Pages

Long Live The king

Long Live The king

March 23, 2015

ถ้าเรามีหนังสือธรรมะ หรือรูปพระ แล้วเราอยากจะทิ้งเสีย จะทำอย่างไรไม่ให้บาป?

ถ้าเรามีหนังสือธรรมะ หรือรูปพระ แล้วเราอยากจะทิ้งเสีย จะทำอย่างไรไม่ให้บาป?

ดังตฤณ: อันนี้ผมก็เคยได้รับคำแนะนำมานะครับว่า ให้มองว่าการที่เราจะรู้สึกว่าเป็นหนังสือธรรมะ หรือว่าเป็นรูปภาพที่เป็นมงคล เราไปทำลายแล้วจะบาปอะไรต่างๆเนี่ย มันเป็นเพราะว่าจิตไปยึดว่านั่นเป็นของสูง นั่นเป็นสิ่งที่มีความหมายในทางกุศล เอาไปทำลายก็เท่ากับทำลายกุศล ซึ่งสิ่งตรงกันข้ามกับกุศลก็คืออกุศลนั่นเอง สิ่งตรงกันข้ามกับบุญก็คือบาปนั่นเองนะฮะ
วิธีนึงที่จะทำให้สบายใจถ้าหากจำเป็นที่จะต้องทิ้ง หรือว่าทำลายหนังสือ ซีดี หรือว่าอะไรก็แล้วแต่ที่มีรูปมลคลอยู่ ก็คือทำให้รูปมงคลนั้นหายไปนะครับ มันมีคำแนะนำไปต่างๆนาๆ ซึ่งในช่วงแรกๆอาจจะไม่สบายใจหรอกที่จะทำแบบนั้น อาจจะต้องใช้เครื่องตัดกระดาษที่มันมีเครื่องทำลายเอกสารอะไรแบบนี้ ขอให้เราคิดว่าเราไม่ได้ทำลายธรรมะ แต่ให้คิดว่าเราทำให้รูปนิมิตหรือว่าสิ่งที่ใจไปยึดว่าเป็นมงคล เป็นมหากุศลเนี่ยนะฮะ แปรรูปไป เหลือแต่กระดาษเปล่าๆ เหลือแต่ความเป็นธาตุดิน ที่ดั้งเดิมเนี่ยกระดาษไม่มีความเป็นมงคลหรือว่าเป็นอัปมงคลอะไรทั้งสิ้นแหละ มันเป็นกลางๆมันเป็นธาตุที่แข็ง มันเป็นสิ่งที่เราจับต้องได้ แล้วรู้ว่านั่นแหละ มันเป็นกระดาษเท่านั้นเอง แต่ถ้าหากว่าเมื่อไหร่มีรูปนิมิตไปปรากฏอยู่ในกระดาษแล้วก็ยึดว่านั่นเป็นของสูง จิตที่ยึดว่านั่นเป็นของสูงแล้วเคารพสักการะนั่นดีเป็นกุศล เกิดกุศลจิตขึ้นมา เกิดความสว่างขึ้นมา แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่เราจำเป็นที่จะต้องทำให้หายไป เราไม่สามารถที่จะเก็บไว้ ไม่มีที่เก็บหรืออะไรก็แล้วแต่ จะมีเหตุผลกลใดก็แล้วแต่ บางคนแหละ คืออันนี้ก็เข้าใจนะฮะ พอรู้สึกว่าหนังสือที่มีอยู่เป็นสัจธรรมปฏิรูป เป็นของปลอม เป็นของไม่จริง เป็นของไม่ดี เป็นสิ่งที่จะพาลงเหวนะฮะ แล้วก็เราไม่อยากจะไปบริจาคต่อกับใคร แต่ว่าบังเอิญที่ปกหรือว่าข้างในหนังสือเนี่ยมีรูปพระสวยๆหรือว่ามีบุคคลที่น่าเคารพศรัทธาแปะอยู่ ก็จะเกิดความกระอักกระอ่วนใจ เก็บไว้ก็ไม่ได้ ทำลายก็ไม่รู้สึกสบายใจ เกิดความรู้สึกกังวลขึ้นมา ทางที่ดีที่สุดก็อาจจะใช้เครื่องทำลายเอกสารนะครับ เพราะว่าเครื่องทำลายเอกสารนี่มันมีหน้าที่ของมันชัดเจน เราหย่อนลงไปเนี่ยมันก็กลายเป็นกระดาษ คืนสภาพสู่ความเป็นธาตุดินนะฮะ นิมิตหายไป เราก็ไม่ต้องกังวลว่าเราทำบาปอะไรรึเปล่านะครับ แต่ถ้าหากว่าไม่มีเครื่องทำลายเอกสาร ก็อาจจะใช้ ที่มีคนแนะนำไว้นะฮะ ก็อาจจะใช้กรรไกรตัดเป็นชิ้นๆ อย่าฉีก อย่าฉีกเอง เพราะฉีกเองบางทีต้องใช้กำลังใจในการทำลาย เหมือนลักษณะที่เราจะฉีกจดหมายคนรัก หรือว่าจะทำลายด้วยอาการที่มันมีโทสะอะไรแบบนั้น จะไปพ้องกันจะไปแมทซ์กันกับอาการที่มันไม่ดี แล้วจะทำให้เกิดความกังวลไป ทางที่ดีคือใช้กรรไกรตัดอย่างประณีตนะฮะ แล้วก็มีความรู้สึกอยู่ตลอดเวลา มีความรู้สึกตัวอยู่ตลอดเวลาว่านี่เราไม่ได้กำลังทำลายธรรมะ แต่ว่าเรากำลังทำให้กระดาษมันหมดสภาพความเป็นสิ่งวัตถุมงคล หรือว่าที่ประทับของนิมิตมงคลนะครับ ให้ตั้งจิตไว้อย่างนั้นแล้วทำลายทิ้งก็จะไม่มีอะไร ไม่ได้มีอะไรเป็นบาปเป็นอกุศลนะครับ บางคนให้ใช้ไฟ ซึ่งก็แล้วแต่นะ คือถ้าอาการของใจเรา มีลักษณะที่เราไปทำลายทิ้งโดยไม่เกิดความรู้สึกว่ามันเข้ากันกับการใช้โทสะเนี่ยก็โอเคหมด จะใช้ไฟหรือว่าจะใช้กรรไกรตัดก็แล้วแต่นะครับ ขออย่างเดียวอย่ามีความกังวลหรือว่าอย่ามีจิตที่หม่นหมองไปด้วยก็แล้วกันนะครับ เพราะไอ้ความกังวลหรือความรู้สึกหม่นหมองเนี่ยมันทำให้ ตัวนี้แหละที่จะดึงที่จะลากเอาความเป็นอกุศลเข้ามานะครับ

File: ดังตฤณวิสัชนา On Air ตอนที่ ๑๗
นาทีที่ ๑๒ วินาทีที่ ๕๕

March 20, 2015

เธียรรุจ ธรณวิกรัย”อัจฉริยะไอทีสู่ผู้ประกอบการหน้าใหม่

เธียรรุจ ธรณวิกรัย”อัจฉริยะไอทีสู่ผู้ประกอบการหน้าใหม่

โดย : 
- See more at: http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/510723#sthash.7sPAm8qI.dpuf


Beam Toranavikrai

เขาคืออัจฉริยะไอทีที่ทำเงินได้ตั้งแต่เรียนมัธยมสั่งสมความรู้ด้านอสังหาฯจนมาเป็นเจ้าของเว็บไซต์Think of living ที่ทำรายได้อย่างงดงามในวันนี้ - See more at: http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/510723#sthash.7sPAm8qI.dpuf


ไม่ใช่ครั้งแรกที่กรุงเทพธุรกิจ BizWeek ได้นั่งพูดคุยกับ “บีม-เธียรรุจ ธรณวิกรัย”
ราว 6 ปี ก่อนหน้านี้ เขาคือหนึ่งในนักเขียนออนไลน์ฝีมือขั้นเทพ เจ้าของนามปากกา “มือเดียวค้ำฟ้า” เบื้องหลังนวนิยายแฟนตาซีผสมกำลังภายใน จากเว็บไซต์เด็กดี “ศาสตราคู่กู้แผ่นดิน” (The Legend of El) ที่ฮอตฮิตไปทั่วบ้านทั่วเมือง จนได้รับการตีพิมพ์และติดอันดับหนังสือขายดีไปตามคาด โดยมีซี่รีย์ออกมามากถึง 11 เล่ม
การพบกันครั้งที่สอง คนหนุ่มในวัย 30 ปี กลายเป็นผู้ประกอบการเต็มตัว เขาคือ ผู้ร่วมก่อตั้งเว็บไซด์ Think of living บริษัท คิดเรื่องอยู่ จำกัด โดยเขาเริ่มฝันเล็กๆ นี้มาได้ประมาณสองปีแล้ว
“ผมเปิดเว็บไซต์มาตั้งแต่เดือนมกราคม 2554 และจดทะเบียนบริษัทเมื่อตอนต้นปี 2555” เธียรรุจ อัพเดทสถานะเขาไม่ได้ทำให้ใครแปลกใจนักที่ยังคงจับธุรกิจไอที เพราะคลุกคลีอยู่กับอินเตอร์เน็ตและรู้จักทำเงินกับมันมาตั้งแต่ยังเรียนมัธยมด้วยซ้ำ
ยุคดอทคอมกำลังบูม เธียรรุจก็เหมือนเด็กในยุคนั้น ที่สนุกกับการได้ลองทำเว็บไซต์ ด้วยความสนใจและความชอบ ผลงานของเธียรรุจคือเว็บไซต์ข่าวที่ชื่อ “โอ้โฮเว็บ” (OHOWEB) ซึ่งเกิดมาพร้อมๆ กับ เด็กดีดอทคอม เพื่อนรุ่นเดียวกับเขา
ยุคดอทคอมกำลังหอมหวาน เริ่มมีการซื้อขายเว็บไซต์กันเกิดขึ้น และโอ้โฮเว็บ ก็ไปเข้าตากลุ่มชินคอร์ป จนถูกซื้อไปในที่สุด แม้ไม่ใช่เม็ดเงินมากมาย แต่ที่ได้มาเต็มๆ ก็คือความภาคภูมิใจของเด็กหนุ่มในตอนนั้น
หลังจบมัธยมปลายที่ โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ก็เข้าศึกษาต่อในคณะ วิศวกรรมศาสตร์ สาขาคอมพิวเตอร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งระหว่างนั้นเขาได้ทำโปรเจค อย่าง แอพลิเคชั่น และซอฟแวร์ในมือถือ ในยุคที่สมาร์ทโฟนยังไม่มีใครพูดถึงด้วยซ้ำ และมีโอกาสพัฒนาเกมออนไลน์รวมกับเพื่อนๆ จนถูกวาล์ว (Valve) บริษัทพัฒนาเกมของโลกซื้อไลเซ่นไป
“ผมอาศัยหาความรู้เอง ซึ่งข้อมูลพวกนี้อยู่ในอินเตอร์เน็ตเต็มไปหมด ก็แค่ทำขึ้นมาด้วยความสนใจ การหาเงินได้ไม่ใช่ประเด็นในตอนนั้น แต่สิ่งสำคัญคือ เราได้สร้างนวัตกรรมขึ้นมา” เขาบอกเล่าถึงความท้าทาย
หลังเรียนจบปริญญาโท MBA ที่มหาวิทยาลัยเดียวกัน เธียรรุจ มีโอกาสช่วยงาน "ทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์" เจ้าพ่อพฤกษาเรียลเอสเตท อยู่ประมาณ 2 ปี เก็บเกี่ยวประสบการณ์ในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจึงไม่เพียงความรู้ด้านไอที เติมเต็มความพร้อมเป็นผู้ประกอบการของเขา
“ผมมีพื้นฐานทางด้านไอที เคยเขียนหนังสือและเขียนบทวิเคราะห์ที่เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์มาก่อน เข้าใจการตลาดและมีพื้นฐานด้านอสังหาริมทรัพย์ ขณะที่หุ้นส่วน คุณสุเชฏฐ์ ฤทธีภมร ก็มาจากงานด้านการตลาด และเป็นนักลงทุนอสังหาริมทรัพย์ ส่วน วิทยา อภิรักษ์วิริยะ เพื่อนสมัยเรียนก็เป็นนักเทคโนโลยี เลยรวมจุดแข็งของแต่ละคนมาเริ่มต้นธุรกิจ”
กลายเป็นที่มาของสื่ออสังหาริมทรัพย์น้องใหม่ “Think of living” ซึ่งใช้เงินลงทุนเริ่มต้นเพียงหลักหมื่นบาท เพราะต้นทุนสำคัญก็คือพลังสมองของพวกเขา เมื่อประสบการณ์ มาเจอกับทักษะที่ทุกคนมี ทำให้เว็บไซต์คิดเรื่องอยู่ได้เนื้อหาที่ ชัดเจน และ ตอบโจทย์ทุกกลุ่ม ได้อย่างแท้จริง
“เราเชื่อว่าผู้บริโภคที่จะซื้อบ้านไม่มีความรู้ หรือรู้น้อยมากเมื่อเทียบกับคนที่อยู่ในแวดวงอสังหาริมทรัพท์ ซึ่งข้อมูลหลายๆ อย่าง ค่อนข้างปิด ขณะที่คนยุคใหม่มีเวลาลดลง วันๆ ก็ทำแต่งาน แต่ก็ยังต้องการที่อยู่อาศัย หน้าที่ของเราคือ ลงพื้นที่เพื่อไปสำรวจ และให้ข้อมูลลงลึกทุกเรื่อง เขียนบทวิเคราะห์เป็นร้อยหน้า พร้อมรูปอีกกว่า 100 รูป ในแต่ละโครงการ”
รายละเอียดแน่นปึกชนิดที่ว่าไม่ต่างจากวอคอินเข้าไปดูโครงการด้วยตัวเอง ด้วยข้อเท็จจริงทั้งบวกและลบ
การใส่ใจทุกรายละเอียด และพยายามรักษาความน่าเชื่อถือของเนื้อหา ด้วยจุดยืนอย่างที่ไม่ให้ใครมาโพสต์ขายของในเว็บ ไม่มีการค้า เก็งกำไร ไม่ทำกิจกรรมกับค่ายใดค่ายหนึ่ง เพื่อให้ข้อมูลที่ไหลอยู่ในเว็บไซต์ เป็นข้อมูลที่ดี เชื่อถือได้เน้นขายบทวิเคราะห์ ที่ให้ความรู้ไปใช้งานได้จริง รวมถึงมีการเปิดเว็บบอร์ดเพื่อให้สมาชิกได้สนทนาแลกเปลี่ยน เป็นสังคมแห่งการแบ่งปันความรู้เรื่องบ้านและคอนโดมิเนียมอย่างแท้จริง
ทำให้กลุ่มเป้าหมายขยับไปไกล ทั้งลูกค้าที่ต้องการที่อยู่อาศัย เจ้าของโครงการ นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ตัวแทนขายโครงการ ตลอดจนกลุ่มนักลงทุน สามารถเข้ามาศึกษาหาข้อมูลก่อนตัดสินใจได้อย่างเต็มที่
ปัจจุบันมีผู้เข้าชมเดือนละ 5 แสนราย มีสมาชิกอยู่ประมาณ 1.5 แสนคน ในเวลาเพียง 2 ปี!
สมัยเด็กอาจทำงานเพื่อท้าทายตัวเอง แต่เมื่อต้องมาทำธุรกิจจริงๆ จังๆ ก็ต้องหาความชัดเจนเรื่อง “รายได้” เธียรรุจ อธิบายโมเดลสร้างเงิน แบบ Think of living ที่มาจากการขายพื้นที่โฆษณาบนเว็บไซต์ ราคาตั้งแต่หลักหมื่นไปจนหลักแสนบาท ขึ้นกับตำแหน่ง นอกจากนั้น ยังมีรายการทีวีออนไลน์ “คิดเพื่ออยู่” พาไปชมแต่ละโครงการ ซึ่งเจ้าของโครงการจะต้องจ่ายค่าการผลิตโดยคิดค่าใช้จ่ายเป็นตอน ตอนละกว่าแสนบาท แลกกับพื้นที่ในเว็บไซต์สำหรับถ่ายทอดรายการ
“รายการเรามีคนดูอยู่ที่ 1 หมื่นรายต่อตอน ซึ่งโดยปกติแล้ว โครงการใหม่ๆ ในแต่ละสัปดาห์จะมีคนวอคอินไปดูแค่ 50 ราย ทั้งปีก็แค่ 2,500 ราย แต่การทำวิดีโอหนึ่งครั้งมีผู้ชมเป็นหมื่นรายแล้ว ซึ่งเขาอาจต้องใช้เวลาถึง 4 ปีกว่าจะได้เท่านี้”
อีกช่องทางสร้างเงิน คือ หนังสือ แต่เธียรรุจยอมรับว่าไม่ได้หวังรายได้จากช่องทางนี้ ทว่ามองเป็นช่องทางที่จะให้ความรู้กับผู้คน รวมถึงเปิดโอกาสให้เรื่องราวเหล่านี้ เข้าถึงคนส่วนใหญ่มากขึ้น ไม่ใช่แค่คนที่ใช้อินเตอร์เน็ตเท่านั้น
โมเดลสร้างรายได้ตอบแทนพวกเขาด้วยอะไรบ้าง เขาบอกว่า รายได้ปีแรกอยู่ที่ประมาณ 4 แสนบาท เพราะดันทำออกมาในช่วงน้ำท่วมพอดี ซึ่งโครงการส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม เรียกว่ายกเลิกโฆษณากันถ้วนหน้า แต่เมื่อทุกอย่างฟื้นคืนมา โอกาสธุรกิจก็กลับคืน ซึ่งเขาคาดว่าถึงสิ้นปีนี้ น่าจะมีรายได้แตะที่ 20 ล้านบาท!
“เวลา 2 ปี กับรายได้ 20 ล้านบาท ผมว่าก็ไม่ได้เยอะนะ เพราะเว็บไซต์ดังๆ เขาทำได้เยอะกว่านี้มาก ถ้าเป็นในอเมริกา อาจไปถึง 2,000 ล้านบาทได้ไม่ยาก เพราะตลาดบ้านเขาใหญ่กว่าเรามาก”
เปิดเว็บไซต์แรกตอนอายุ 15 ปี แม้เว็บไซต์ที่สองจะเปิดมาได้ไม่นาน แต่เขาก็ยอมรับว่ามีเว็บไซต์อสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ในต่างประเทศมาจีบๆ อยู่บ้าง ทว่ายังไม่ถึงเวลาที่เหมาะสม
“ผมไม่เสียดายนะ ถ้าธุรกิจที่สร้างขึ้นจะตกไปเป็นของคนอื่น มองว่าถึงจุดนั้น ผมคงมีอะไรอย่างอื่นทำแล้ว เพราะถ้ายังไม่มี ก็คงไม่ปล่อย ทำธุรกิจตอนมัธยมกับตอนนี้ ไม่เหมือนกัน เด็กๆ ทำเพราะอยากรู้ แต่พอโตขึ้นผมก็รู้ว่าการที่จะทำอะไรขึ้นมาสักอย่าง ต้องรู้จักเติมเต็มความต้องการของสังคมด้วย นั่นคือต้องให้เกิดประโยชน์ พอมีประโยชน์เดี๋ยวเงินก็มาเอง” เขาสะท้อนความคิดที่โตขึ้นตามวัย
หลายอย่างที่เกิดขึ้นในชีวิต เธียรรุจ บอกวิธีคิดในการทำงานของเขา สั้นๆ แค่ “ทำให้เสร็จ”และ “อย่าคิดนาน”
“หลายๆ อย่างเราทำไปเพราะว่ายังเป็นพื้นที่ที่ยังไม่รู้ พอไม่รู้ ก็อยากรู้ในสิ่งที่ทำ อย่างธุรกิจจะเป็นอย่างไร จะไปค้นพบอะไรตอนไหน อยากรู้ ก็แค่ทำไป ทำให้มันเสร็จ ขอแค่ให้เริ่มทำ อย่าเพิ่งคิดนาน ความคิดไม่มีประโยชน์ ถ้าได้ทำถึงจะมีประโยชน์ แค่คิดไม่มีค่า ได้ทำถึงมีค่า ทำไปก่อน มีปัญหาค่อยแก้ไข ไม่อย่างนั้นมันจะเป็นแค่โปรเจกในฝัน ไม่มีทางเป็นจริงได้”
ก็แค่เดินหน้าไป ลงมือทำให้เสร็จ ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ จะมาเยือนเข้าสักวัน
‘”””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””
Key to success
สู่เส้นทางความสำเร็จ “เธียรรุจ ธรณวิกรัย”
๐ เริ่มด้วยความสนใจและความชอบ
๐ ท้าทายตัวเองด้วยสิ่งใหม่ๆ
๐ อย่าแค่คิด แต่ต้องลงมือทำให้สำเร็จ
๐ ใช้จุดแข็งมาตั้งต้นธุรกิจ
๐ ทำธุรกิจต้องเป็นประโยชน์ต่อสังคม แล้วเงินจะมาเอง

- See more at: http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/510723#sthash.7sPAm8qI.dpuf


Tags : บีม-เธียรรุจ ธรณวิกรัย,Think of living,บริษัท คิดเรื่องอยู่ จำกัด - See more at: http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/510723#sthash.7sPAm8qI.dpuf






March 14, 2015

13 มูลเหตุทำให้ “เรือแป๊ะ” ล่ม แม้วเชื่อ “บิ๊กตู่” เอาไม่อยู่!

13 มูลเหตุทำให้ “เรือแป๊ะ” ล่ม แม้วเชื่อ “บิ๊กตู่” เอาไม่อยู่!

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
11 มีนาคม 2558 19:06 น.
        นักเศรษฐศาสตร์ยอมรับเศรษฐกิจไทยไร้ทางฟื้น ภายในกำลังซื้อหาย ภายนอกคนซื้อยังไม่ฟื้น แถมแนวทางแก้ปัญหายังบั่นทอนกำลังใจ ด้วยข้อเสนอขึ้นภาษีในรูปแบบต่างๆ จากกระทรวงการคลัง ขณะที่แนวทางการปฏิรูปทั้งพลังงานและศาสนาลดจำนวนคนที่เคยรัก “ประยุทธ์” ลงไปมาก แถมรัฐธรรมนูญใหม่ ทำเอาเพื่อไทย-ประชาธิปัตย์เห็นตรงกัน “ประชาธิปไตยถดถอย” ชี้ทักษิณไม่ต้องพูดถึง “เรือแป๊ะ” คนรักรัฐบาลนี้ก็ลดลงตามลำดับ
13 มูลเหตุทำให้ “เรือแป๊ะ” ล่ม แม้วเชื่อ “บิ๊กตู่” เอาไม่อยู่!
       
        “วันนี้ทุกคนลงเรือลำเดียวกันแล้ว เหมือนคำโบราณที่ว่า ลงเรือแป๊ะ ต้องตามใจแป๊ะ ไม่เช่นนั้นจะถูกแป๊ะไล่ลงจากเรือ ก็เลยต้องตามใจแป๊ะ คือเข้าใจในสิ่งที่เขาอยากให้เข้าใจ” คำพูดของนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ระหว่างบรรยายพิเศษเรื่อง “บทบาทของ สนช. กับการพัฒนาประเทศไปสู่ความยั่งยืน” เมื่อปลายเดือนพฤศจิกายน 2557
      
       คำว่า “ลงเรือแป๊ะ ต้องตามใจแป๊ะ” จึงกลายเป็นคำที่หมายถึงรัฐบาลชุดปัจจุบันที่มีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ที่ตัดสินใจเข้ายึดอำนาจจากรัฐบาลพรรคเพื่อไทยเมื่อ 22 พฤษภาคม 2557 เพื่อยุติการเผชิญหน้ากันของกลุ่มคนที่สนับสนุนนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีกับกลุ่มที่ต่อต้าน
      
       จนกระทั่งพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตผู้บัญชาการทหารบก มีการจัดตั้งรัฐบาลและรับหน้าที่เป็นนายกรัฐมนตรี สถานการณ์ทางการเมืองยังคงนิ่ง ปราศจากการต่อต้านจากฝ่ายของพรรคเพื่อไทยและผู้สนับสนุน แม้กระทั่งนายใหญ่ผู้ที่กุมเส้นทางการเดินเกมทางการเมืองของพรรคเพื่อไทยอย่างพันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร พี่ชายของนางสาวยิ่งลักษณ์ ที่คนไทยส่วนใหญ่ต่างรู้กันว่าเขาคือนายกรัฐมนตรีตัวจริงในรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ต่างนิ่งเงียบหลังจากที่มีการยึดอำนาจ
      
       เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2558 หลังจากที่มีการเผยแพร่ภาพของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร ที่ไปพบกับพันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร ที่ฮ่องกง มีข่าวออกมาว่า ทักษิณได้กำชับให้เครือข่ายนักการเมืองและคนใกล้ชิดอยู่นิ่งๆ ปล่อยให้คณะรักษาความสงบหรือรัฐบาลชุดปัจจุบันบริหารงานไป โดยเชื่อว่าวิกฤตเศรษฐกิจที่เป็นอยู่ก็ทำให้รัฐบาลชุดนี้กำลังแย่ และมีเรื่องของการปฏิรูป การแก้ไขรัฐธรรมนูญอีก เชื่อว่าจะเกิดกระแสต่อต้านมากกว่ายอมรับ
      
       นับเป็นการออกมาคาดการณ์ถึงสถานะของรัฐบาลชุดปัจจุบันว่าจะได้รับความนิยมลดน้อยลงทุกขณะ ไม่ต้องทำอะไร สุดท้ายเรือแป๊ะลำนี้จะล่มไปเอง
      
       ทักษิณพูดไม่ผิด
      
       “สิ่งที่อดีตนายกฯ ทักษิณพูดไว้ ก็ไม่ได้ผิด เพราะเศรษฐกิจที่เป็นอยู่ในเวลานี้ไม่ดีจริงๆ” นักเศรษฐศาสตร์ทั้ง 2 แห่งประเมินตรงกัน พร้อมทั้งขยายความว่า
      
       ทั้งหมดเป็นผลต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา จากที่เกิดวิกฤตทางการเมืองมาตั้งแต่ไตรมาส 4 ของปี 2556 ทำให้เศรษฐกิจไทยปี 2557 โตเพียง 0.7% ในปีนี้แม้สถานการณ์ทางการเมืองจะคลี่คลาย แต่ปัจจัยแวดล้อมด้านอื่นๆ ยังไม่ดีขึ้น
      
       ปัจจัยในประเทศ ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำจากภาวะตลาดโลก เกษตรกรมีรายได้ลดลง อีกทั้งราคาสินค้าและบริการยังอยู่ในระดับสูง จากการปรับขึ้นไปก่อนหน้าทั้งจากนโยบายค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทและนโยบายจำนำข้าวในราคาที่สูงกว่าตลาดของรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ และไม่ได้ปรับลดลงมาแม้ราคาน้ำมันทั้งตลาดโลกและในประเทศจะปรับตัวลงมาแล้วก็ตาม
      
       ปัญหาเรื่องหนี้ครัวเรือนที่ยังคงเพิ่มขึ้นทั้งจากโครงการรถยนต์คันแรกและค่าครองชีพที่สูงขึ้น ทำให้แต่ละครัวเรือนมีหนี้เพิ่มขึ้น ฉุดให้กำลังซื้อของคนในประเทศลดต่ำลง อีกทั้งการลงทุนจากภาคเอกชนส่วนใหญ่ยังรอความชัดเจนจากรัฐบาลปัจจุบันว่าจะมีมาตรการใดออกมากระตุ้น แต่ส่วนใหญ่ยังรอที่จะตัดสินใจในช่วงที่สถานการณ์ทางการเมืองเข้าสู่ภาวะปกติ
      
       ส่วนปัจจัยต่างประเทศยังเป็นเรื่องเดิมคือคู่ค้าของไทย ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐฯ ยุโรป จีนและญี่ปุ่น เศรษฐกิจของแต่ละชาติยังคงไม่ฟื้นตัว ทำให้คำสั่งซื้อสินค้าจากไทยลดลง เห็นได้จากยอดส่งออกเดือนมกราคม 2558 ติดลบ 3.46%
13 มูลเหตุทำให้ “เรือแป๊ะ” ล่ม แม้วเชื่อ “บิ๊กตู่” เอาไม่อยู่!
       
        เศรษฐกิจฝืดทุกชนชั้น
      
       นักเศรษฐศาสตร์อีกรายกล่าวว่า ตอนนี้คนบ่นกันมากเรื่องภาวะเศรษฐกิจ ทั้งผู้ประกอบการที่เคยให้การสนับสนุนการเข้ามายุติปัญหาทางการเมืองของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เนื่องจากยอดขายสินค้าและบริการที่ไม่กระเตื้องขึ้น กลุ่มรากหญ้าเจอกับปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ส่วนคนชั้นกลางที่กำลังซื้อขายไปในระดับหนึ่งจากเรื่องค่าครองชีพและการใช้สิทธิ์รถคันแรก กำลังเผชิญกับเรื่องของภาษีที่รัฐบาลนี้ผุดไอเดียเก็บภาษีเป็นว่าเล่น จะเห็นได้ว่าทุกกลุ่มต่างเผชิญกับปัญหาด้านเศรษฐกิจกันทุกชนชั้น
      
       กำลังซื้อที่หายไปจากหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มขึ้น ยิ่งมาเจอกับแผนในการหารายได้ของรัฐบาลด้วยการจัดเก็บภาษีเพิ่ม ยิ่งทำให้ความรู้สึกของผู้คนแย่ลงตามไปอีก
      
       ในมิติด้านการบริหารการคลัง รายได้ของประเทศหายไปจากภาคการส่งออก เข้าใจได้ว่ารัฐบาลต้องพยายามหารายได้จากส่วนอื่นเข้ามาชดเชย ตอนนี้กระทรวงการคลัง ท่านรัฐมนตรีมาจากข้าราชการประจำ แนวคิดจึงมุ่งไปในทางที่ง่ายที่สุดคือการเรียกเก็บภาษีเพื่อเพิ่มรายได้ให้กับรัฐ โดยเฉพาะภาษีบ้าน ทำให้หลายคนกังวล แต่วิธีการขึ้นภาษีเพียงอย่างเดียวยิ่งจะเป็นผลร้ายต่อกำลังซื้อของคนในประเทศ
      
       ภายใต้สถานการณ์ในขณะนี้ใครเข้ามาเป็นรัฐบาลก็ต้องเจอปัญหาด้านเศรษฐกิจทั้งสิ้น การกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อสร้างรายได้ให้กับรัฐไม่ได้มีเพียงแค่การขึ้นภาษีเพียงอย่างเดียว การลดภาระให้กับประชาชนและกระตุ้นให้เกิดการบริโภคภายในประเทศมาทดแทนภาคการส่งออกที่ทรุดตัวลงก็เป็นอีกวิธีการหนึ่งที่รัฐพึงกระทำ
      
       เปรียบเทียบกับการยึดอำนาจในปี 2549 จากรัฐบาลของทักษิณ ชินวัตร โดยพลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก ในขณะนั้นเศรษฐกิจโลกยังดีกว่าในปัจจุบัน และพลเอกสนธิเข้ามายึดอำนาจไม่นานก็เปิดให้พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ เข้ามาบริหารประเทศ แม้จะทำอะไรไม่ได้มากนัก แต่เศรษฐกิจโลกไม่ได้ย่ำแย่ อีกทั้งสหรัฐฯ ยังออกมาตรการอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบทำให้สินค้าออกของไทยยังไม่อยู่ในสถานการณ์เลวร้าย
      
       เมื่อทุกอย่างเริ่มกระทบเงินในกระเป๋า กระทบปากท้องและการดำรงชีพของผู้คนให้ลำบากมากขึ้น ย่อมเป็นธรรมดาที่คนที่เคยเชียร์หรือสนับสนุน จะเชียร์น้อยลง
13 มูลเหตุทำให้ “เรือแป๊ะ” ล่ม แม้วเชื่อ “บิ๊กตู่” เอาไม่อยู่!
นายสมหมาย ภาษี รมว.คลัง เดินหน้าผลักดันภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง
       
        ปฏิรูปเหลว-แก้รัฐธรรมนูญถูกต้าน
      
       ขณะเดียวกันมิติด้านการแก้ปัญหาทางการเมืองด้วยการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ เพื่อต้องการสร้างกติกาใหม่สำหรับการเมืองในรุ่นต่อไป แนวทางในการลดอำนาจของตัวนายกรัฐมนตรีและการเลือกตั้งที่คณะกรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญกำลังดำเนินการในเวลานี้ เริ่มมีเสียงคัดค้านจากนักการเมืองที่จะต้องเดินตามกติกาใหม่มากขึ้นทุกขณะ
      
       เห็นได้จากพรรคเพื่อไทยออกแถลงการณ์วิพากษ์รัฐธรรมนูญ 2558 แสดงความไม่เห็นด้วยในหลายประเด็น โดยเฉพาะเรื่องของการเลือกตั้งในรูปแบบใหม่ ซึ่งทางพรรคเพื่อไทยตั้งข้อสังเกตดังนี้
      
       1.รัฐธรรมนูญที่กำลังจัดทำขึ้น สะท้อนความไม่น่าเชื่อถือ ไม่ไว้วางใจ ไม่เคารพประชาชนและยึดอำนาจอธิปไตยไปจากประชาชน
      
       เนื่องจากสมาชิกวุฒิสภาจะมาจากการแต่งตั้งทั้งหมด วาระ 6 ปี มีอำนาจทั้งเสนอกฎหมาย ตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ สรรหาองค์กรตามรัฐธรรมนูญ ถอดถอน ส.ส. ซึ่งเป็นตัวแทนของประชาชน ถอดถอนนายกรัฐมนตรี ประธานศาลฎีกา รวมทั้งให้ความเห็นชอบผู้จะเป็นรัฐมนตรี
      
       ร่างรัฐธรรมนูญนี้เปิดทางให้ “ผู้ที่ไม่ได้มาจากประชาชน ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง” ดำรงตำแหน่ง “นายกรัฐมนตรี” ได้ ย้อนยุคไปสู่ระบบก่อนพฤษภาทมิฬ 2535 ทำให้เสียงของประชาชนไม่มีความหมาย
      
       เท่ากับทำลายเจตนารมณ์พื้นฐานของการปกครองระบอบประชาธิปไตย ถือเป็นการยึดอำนาจอธิปไตยทั้งหมดของประชาชน ทำลายกลไกการตรวจสอบรัฐบาล ซึ่งเป็นกลไกที่สำคัญของ ส.ส.ซึ่งมาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน
      
       2.รัฐธรรมนูญที่กำลังจัดทำขึ้น ทำให้ได้รัฐบาลที่ไม่มีเสถียรภาพ นายกรัฐมนตรีไม่มีภาวะความเป็นผู้นำ รัฐบาลไม่สามารถตอบสนองความต้องการและแก้ปัญหาของประชาชน
      
       นอกจากนี้ยังเปลี่ยนระบบเลือกตั้งเป็นแบบสัดส่วนผสม ระบบเลือกตั้งแบบนี้จะทำให้ได้รัฐบาลผสมหลายพรรค มีพรรคเล็ก พรรคน้อย ผสมกับกลุ่มที่ไม่ใช่พรรค เกิดรัฐบาลที่ไม่มีเสถียรภาพ และการลดจำนวน ส.ส.เขตเหลือเพียง 250 คน (จากเดิม 400 คนในปี 2540 และ 375 คนในปี 2550) จะส่งผลให้เขตเลือกตั้งมีขนาดใหญ่และกว้างมากเกินไป ทำให้ผู้แทน 1 คนต้องดูแลประชาชนถึง 260,000 คน
      
       ในส่วนของข้อกำหนดให้ ส.ส. ไม่ต้องปฏิบัติตามมติพรรค/หาก ส.ส.สามารถลงมติไม่เห็นด้วยกับนโยบายที่พรรครัฐบาลนำเสนอต่อประชาชนในช่วงการเลือกตั้ง การนำนโยบายนั้นไปทำให้เกิดผลก็เป็นไปไม่ได้
      
       รวมไปถึงการลดอำนาจของรัฐบาลด้วยการมีคณะกรรมการดำเนินการแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนโดยระบบคุณธรรม ซึ่งรัฐบาลไม่ได้แต่งตั้งมาดำเนินการ ทำให้รัฐบาลไม่มีอำนาจในการบริหารงานบุคคล
      
       3.รัฐธรรมนูญที่กำลังจัดทำขึ้น เป็นร่างที่มีปัญหา จากผู้ร่างที่ไม่ได้มาจากประชาชน
      
       ขณะเดียวกันยังกำหนดขั้นตอนในการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ยากขึ้น ประกอบด้วยการกำหนดให้คะแนนเสียงเห็นชอบให้แก้ไขรัฐธรรมนูญต้องไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสภาผู้แทนฯ และวุฒิสภา จากเดิมที่การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญใช้เสียงเกินกว่ากึ่งหนึ่งของสมาชิกทั้งสองสภาเท่านั้น
      
       ขั้นตอนศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจสูงและเบ็ดเสร็จ เพราะเมื่อผ่านความเห็นชอบของรัฐสภาแล้ว ต้องส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาก่อนว่าจะแก้ไขเพิ่มเติมได้หรือไม่ ทางพรรคเพื่อไทยมองว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีอำนาจเหนือรัฐสภา
      
       ประการสุดท้าย การลงประชามติเมื่อผ่านการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ จะต้องให้ประชาชนออกเสียงลงประชามติ ก่อนนำขึ้นทูลเกล้าฯ อีกชั้นหนึ่ง
      
       นอกจากนี้ การเสนอให้ตั้ง “สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศและคณะกรรมการยุทธศาสตร์การปฏิรูปแห่งชาติ” ซึ่งล้วนมีที่มาจาก สนช. สปช. เป็นประเด็นในร่างฯ ที่มีนัยสำคัญของการสืบทอดอำนาจ เพื่อมากำกับควบคุมรัฐบาลในอนาคตเช่นนี้แล้ว สิ่งที่ดำเนินอยู่ น่าจะไม่ใช่หนทางนำไปสู่การแก้ไขปัญหาของประเทศอย่างที่ทุกคนคาดหวัง
13 มูลเหตุทำให้ “เรือแป๊ะ” ล่ม แม้วเชื่อ “บิ๊กตู่” เอาไม่อยู่!
พรรคเพื่อไทยออกแถลงการณ์วิพากษ์ร่างรัฐธรรมนูญ 2558
       
        ประชาธิปัตย์มองไม่ต่างเพื่อไทย
       
       ไม่แตกต่างจากนักการเมืองพรรคประชาธิปัตย์ ที่มองว่าการร่างรัฐธรรมนูญในขณะนี้ ถือว่าเป็นการทำให้ประชาธิปไตยถอยหลัง โดยเฉพาะเรื่องของการเลือกตั้ง ที่จริงแล้วตัวรัฐธรรมนูญไม่ได้มีปัญหา แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นมาจากคนที่ใช้รัฐธรรมนูญ โดยส่วนตัวมองว่าการทำงานของกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญสอบตก การร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ถือเป็นการเกาไม่ถูกที่คัน เนื่องจากระบบการเลือกตั้งเปลี่ยนอย่างมีนัยสำคัญ ต่อไปจะเกิดรัฐบาลผสม พรรคเล็กจะมีอำนาจมาก ปัญหาในลักษณะนี้จะหนักยิ่งกว่าในยุคก่อน
       
       ขณะที่งานด้านการปฏิรูปนั้นยังไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน อาจมีเพียงการปฏิรูปด้านพลังงานที่มีการลดการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันลง ทำให้ราคาน้ำมันปรับลดลง แต่ราคาแก๊สก็ปรับขึ้น ส่วนด้านอื่นๆ ดำเนินการได้ช้ามาก
       
       ยอมรับว่ารัฐบาลชุดนี้คงทำอะไรไม่ได้มากนัก เนื่องจากเจอปัญหาด้านเศรษฐกิจในหลายด้าน แต่เชื่อว่าปัญหาด้านเศรษฐกิจ ปัญหาด้านการปฏิรูปและเรื่องของการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จนอาจมีผู้ไม่เห็นด้วยมากขึ้นนั้น คงไม่ทำให้รัฐบาลชุดนี้ต้องปิดฉากตัวเองก่อนกำหนด เชื่อว่าพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี คงทำตามโรดแมปที่วางไว้ คือคืนอำนาจให้กับประชาชนและให้มีการเลือกตั้งในปี 2559
       
       คนเคยหนุนเริ่มไม่หนุน
       
       ด้านนักวิชาการอีกรายยอมรับว่า สิ่งที่อดีตนายกฯ ทักษิณพูดไว้นั้น ถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่อยู่นอกเหนือความคาดหมาย เนื่องจากสถานการณ์ที่เป็นอยู่เวลานี้บีบบังคับ เมื่อไม่สามารถแก้ปัญหาด้านเศรษฐกิจได้ แถมวิธีแก้ปัญหาของรัฐบาล โดยเฉพาะในส่วนของทีมเศรษฐกิจที่เสนอแต่ขึ้นภาษีในเวลานี้ ท่ามกลางสภาพเศรษฐกิจย่ำแย่ เพิ่มรายจ่ายของคนให้มากยิ่งขึ้น คนที่เคยรักเคยชอบรัฐบาลชุดนี้ คงชอบต่อไปไม่ลง
       
       ด้านการปฏิรูปนั้น อย่างด้านพลังงาน แม้จะทำให้ราคาน้ำมันลดลง แต่ก็ยังมีปมขัดแย้งในเรื่องการเปิดสัมปทานรอบที่ 21 แม้จะมีการชะลอไป แต่กลุ่มคนที่เคยสนับสนุนรัฐบาลชุดนี้ก็ออกมาคัดค้านในเรื่องดังกล่าว และยังจับตาการทำงานของรัฐบาลต่อไป ส่วนการปฏิรูปด้านศาสนาที่เข้าไปแตะต้องวัดพระธรรมกาย ก็เริ่มเกิดปฏิกิริยาความเคลื่อนไหวเพื่อต่อต้านการทำงานของคณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา สภาปฏิรูปแห่งชาติ จนสุดท้ายต้องมีการยุบคณะกรรมการชุดดังกล่าวไป
       
       นี่คือการดำเนินการด้านการปฏิรูปเพียง 2 ด้าน ที่ทำให้คนที่เคยสนับสนุนการเข้ามายุติปัญหาของคณะรักษาความสงบแห่งชาติลดการสนับสนุนลงไปไม่น้อย ขณะที่การปฏิรูปด้านอื่นๆ ยังไม่มีด้านใดที่คืบหน้า
       
       เช่นเดียวกัน เรื่องของการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เวลานี้เราได้เห็นความเห็นที่คล้ายกันของ 2 พรรคการเมืองใหญ่อย่างเพื่อไทยและประชาธิปัตย์ ที่เคยมองแตกต่างกัน เวลานี้กลับมองในทิศทางเดียวกันคือ เห็นว่ารัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่อยู่ในขั้นตอนของคณะกรรมาธิการยกร่างฯ ทำให้มีความเป็นประชาธิปไตยน้อยลงกว่าเดิม เนื่องจากกติกาใหม่ของรัฐธรรมนูญ ทำให้อำนาจของนักการเมืองหายไปจากเดิมมาก
       
       “ปัญหาด้านเศรษฐกิจ ที่ยังไร้มาตรการที่จะเข้ามากระตุ้น ผลกระทบจากการปฏิรูปในด้านต่างๆ และรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เมื่อเวลาผ่านไปนานขึ้น ย่อมทำให้คนที่ชื่นชมการทำงานของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ย่อมลดลงไปตามลำดับ แม้คุณทักษิณไม่พูดแต่มันก็เกิดขึ้นแล้ว ดังนั้นจึงการบ้านที่รัฐบาลของพลเอกประยุทธ์ต้องนำไปปรับปรุงแก้ไข” 

http://www.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9580000028923

March 01, 2015

คนน้ำใจงาม ส่งของใช้ให้ทหาร 3 จังหวัดชายแดนใต้

เมื่อชายคนหนึ่ง ส่งของใช้ไปให้ทหารใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ สิ่งที่ได้รับกลับมา ทำให้เขาตื้นตันใจมาก

แชร์กระหึ่ม คนน้ำใจงาม ส่งของใช้ให้ทหาร 3 จังหวัดชายแดนใต้ ต่อมามีโทรศัพท์สายตรงขอบคุณจากชายแดน ทำชาวเน็ตซึ้งไปตามๆกัน

ขณะนี้เกิดกระแสผู้คนในโลกโซเชียล ต่างแห่แชร์ข้อความของผู้ใช้เฟซบุ๊ก Tornrachada Sangswang ซึ่งได้ส่งของกินของใช้ไปให้เหล่าทหารและตำรวจใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมกับแนบกระดาษโน๊ตขอบคุณที่ทหารทุกคนปฏิบัติหน้าที่อย่างกล้าหาญ โดยขอว่า หากของส่งถึงรบกวนให้โทรกลับมาบอกด้วย เนื่องจากเกรงว่าพัสดุจะไปไม่ถึง ต่อมา มีโทรศัพท์มาจากชายแดนใต้ ซึ่งผู้โพสต์ระบุข้อความดังนี้

จดหมายจากทหาร.jpg 

เมื่อบ่ายวันที่ 5 ม.ค. มีโทรศัพท์สายนึงมาจากชายแดนใต้ "...ผมสิบตำรวจเอกสุขสันต์ โทรจากชายแดนใต้ ฐานบ้านสายสุราษฎร์ ที่คุณส่งของมาให้น่ะครับ ผมโทรมาบอกว่าได้รับของแล้วนะครับ ของที่ส่งมาได้ใช้หมดทุกอย่าง พวกผมต้องขอบคุณมากๆ ที่มีน้ำใจส่งของมาให้..."

หลังได้รับสายโทรศัพท์ดังกล่าว ผู้โพสต์เผยว่า ตนตื่นเต้นมาก แม้จะเป็นการคุยชั่วครู่ แต่ก็นานพอที่จะทำให้อิ่มใจไปอีกนาน พร้อมทิ้งท้ายข้อมูลสำหรับคนที่อยากจะส่งของให้ตำรวจและทหารชายแดนแบบนี้บ้าง โดยสิ่งของที่ต้องการ คือ ขนมที่เก็บได้นาน ยารักษาโรค กาแฟ ชา น้ำพริกต่างๆ กางเกงในชาย ถุงเท้า หนังสือการ์ตูน นิตยสาร หรืออื่นๆ เพิ่มเติม เช่น แป้งเย็นแป้งระงับกลิ่นอับชื้น แปรงสีฟัน ยาสีฟัน มีดโกนหนวดที่มีคุณภาพดีๆ แชมพู ผงซักฟอก เสื้อกล้ามชาย สมุดปากกา ส่งที่

1. ค่ายจุฬาภรณ์ ต.โคกเคียน อ.เมือง จ.นราธิวาส 96000
2. ค่าย สิรินธร ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี 94160
3. ค่าย อิงคยุทธบริหาร ต.บ่อทอง อ.เมือง จ.ปัตตานี 94170
4. ฐานปฏิบัติการ ตชด. ธรณิศ ศรีสุข ต.เขื่อนบางลาง อ. บันนังสตา จ.ยะลา 95130
5. ฐานปฏิบัติการ ตชด. บ้านสายสุราษฎร์ ต.เขื่อนบางลาง อ.บันนังสตา จ.ยะลา 95130
6. ฐานปฏิบัติการ ตชด. 444 ต.โต๊ะตีเต อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี 94150
7. หน่วยเฉพาะกิจ ที่ 21 ที่ว่าการ อ.ยะรัง จ.ปัตตานี 94160
8. หน่วยเฉพาะกิจ ที่ 22 วัดควนนอก อ.ปานาเระ จ.ปัตตานี 94190
9. หน่วยเฉพาะกิจ ที่ 23 วัดหลักเมือง อ.เมือง จ.ปัตตานี 94000
10. หน่วยเฉพาะกิจ ที่ 24 ศูนย์ฝึกอาชีพวัดช้างไห้ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี 94180
11. หน่วยเฉพาะกิจ ที่ 25 สำนักงานสงฆ์ทุ่งยางแดง อ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี 94140
12. หน่วยเฉพาะกิจ ที่ 26 วัดโชติรส อ.ไม้แก่น จ.ปัตตานี 94220
13. กรมทหารพราน ที่ 43 ค่ายอิงคยุทธบริหาร อ.หนองจิก จ.ปัตตานี 94170
14. กองร้อยทหารสารวัตร จังหวัดทหารบกปัตตานี ค่ายอิงคยุทธบริหาร อ.หนองจิก จ.ปัตตานี 94170

ทั้งนี้ ปรษณีย์ไทยจะให้บริการส่งพัสดุแบบธรรมดา ไป 3 จังหวัดชายแดนใต้ ฟรี หากน้ำหนักไม่เกิน 5 กิโลกรัม และไม่มีหมดเขต โดยต้องวงเล็บ (ทบ. สนามชายแดน) ไว้ที่มุมขวาบนกล่องด้วย

ที่มา 
https://www.facebook.com/tornrachada.sangswang?fref=ts

February 14, 2015

ศูนย์การค้าขนาดใหญ่ใจกลางแยกราชประสงค์

  อาถรรพ์ห้างดัง!  ศูนย์การค้าขนาดใหญ่ใจกลางแยกราชประสงค์ แหล่งช๊อปปิ้งที่ได้รับความนิยมทั้งจากชาวไทยแล้วชาวต่างชาติ รู้หรือไม่ว่า ที่ดินแห่งนี้นั้นมีอาถรรพ์! โดยมีการเล่าขนานกันว่า ที่ดินซึ่งเป็นที่ตั้งของห้างดังแห่งนี้ นั้นซ่อนคำสาปเอาไว้อยู่ เรื่องราวจะเป็นอย่างไรมาฟังกันค่ะ
          นายไพศาล พืชมงคล ทนายความนักโหราศาสตร์ เล่าว่า ที่ดินแห่งนี้ แต่เดิมเป็นที่ตั้ง วังเพชรบูรณ์ ของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลก พระราชโอรสองค์ที่ 72 ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 สมเด็จเจ้าฟ้าพระองค์นี้ทรงกรมในพระนามว่ากรมขุนเพ็ชรบูรณ์อินทราชัย
ขอบคุณรูปภาพจาก top10thai.wordpress
          พระองค์สิ้นพระชนม์ในปี 2466 ขณะมีพระชันษา 31 พรรษา ซึ่งระหว่างทรงพระชนม์ รัชกาลที่ 6 ได้พระราชทานที่ดินตรงนี้ให้สร้างวัง ชื่อว่าวังเพชรบูรณ์ พระองค์ทรงปรารถนาให้ที่แห่งนี้ตกทอดเฉพาะเชื้อสายของพระองค์เท่านั้น 
ขอบคุณรูปภาพจาก top10thai.wordpress
          สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลก จึงทำพิธีสาปแช่ง หากผู้ที่ครอบครองมิใช่ลูกหลานก็ให้ฉิบหาย แต่ด้วยความที่พระองค์ทรงเชี่ยวชาญด้านศิลปะและดนตรีจึงมีน้ำพระทัยอ่อนผ่อนปรน ตั้งข้อยกเว้นไว้ว่า ในกาลเบื้องหน้าถ้าผู้ใดมีน้ำใจเป็นกุศลใคร่ได้วังนี้ไปก็ต้องทดแทน และทรงระบุในข้อยกเว้นแห่งคำสาปว่าต้องไปสร้างศาลเจ้าพ่อเสือในที่ดินแปลงหนึ่งที่รังสิต
         จนกระทั่งปี 2520 บวกลบเล็กน้อย มีนักฎหมายได้มาเชิญนายไพศาล เป็นพยานในการเปิดพินัยกรรมของทายาทท่าน เพราะตนเองเกิดตรงวันที่กำหนดให้นั่งเป็นพยานและมีวิชาพอสมควร หลังเปิดพินัยกรรม ต่อมาได้มีการนำที่ดินแห่งนี้มาประมูลหาผู้ลงทุน ซึ่งกลุ่มนายอุเทน เตชะไพบูลย์ชนะ ขณะนั้นเป็นตระกูลมหาเศรษฐีเมืองไทย ได้ประมูลไปได้ โดยจะสร้างเป็น เวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ ซึ่งได้ให้ซินแสมาแก้ฮวงจุ้ย และทำพิธีกรรมในทางจีนอีกหลายอย่าง แต่แล้วยังก่อสร้างไม่ทันเสร็จ ตระกูลเตชะไพบูลย์ที่มั่งคั่งก็มีอันเป็นไป
ขอบคุณรูปภาพจาก top10thai.wordpress
          ต่อมาตระกูลจิราธิวัฒน์ได้มารับช่วงต่อ ซึ่งได้หาวิธีแก้โดยสร้างตรีมูรติ ซึ่งเป็นมหาเทพในฮินดู  ผลก็คือมีเทพต่างๆ เต็มไปหมดทั้งพระอินทร์ พระพิฆเณศ หวังดูดซับพลังมาจากฝั่งท้าวมหาพรหมด้วย ทว่าการแก้คำสาปนั้นสำเร็จหรือไม่ต้องรอดูกันต่อไป

ขอบคุณข้อมูลจาก
เรียบเรียงโดย
boxza.com  http://news.boxza.com/view/23508



February 08, 2015

6 วิธีลงทุนให้รวยด้วยคอนโดหรู

6 วิธีลงทุนให้รวยด้วยคอนโดหรู

ติดตาม POSTJUNG บน FACEBOOK >>
       สำหรับใครที่กำลังมองหาคอนโดไว้สำหรับปล่อยเช่าอยู่นั้น ข้อสำคัญที่คุณไม่ควรมองข้าม นั่นคือ “ทำเล” ดีๆ นั่นเอง
ซึ่งเป็นหัวใจหลักที่นักลงทุนต้องคำนึงถึง เพราะทำเลที่ดีจะทำให้ปล่อยเช่าได้ง่าย และได้ผลตอบแทนที่ดี อย่างที่ M Thonglor10 คอนโดดีไซน์ล้ำ ทำเลดี ย่านละแวกทองหล่อ
ที่เพิ่งเปิดพรีเซล ก็มีนักลงทุนเข้าร่วมและให้ความสนใจเป็นอย่างมาก เพราะถือว่าเป็นทำเลที่คุ้มค่าต่อการลงทุนนั่นเอง
วิธีเลือกซื้อคอนโดสำหรับลงทุนเก็งกำไร หรือปล่อยให้คนเช่า
วิธีการลงทุนคอนโด ส่วนมากทำดังนี้
1. ทำเลที่ตั้งของคอนโดนั้นสำคัญมากต่อการลงทุน เพราะ ถ้าทำเลไม่ดี จะทำให้ปล่อยเช่าและขายต่อยาก แถมราคาก็ยังไม่ค่อยขยับอีกด้วย แต่ถ้าคอนโดทำเลดี ต่อให้ราคาสูงแค่ไหน ก็สามารถปล่อยเช่าหรือขายเก็งกำไรได้ตลอด

2.มองการณ์ไกลตลาดคอนโด เราต้องคำนึงถึงอนาคต และแนวโน้มในการเจริญเติบโตของเมืองนั้นด้วย ว่าข้างหน้าจะเป็นอย่างไร

3.ซื้อคอนโด เลือกผ่อนกับโครงการ ตัวอย่างผ่อนเดือนละ 15,000 หมื่น 5 ปีเท่ากับ 900,000 แสนบาท ค่าจอง 100,000 แสน รวม 1 ล้าน ก็ได้กำไรมากแล้ว (อ่านแล้วงง ทำได้ด้วยเหรอ?)
4. ระหว่างนั้นก็ให้นิติบุคคลช่วยปล่อยเช่ายกตัวอย่าง ปล่อยเช่าได้ เดือนละ 18,000 บาท ทำให้มีเงินสำหรับผ่อนกับโครงการ และได้กำไรด้วย
5. เมื่อระหว่างช่วงผ่อนดาวน์ เราสามารถขายดาวน์ ทำกำไร โดยที่เราเอายอดที่ผ่อนไปแล้ว+กำไร และให้ผู้ที่มาซื้อต่อผ่อนต่อ สมมุติ ผ่อนดาวน์มาแล้ว 2 ปี 360,000 บาท + เงินจอง100,000 รวม 460,000 บาท สามารถขายทำกำไรได้ 600,000 บาท ถือว่าเป็นการเก็งกำไรระยะสั้นได้ (อ่านแล้วงงมาก อ่านไปหลายรอบเข้าใจว่าอันนี้น่าจะเป็นช่วงผ่อนดาวน์) 
6. เมื่อผ่อนเสร็จ ราคาก็มักจะปรับขึ้น แต่ก็ขึ้นอยู่กับทำเลที่ตั้งด้วย เพราะคอนโดในย่านธุรกิจ ใกล้รถไฟฟ้า
ราคามักปรับขึ้นเรื่อยๆ เพราะหาที่สร้างไม่ได้แล้ว ที่ดินก็ราคาสูงขึ้นทุกปีเช่น ซื้อมา 1 ล้าน ซื้อไว้ 5-6 ปี ราคาสามารถปรับขึ้นจนถึง 2 ล้านก็อาจเป็นได้  ซึ่งแนวโน้ม อนาคตการลงทุนคอนโดดูเหมือนจะไปได้ดี เพราะผู้คนจะใช้ชีวิตอยู่ใจกลางเมืองมากขึ้น ย่อมต้องการความสะดวกสบาย เดินทางโดยรถไฟฟ้าได้ เลี่ยงปัญหารถติด ประหยัดเวลาในการเดินทาง ใกล้แหล่งช็อปปิ้ง
ซึ่งทำให้คอนโดในเมืองได้รับความนิยมค่อนข้างมากขึ้น แนะนำให้เลือกลงทุนคอนโด ใจกลางเมือง หรือใกล้รถไฟฟ้า จะดีมาก เพราะมีมูลค่าเพิ่มของทรัพย์สินเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซื้อไปอย่างไรก็ต้องได้รับกำไรกลับคืนมาแน่นอน

ติดตาม POSTJUNG บน FACEBOOK >>
       สำหรับใครที่กำลังมองหาคอนโดไว้สำหรับปล่อยเช่าอยู่นั้น ข้อสำคัญที่คุณไม่ควรมองข้าม นั่นคือ “ทำเล” ดีๆ นั่นเอง
ซึ่งเป็นหัวใจหลักที่นักลงทุนต้องคำนึงถึง เพราะทำเลที่ดีจะทำให้ปล่อยเช่าได้ง่าย และได้ผลตอบแทนที่ดี อย่างที่ M Thonglor10 คอนโดดีไซน์ล้ำ ทำเลดี ย่านละแวกทองหล่อ
ที่เพิ่งเปิดพรีเซล ก็มีนักลงทุนเข้าร่วมและให้ความสนใจเป็นอย่างมาก เพราะถือว่าเป็นทำเลที่คุ้มค่าต่อการลงทุนนั่นเอง
วิธีเลือกซื้อคอนโดสำหรับลงทุนเก็งกำไร หรือปล่อยให้คนเช่า
วิธีการลงทุนคอนโด ส่วนมากทำดังนี้
1. ทำเลที่ตั้งของคอนโดนั้นสำคัญมากต่อการลงทุน เพราะ ถ้าทำเลไม่ดี จะทำให้ปล่อยเช่าและขายต่อยาก แถมราคาก็ยังไม่ค่อยขยับอีกด้วย แต่ถ้าคอนโดทำเลดี ต่อให้ราคาสูงแค่ไหน ก็สามารถปล่อยเช่าหรือขายเก็งกำไรได้ตลอด

2.มองการณ์ไกลตลาดคอนโด เราต้องคำนึงถึงอนาคต และแนวโน้มในการเจริญเติบโตของเมืองนั้นด้วย ว่าข้างหน้าจะเป็นอย่างไร

3.ซื้อคอนโด เลือกผ่อนกับโครงการ ตัวอย่างผ่อนเดือนละ 15,000 หมื่น 5 ปีเท่ากับ 900,000 แสนบาท ค่าจอง 100,000 แสน รวม 1 ล้าน ก็ได้กำไรมากแล้ว (อ่านแล้วงง ทำได้ด้วยเหรอ?)
4. ระหว่างนั้นก็ให้นิติบุคคลช่วยปล่อยเช่ายกตัวอย่าง ปล่อยเช่าได้ เดือนละ 18,000 บาท ทำให้มีเงินสำหรับผ่อนกับโครงการ และได้กำไรด้วย
5. เมื่อระหว่างช่วงผ่อนดาวน์ เราสามารถขายดาวน์ ทำกำไร โดยที่เราเอายอดที่ผ่อนไปแล้ว+กำไร และให้ผู้ที่มาซื้อต่อผ่อนต่อ สมมุติ ผ่อนดาวน์มาแล้ว 2 ปี 360,000 บาท + เงินจอง100,000 รวม 460,000 บาท สามารถขายทำกำไรได้ 600,000 บาท ถือว่าเป็นการเก็งกำไรระยะสั้นได้ (อ่านแล้วงงมาก อ่านไปหลายรอบเข้าใจว่าอันนี้น่าจะเป็นช่วงผ่อนดาวน์) 
6. เมื่อผ่อนเสร็จ ราคาก็มักจะปรับขึ้น แต่ก็ขึ้นอยู่กับทำเลที่ตั้งด้วย เพราะคอนโดในย่านธุรกิจ ใกล้รถไฟฟ้า
ราคามักปรับขึ้นเรื่อยๆ เพราะหาที่สร้างไม่ได้แล้ว ที่ดินก็ราคาสูงขึ้นทุกปีเช่น ซื้อมา 1 ล้าน ซื้อไว้ 5-6 ปี ราคาสามารถปรับขึ้นจนถึง 2 ล้านก็อาจเป็นได้  ซึ่งแนวโน้ม อนาคตการลงทุนคอนโดดูเหมือนจะไปได้ดี เพราะผู้คนจะใช้ชีวิตอยู่ใจกลางเมืองมากขึ้น ย่อมต้องการความสะดวกสบาย เดินทางโดยรถไฟฟ้าได้ เลี่ยงปัญหารถติด ประหยัดเวลาในการเดินทาง ใกล้แหล่งช็อปปิ้ง
ซึ่งทำให้คอนโดในเมืองได้รับความนิยมค่อนข้างมากขึ้น แนะนำให้เลือกลงทุนคอนโด ใจกลางเมือง หรือใกล้รถไฟฟ้า จะดีมาก เพราะมีมูลค่าเพิ่มของทรัพย์สินเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซื้อไปอย่างไรก็ต้องได้รับกำไรกลับคืนมาแน่นอน'

http://board.postjung.com/838603.html


รวยด้วยอสังหา" ลงทุน "บ้าน-คอนโดฯ-อพาร์ตเมนต์"

"สุวรรณ วลัยเสถียร" เสนอคู่มือ "รวยด้วยอสังหา" ลงทุน "บ้าน-คอนโดฯ-อพาร์ตเมนต์"

Prev
1 of 2
Next
คลิกภาพเพื่อขยาย
updated: 09 ส.ค. 2555 เวลา 13:01:34 น.
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
ดร.สุวรรณ วลัยเสถียร อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กูรูด้านการลงทุนมาเผยเคล็ดลับ...รวยด้วยอสังหาฯ ที่อาคารศุภาลัยแกรนด์ทาวเวอร์ ชั้น 33 เมื่อเร็ว ๆ นี้

ช้ช่องลงทุน "อพาร์ตเมนต์"

"อ.สุวรรณ" เปิดประเด็นอสังหาฯที่ลงทุนคือ 1) ซื้อบ้านหรือคอนโดฯ ปล่อยเช่า ควรมีเงินทุน 20% และกู้แบงก์ไม่เกิน 80% ขณะที่ผลตอบแทนค่าเช่าบ้านเฉลี่ยอยู่ที่ 3-5% ต่อปี คอนโดฯเฉลี่ย 5-8% ต่อปี 2) ลงทุนทำอพาร์ตเมนต์ ผลตอบแทนค่าเช่าเฉลี่ยจะอยู่ที่ 7-10% ต่อปี แต่งบฯที่ใช้ลงทุนก็แตกต่างกันไป 3) ซื้อบ้านแล้วปรับเป็นโฮมออฟฟิศ

สำหรับอพาร์ตเมนต์ เมื่อเลือกจะลงทุนแล้ว ปัจจัยความสำเร็จคือ 1) ต้องสำรวจตลาด ทำเลที่น่าลงทุนคือรอบมหาวิทยาลัยเอกชนชั้นนำ กับรอบนิคมอุตสาหกรรม 2) ศึกษาความเป็นไปได้ผลกำไร 3) ต้องระวังการบริหารกระแสเงินสด เพราะช่วงแรกสามารถเก็บค่าเช่าล่วงหน้าและเงินประกันได้ แต่ต้องเผื่อกรณีที่มีลูกค้าย้ายออกเพราะจะต้องคืนเงินประกัน และไม่มีรายได้ค่าเช่าชั่วคราว 4) ต้องเผื่อค่าใช้จ่ายภาษีและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ อาทิ ภาษีโรงเรือน ภาษีหัก ณ ที่จ่าย ภาษีเงินได้ ฯลฯ




รายละเอียดการลงทุนอพาร์ตเมนต์สัดส่วนเงินลงทุนที่ต้องเตรียมไว้ได้แก่ 1) ค่าที่ดิน 25% 2) ค่าก่อสร้าง 65% 3) ค่าใช้จ่ายระหว่างก่อสร้าง 5% และ 4) ดอกเบี้ยระหว่างก่อสร้าง 5% โดยควรมีทุนประเดิมอย่างน้อย 40% ของมูลค่าลงทุนทั้งหมด ที่เหลืออีก 60% เป็นเงินกู้จากแบงก์

กรณีตัวอย่าง ผลกำไรจากการลงทุนทำอพาร์ตเมนต์ 50 ห้อง ห้องละ 30 ตร.ม. คำนวณภายใต้ต้นทุนค่าก่อสร้าง ตร.ม.ละ 1 หมื่นบาท เท่ากับจะมีต้นทุนก่อสร้างห้องละ 3 แสนบาท รวม 50 ห้องเบ็ดเสร็จจะมีต้นทุนทั้งหมด 15 ล้านบาท

ขณะที่รายได้ค่าเช่าประเมินที่ห้องละ 4 พันบาท/เดือน หรือเดือนละ 2 แสนบาท บวกกับรายได้อื่น ๆ (ค่าน้ำ-ค่าไฟ) อีกเดือนละ 2 หมื่นบาท หากคิดที่อัตราเช่า 80% เท่ากับจะมีรายได้ค่าเช่าและค่าน้ำ-ค่าไฟรวมเดือนละ 1.76 แสนบาท หักลบจากค่าใช้จ่ายเฉลี่ยที่ 30% หรือเดือนละ 5.28 หมื่นบาท เท่ากับจะมีรายได้คงเหลือเดือนละ 1.23 แสนบาท แต่ยังไม่รวมเงินที่ผ่อนชำระแบงก์ ซึ่งทุก ๆ วงเงินกู้ 1 ล้านบาท (ระยะเวลากู้ 10 ปี) ที่อัตราดอกเบี้ย 7.75% จะมีภาระผ่อนแบงก์เดือนละประมาณ 1.21 หมื่นบาท

ลงทุนคอนโดฯ ต้องกลางเมือง

ส่วนกรณีลงทุนคอนโดฯ ควรมีเงินทุนประเดิมขั้นต่ำ 20% และกู้แบงก์ไม่เกิน 80% มีตัวอย่าง...ซักเซสสตอรี่คือ คอนโดฯในซอยนานา ถ.สุขุมวิท เมื่อปี 2535 ห้องขนาด 320 ตร.ม. ซื้อมาในราคา ตร.ม.ละ 2 หมื่นบาท หรือประมาณ 6.4 ล้านบาท ผ่านมา 20 ปีราคาขายขยับขึ้นเป็น ตร.ม.ละ 1.5 แสนบาท หรือ 48 ล้านบาท หรือขึ้นมากว่า 7 เท่า ยังไม่นับรวมรายได้จากการปล่อยเช่าตลอด 20 ปี กรณีที่ถือกรรมสิทธิ์ครบ 5 ปีจะได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ 3.3% จากราคาประเมินให้กับกรมที่ดิน แต่จะต้องเสียค่าธรรมเนียมการโอน 2% จากราคาประเมิน

ดังนั้น การจะซื้อคอนโดฯเพื่อลงทุนและอนาคตอยากขายต่อเพื่อทำกำไร คำแนะนำคือเลือกทำเล "กลางเมือง" เท่านั้น เพราะที่ดินเหลือน้อย ทำให้ซัพพลายที่จะมาเป็นคู่แข่งในอนาคตมีน้อย เช่น ทำเลสีลม สาทร ศาลาแดง สุขุมวิท (ชิดลม-เอกมัย) ส่วนบ้านแนะนำทำเลบางนา เพราะปีก่อนน้ำไม่ท่วม อยู่ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ

ส่วน "ที่ดินเปล่า" ไม่แนะนำให้ลงทุน ยกเว้นทำเลกลางเมืองอย่าง "ศาลาแดง" ที่เกือบจะหาที่ดินไม่ได้อีกแล้ว !

February 04, 2015

พุทธคุณของพระสมเด็จวัดระฆัง

รศ.ดร.ชัยพร พิบูลศิริ


บทความเรื่องนี้เป็นการชี้ให้เห็นถึงอานุภาพพุทธคุณของพระสมเด็จวัดระฆังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับผู้เขียนครั้งล่าสุด ด้วยกุศลศรัทธา เพื่อบูชากิตติคุณอันยิ่งใหญ่ขององค์สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ที่มีมาช้านาน ให้สูงส่งชั่วนิรันดร

แนวคิดในการนำเสนอ ประกอบไปด้วย ๓ แนวคิดหลัก คือ แนวคิดเกี่ยวกับพระเครื่อง อำนาจพุทธคุณของพระเครื่อง และปัจจัยที่มีผลต่ออำนาจพุทธคุณของพระเครื่อง ดังจะได้กล่าวโดยสรุปตามลำดับไป

พระเครื่องหมายถึงพระพุทธรูปองค์เล็ก ๆ หรือพระพิมพ์ซึ่งได้ผ่านกรรมวิธีการบรรจุพุทธคุณ วิทยคาถา และพุทธปรมาภิเษก สามารถใช้เป็นเครื่องรางของขลัง คุ้มครองป้องกันภยันตราย ตลอดจนอำนวยศิริมงคลให้กับผู้สักการะบูชาได้

อานุภาพพุทธคุณหมายถึงพลังด้านศักยอำนาจ ความศักดิ์สิทธิ์ ฤทธิเดชของพระเครื่องในด้านที่เป็นคุณต่อผู้สักการะบูชาทั้งหลายทั้งทางตรงและทางอ้อม

อำนาจพุทธคุณของพระเครื่อง ขึ้นอยู่กับปัจจัยซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญดังต่อไปนี้

๑. ศีลจริยวัตรและภูมิธรรมของผู้สร้าง พระเครื่องที่ถูกสร้างโดยผู้ทรงศีลจริยวัตรสมบูรณ์งดงาม

สำเร็จอภิญญาจิตและฌานสมาบัติขั้นสูงสุด ย่อมจะมีพลังศักยภาพมากที่สุด

๒. เจตนารมณ์ของการสร้าง แต่เดิมพระเครื่องจะถูกสร้างขึ้น เพื่อใช้สืบอายุพระพุทธศาสนา ต่อมา

ใช้เป็นปัจจัยช่วยในการบำเพ็ญบารมีของผู้อธิษฐานพุทธภูมิ ภายหลังเมื่อได้รับอิทธิพลของพุทธมหายานลัทธิตันตระ จุดมุ่งหมายมักจะเน้นที่อานุภาพด้านอิทธิฤทธิ์และปาฏิหารย์เป็นสำคัญ

๓. อิทธิวัตถุที่ใช้ในการสร้างมีผลต่ออานุภาพพุทธคุณของพระเครื่อง พระเครื่องที่สร้างจากว่านหรือ

ชิน จะเน้นอานุภาพด้านอยู่ยงคงกระพัน พระเครื่องที่สร้างจากดินเผาจะดีทางด้านแคล้วคลาดคงกระพันและเมตตามหานิยม ถ้าเป็นพระเครื่องเนื้อผงพุทธคุณ จะมีอานุภาพทุกด้าน และจะเด่นมากที่สุดในด้านความเจริญก้าวหน้า การค้าขาย และเมตตามหานิยม

๔. ศิลปะที่ปรากฏเป็นพิมพ์พระ นอกจากจะแสดงให้เห็นถึงความหมายความงามในเชิงศิลปะของแต่

ละสกุลช่างแล้วยังบ่งบอกถึงศรัทธา เจตนา คติธรรม และเรื่องราวต่างๆ ที่ผู้สร้างตั้งใจจะบอก นอกจากนั้นศิลปะของพิมพ์พระยังสามารถสื่อให้เห็นถึงอานุภาพด้านต่างๆของพระพิมพ์ได้

๕. อานุภาพพุทธคุณของพระเครื่องก็ขึ้นอยู่กับกรรมวิธีในการสร้างและการบรรจุพุทธคุณ พระเครื่อง

เป็นของสูงควรค่าแก่การเคารพบูชา พระเครื่องแต่ละชนิดแต่ละประเภทจะมีกรรมวิธีในการสร้างและการบรรจุพุทธคุณที่แตกต่างกัน นอกจากนั้น ผู้สร้างยังสามารถบรรจุพุทธคุณให้พระเครื่องมีอานุภาพเด่นด้านใดด้านหนึ่งโดยเฉพาะได้

๖. อำนาจพุทธคุณของพระเครื่องมีความสัมพันธ์กับพลังศรัทธาและการปฏิบัติตัวของเจ้าของพระ

เจ้าของพระจะต้องปฏิบัติบูชาพระด้วย จึงจะบังเกิดผลในทางดี ถึงจะไม่บังเกิดผลทางด้านอิทธิฤทธิ์อย่างน้อยก็ช่วยให้เจ้าของพระได้พัฒนาจิตใจให้สูงยิ่งขึ้น



ประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องกับพระสมเด็จวัดระฆัง

ผู้เขียนผ่านเหตุการณ์เสี่ยงชีวิต ๓ ครั้ง แต่ด้วยอำนาจพุทธคุณของพระเครื่องที่คล้องติดตัวตลอดเวลาทำให้แคล้วคลาดปลอดภัยมาได้ทุกครั้ง จะขอนำเหตุการณ์ครั้งหลังสุดมาเขียนเล่าสู่กัน

ผู้เขียนเป็นคนฝั่งธนบุรีมีถิ่นฐานอยู่แถววังหลัง ตั้งแต่จำความได้ ทุกเช้าที่บ้านจะตักบาตรพระ ๙ รูป วันพระใหญ่ลูกหลานจะนำแกงเวรไปถวายพระที่วัดระฆังฯ ๑ หม้อ และที่วัดอรุณฯอีก ๑ หม้อเป็นประจำ ผู้ใหญ่จะถืออุโบสถศีล บางวันตอนเย็นจะนิมนต์พระ ๑ รูปมาเทศน์ที่บ้าน

พอเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาก็นั่งเรือข้ามฟากไปเรียนศิลปบัณฑิตที่คณะโบราณคดี มหาวิทยาศิลปากร จำได้ว่าวันประกาศผลสอบเข้า แม่เอาพระไปเลี่ยมทองที่ตลาดพรานนก บอกว่าเป็นพระที่ตาให้ไว้ ดีใจที่ได้พระองค์แรก ผู้เขียนรับมาพิจารณาด้วยความศรัทธา ด้านหน้าพระมีรักสีดำติดอยู่บางส่วน เห็นฐาน ๓ ชั้น กรอบด้านหลังถูกเจาะเป็นรูปใบโพธิ์ เห็นเนื้อพระสีขาว ตอนนั้นยังไม่รู้ว่าเป็นพระอะไร แต่ก็ถนอมรักษาไว้อย่างดี แขวนอยู่องค์เดียวตลอดเวลา

ตั้งแต่ได้พระองค์นี้มา รู้สึกว่าชีวิตมีแต่ความก้าวหน้า สามารถสอบชิงทุนรัฐบาลฝรั่งเศสไปเรียนปริญญาโทและเอกด้านมานุษยวิทยาวัฒนธรรม ที่มหาวิทยาลัยแห่งกรุงปารีส จบกลับมาก็ได้บรรจุเข้ารับราชการเป็นอาจารย์ประจำที่สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) มีชีวิตครอบครัวที่อบอุ่น แม้ไม่ร่ำรวยแต่ก็ไม่เคยขัดสน

สิ่งที่ผู้เขียนปฏิบัติอยู่เป็นประจำคือทุกเช้าจะตักบาตรพระ ๑ รูป กรวดน้ำ บูชารูปเหมือนของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ด้วยดอกมะลิ ทุกเดือนจะไปทำบุญที่วัดระฆังฯไม่เคยขาด

เหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นในตอนเย็นของวันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ ดร.อนุกูล แพรไพศาล ลูกศิษย์ที่จบจากนิด้า โทรศัพท์จากจังหวัดกาญจนบุรีมาบอกผู้เขียนว่าเขาจะจัดงานเลี้ยงวันเกิดในคืนวันที่ ๒ กุมภาพันธ์จะให้ผู้เขียนขึ้นกล่าวอวยพรวันเกิดและขอให้ผู้เขียนขับรถไปรับอาจารย์ณภัทร คุ้มชินโชติ คณะทำงานรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ท่านอลงกรณ์ พลบุตร มาร่วมงานเลี้ยงด้วย

วันที่ ๒ กุมภาพันธ์ เวลา ๑๓.๓๐ น. ผู้เขียนขับรถออกจากกระทรวงพาณิชย์ สนามบินน้ำ โดยมีอาจารย์ณภัทรนั่งอยู่ด้านหน้าคู่กับผู้เขียน รถวิ่งไปตามถนนราชพฤกษ์ ผ่านนครปฐม ราชบุรี ผ่านอำเภอท่าเรือถึงอำเภอท่าม่วง เหลืออีกเพียง ๑๕ กิโลเมตรจะถึงตัวเมืองกาญจนบุรี

ขณะที่รถของผู้เขียนกำลังวิ่งคู่ไปกับรถตู้สีขาวคันหนึ่ง โดยรถของผู้เขียนอยู่ในเลนด้านนอก ในเสี้ยววินาที ได้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ผู้ชายอายุประมาณ ๒๐ ปี ขับรถจักรยานยนต์วิ่งสวนทางตัดหน้ารถตู้ แล้วหยุดกระทันหันขวางหน้ารถผู้เขียน ห่างไม่เกิน ๑๐ เมตร ผู้เขียนควบคุมสติ หักพวงมาลัยไปทางขวามือคิดว่าจะหลบทัน แต่รถเสียการทรงตัว วิ่งลงคูข้างแนวถนน หน้ารถด้านคนขับชนเสาหลักบอก

สัญญาณจราจรหักสะบั้น ส่วนบังโคลนหน้าและประตูรถด้านซ้ายชนกระแทกกับต้นไม้ใหญ่เสียงดังสนั่น เศษกระจกแตกกระจายกระเด็นใส่ มีเลือดติดตามเสื้อ ผู้เขียนหันไปดูเห็นอาจารย์ ณภัทรเกิดอาการช๊อคตามเนื้อตัวมีบาดแผลเลือดไหล

ผู้เขียนพยายามเปิดประตูรถด้วยความยากลำบาก วิ่งไปบอกเจ้าหน้าที่รถกู้ภัยให้รีบนำคนเจ็บไปส่งโรงพยาบาลโดยด่วน หลังจากโทรศัพท์แจ้งข่าวอุบัติเหตุถึงดร.อนุกูลเสร็จเรียบร้อย ผู้เขียนก็ต้องอยู่รอเจ้าหน้าที่ของบริษัทวิริยะประกันภัย แล้วไปแจ้งความที่สภอ.ท่าม่วง จักรยานยนต์คู่กรณีขับหนีไป แต่ก็ยังโชคดีที่รถทำประกันชั้น ๑ จึงได้รับความสะดวกเป็นอย่างดี

ผลจากอุบัติเหตุในครั้งนี้ ทำให้อาจารย์ณภัทรซี่โครงและแขนซ้ายหัก กระจกรถบาดแขนทั้งสองข้างเป็นแผลฉกรรจ์ต้องเข้ารับการรักษาพยาบาลอยู่นานพอสมควรจนกว่าจะหายเป็นปกติ ส่วนผู้เขียนเสียรถยนต์ไป ๑ คัน แต่ยังโชคดีปลอดภัยไม่เจ็บตัวแม้แต่น้อย ทั้งที่ตอนนั้นได้ยินเสียงไทยมุงพูดกันว่า “ไม่รอดแน่” ผู้เขียนก็ตอบไม่ได้ว่ารอดตายมาได้อย่างไร แต่จิตใต้สำนึกบอกอยู่เสมอว่า เรามีคุณพระคุ้มครอง

วิเคราะห์อานุภาพพุทธคุณของพระสมเด็จวัดระฆัง



วิญญาณศรัทธาของมนุษย์ ที่มีต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีประจำอยู่ในจิตใต้สำนึกของมนุษย์ทุกยุคทุกสมัย นับตั้งแต่ข่าวปาฏิหาริย์ของพระสมเด็จวัดระฆัง ที่ได้ช่วยรักษาโรคป่วงใหญ่ให้หายขาด ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๔๑๖ เรื่อยมา รวมทั้งข่าวจากผู้มีประสบการณ์เกี่ยวเนื่องกับพระสมเด็จอีกมากมาย ทำให้สามารถกล่าวได้ว่า ไม่มีพระเกจิอาจารย์รูปใดในยุครัตนโกสินทร์ที่จะทรงอานุภาพกิตติคุณปรากฏแพร่หลายโด่งดังเทียบเท่าเจ้าพระคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) พระเครื่องที่ท่านสร้างได้รับความนิยมเลื่อมใสยิ่งกว่าพระเครื่องใดๆ

เท่าที่ผู้เขียนประมวลได้ พระสมเด็จวัดระฆังมีอานุภาพพุทธคุณ ด้านป้องกันรักษาโรค ป้องกันภัย แก้คุณไสย ช่วยให้แคล้วคลาดปลอดภัย มีพุทธคุณด้านเมตตามหานิยมสูง ช่วยให้เกิดความเจริญรุ่ง เรืองก้าวหน้าในกิจการงาน ทำให้มีชื่อเสียง มีอำนาจปราศจากศัตรู



พระสมเด็จวัดระฆัง เป็นสุดยอดปรารถนาของนักนิยมพระเครื่องทุกคน ผู้มีบุญวาสนาได้ครอบครองพระสมเด็จวัดระฆังองค์สวยสมบูรณ์ ย่อมจะเกิดความรู้สึกภาคภูมิใจ และเป็นที่รู้จักของสังคม

การที่พระสมเด็จวัดระฆัง มีอานุภาพพุทธคุณอยู่ในขั้นสูงที่สุด มาจากเหตุปัจจัยต่อไปนี้

๑. ผู้สร้างคือเจ้าพระคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) เป็นผู้มีศีลจริยวัตรสมบูรณ์งดงาม

ท่านเป็นพระอัจฉริยาจารย์ทรงคุณปัญญาสำเร็จอภิญญา คือความรู้ซึ่งได้ฌานสมาบัติขั้นสูง ๖ ประการ

ท่านสำเร็จสรตโสฬสญาณ ขั้นสัมภิทาญาณทำให้มีอิทธิฤทธิ์ และได้อานาคตังสญาณสามารถรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าได้อย่างแม่นยำและท่านยังถือปฏิบัติในข้อธุดงควัตรตลอดชีวิต

๒. พระสมเด็จวัดระฆัง ถูกสร้างด้วยจิตของพระโพธิสัตว์ ที่ปรารถนาให้ผู้นำไปสักการะบูชา

เกิดอานิสงส์ปราศจากซึ่งความทุกข์ทั้งปวง และที่สำคัญท่านสร้างพระสมเด็จเพื่อบำเพ็ญทานบารมี เป็นการบำเพ็ญโพธิปริปาจนธรรม คือธรรมสำหรับบำเพ็ญพระพุทธภูมิ

๓. ผงวิเศษในพระสมเด็จวัดระฆัง เป็นสุดยอดของส่วนผสมในเนื้อพระ อันประกอบไปด้วย

ผงปัถมังอิทธะเจ มหาราช พุทธคุณ และตรีนิสิงเห ผงวิเศษเหล่านี้ได้ผ่านกรรมวิธีลงวิทยคาถาขั้นสูง ทำให้เกิดอานุภาพ มหามงคลประดุจดั่งพุทธรังสีแผ่คุณความดีไปทั่วพุทธจักรวาล และบังเกิดผลานิสงส์แก่ผู้สักการะบูชาไม่เสื่อมคลาย

นอกจากผงวิเศษดังกล่าวแล้ว ท่านยังผสมผสานวัตถุมงคลอาถรรพ์อื่นที่ท่านพิจารณาเห็นว่ามีความศักดิ์สิทธิ์ลงในเนื้อพระด้วย เช่นว่านร้อยแปด ดอกไม้บูชาพระ ก้านธูป ผงใบลานเผา ข้าวก้นบาตร เศษพระเครื่องโบราณ เศษจีวรห่มพระพุทธรูป ทรายเงิน ทรายทอง ฯลฯ ทำให้เนื้อพระมีความศักดิ์สิทธิ์ และมีคุณค่ายิ่งกว่าเพชรน้ำหนึ่ง

๔. พระสมเด็จวัดระฆัง ได้รับการพุทธปรมาภิเษกด้วยพระคาถาชินบัญชร ซึ่งเป็นพระคาถา

ศักดิ์สิทธิ์ พระคาถาชินบัญชรเป็นการอัญเชิญพระพุทธานุภาพของพระพุทธเจ้า ๒๘ พระองค์ พระอรหันต์ที่สำคัญอีกหลายองค์ แล้วอัญเชิญพระสูตรต่างๆที่ถือว่าเป็นพระพุทธมนต์แต่ละสูตรมารวมกัน เป็นกำแพงแก้วคุ้มกันผู้ภาวนาจากภยันตรายต่างๆ

พระคาถาชินบัญชรทรงคุณานุภาพมากมาย ถ้าหมั่นเจริญภาวนาเป็นนิจ จะประสบแต่ความสุขความเจริญ อีกทั้งยังสามารถนำมาบริกรรมทำน้ำพระพุทธมนต์ปัดเป่าโรคภัยไข้เจ็บได้สารพัด

๕. แม่พิมพ์พระสมเด็จวัดระฆังที่งดงามและทรงคุณค่าทางศิลป์ เป็นฝีมือการแกะของหลวง

วิจารณ์เจียรนัย หัวหน้าช่างหลวงในราชสำนักพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ พระสมเด็จวัดระฆังเป็นพระเครื่ององค์แรกที่สร้างเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าอย่างทรงเรขาคณิต องค์พระและฐานจำลองแบบและย่อส่วนมาจากองค์พระประธานในพระอุโบสถวัดระฆังฯ ปางสมาธิ ศิลปะสุโขทัย พิมพ์ทรงในภาพรวม ถึงจะขึ้นรูปแบบง่ายๆปราศจากส่วนตกแต่ง แต่มีความงดงาม จัดองค์ประกอบทางศิลปะได้ลงตัวกันอย่างสมภาค บอกถึงสภาวะจิตที่สงบนิ่ง

๖. พลังอานุภาพของพระสมเด็จวัดระฆังขึ้นอยู่กับการปฏิบัติตัวของเจ้าของพระ เจ้าของพระถ้า

ปฏิบัติตนบูชาพระด้วย ก็จะบังเกิดผลในทางดี ผู้มีพระสมเด็จวัดระฆังประจำตัว หรือผู้ปรารถนาจะมีพระสมเด็จวัดระฆัง ควรหาโอกาสมานมัสการสักการะบูชา รูปองค์เจ้าพระคุณสมเด็จฯที่วัดระฆังให้ได้ เพื่อแสดงความกตัญญู และเพื่อความเป็นศิริมงคลแก่ตน ก็จะถึงซึ่งความสุขความเจริญเป็นนิจ

ด้วยพลังอานุภาพในด้านพุทธคุณ กอรปกับความงดงามในด้านพุทธศิลป์ พระสมเด็จในเจ้าพระคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) จึงได้รับการถวายพระนามอย่างสมพระเกียรติว่าเป็น “จักรพรรดิ์แห่งพระเครื่อง” เป็นเครื่องวัดภูมิฐานะของความเป็นนักนิยมพระเครื่อง พระสมเด็จวัดระฆังจึงเป็นสุดยอดวิญญาณปรารถนาของนักนิยมพระเครื่องทุกคน

บทความชิ้นนี้ เขียนโดยผู้ซึ่งมีจิตศรัทธาแน่วแน่ ต่อท่านเจ้าพระคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ซึ่งได้ตั้งใจศึกษาค้นคว้าหาความรู้มาตลอดชีวิตเป็นเวลายาวนาน คิดว่าคงจะช่วยเสริมความรู้ และเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับท่านเจ้าของพระสมเด็จวัดระฆังมากยิ่งขึ้นได้พอควร



ขอจงได้รับบุญกุศลในครั้งนี้โดยทั่วกัน
..

// http://board.palungjit.org/f132/%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%B8%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%9E%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%93%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%87%E0%B8%88%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%86%E0%B8%B1%E0%B8%87-511912.html