกัน เช่น ชอบอ่านหนังสือเหมือนกัน, ชอบเล่นอินเตอร์เน็ต
อะไรเงี้ยะ จะได้ต่อยอดความคุ้นเคยไปถึงไหนๆ ว่ากันว่า
คนส่วนใหญ่มีแนวโน้มจะชอบคนที่คล้ายกับตัวเอง แต่คงไม่ทุกคนก็ได้
6.วีรกรรมสุดซ่าส์ที่เคยทำมาแล้ว
ไม่ว่าเป็นสิ่งที่เขาคุยให้ฟังเองหรือคุณแอบไปสืบรู้มา
ถ้าเขาเคยเป็นนักฟุตบอลมาก่อนแถมยังชอบแกล้งเพื่อนร่วมทีม ก็ขอให้ทำใจไว้ว่า
นั่นสมัยเขายังเด็ก แต่ตอนนี้เปลี่ยนไปแล้ว
อาจชอบช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ขึ้นมาแทนก็ได้...มองในแง่ดีเข้าไว้
ถ้าเคยเกเร โดดเรียน จนต้องเรียนซ้ำชั้น
หรือเก็บหน่วยกิตได้คะแนนเฉลี่ยเกินเส้นยาแดงมาเล็กน้อย แต่เกือบแทบจะเรียนไม่จบ 4
ปีตามกำหนด โถ นั่นก็แค่ประสบการณ์ ไว้คอยดูกันในปัจจุบันดีกว่า
ถ้าเขาเคยจีบสาวทีเดียวพร้อมกัน 2 คน แหม...ต้องมีบ้างล่ะที่จะเผื่อเอาไว้
ใครๆก็เคยมีรักซ้อนซ่อนเร้นกันทั้งนั้น แต่ถ้าเขาเล่นการพนันจนเคยหมดเนื้อหมดตัว
และทุกวันนี้ก็ยังบ้าพนันอยู่ นี่อาจไม่ใช่แค่วีรกรรมสุดเฮี้ยว
แต่ตกผลึกเป็นสันดานแล้วมั้ง ว้ายขืนเป็นขนาดนี้ แล้วจะรักกันไหวรึ?
7.สิ่งดีที่สุดที่เขาเคยทำ? จะได้เห็นด้านที่งดงามของ “ว่าที่” แฟนบ้าง
เชื่อว่าคงมีอยู่เพียบ!
เมอร์ลิน