Pages

Long Live The king

Long Live The king

January 21, 2015

ร้านปันกัน ชั้น G Paradise Park รับบริจาคสิ่งของเครื่องใช้ที่อยู่ในสภาพดี

ร้านปันกัน ชั้น G Paradise Park (เสรี เซ็นเตอร์ เก่า) ถ. ศรีนครินทร์ อีกหนึ่งแหล่งรับบริจาคสิ่งของเครื่องใช้ที่อยู่ในสภาพดีนำมาจำหน่าย รายได้เป็นทุนการศึกษาให้กับเด็กๆ ที่ด้อยโอกาสทางการศึกษา ของ มูลนิธิยุวพัฒน์
......................................................................................................................................

" จะทิ้งก็เสียดายจะเก็บไว้ก็รกบ้าน "   สื่อกลางผู้ใจบุญ สานฝันการศึกษาของเด็กไทย ......
" จะทิ้งก็เสียดายจะเก็บไว้ก็รกบ้าน " สำหรับผู้บริจาคแต่เป็นที่ต้องการของผู้ซื้อและยังได้ร่วมสร้างโอกาสทางการศึกษาให้เด็กนักเรียนทุนมูลนิธิยุวพัฒน์ทั่วประเทศ
ร้านปันกัน ตั้งอยู่ที่ชั้น G ศูนย์การค้า Paradise park (เสรีเซ็นเตอร์เก่า)  ถนนศรีนครินทร์  เป็นแหล่งรับบริจาคสิ่งของเครื่องใช้ทุกชนิดที่ยังอยู่ในสภาพที่ใช้งานได้จากผู้ใจบุญมาจำหน่าย นำรายได้โดยไม่หักค่าใช้จ่ายมาเป็นทุนการศึกษาให้แก่นักเรียนทั่วประเทศ เป็นโครงการระดมทุนที่เกิดประโยชน์สูงสุดสำหรับทุกฝ่าย  เพราะหลายสิ่งหลายอย่างนั้นเป็นของที่ผู้บริจาครู้สึกว่า' จะทิ้งก็เสียดายจะเก็บไว้ก็รกบ้าน '   แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นการทำให้ของที่ไม่ได้ใช้ ถูกนำกลับมาใช้ได้อย่างคุ้มค่าและยังช่วยส่งเสริมการศึกษาให้เด็กๆ ที่จะเติบโตเป็นกำลังที่เข้มแข็งของชาติต่อไป  นอกจากนี้ทางมูลนิธิฯ ยังจัดให้นักศึกษาที่ได้รับทุนมาเป็นพนักงานประจำร้านในช่วงว่างจากการเรียน ช่วยสร้างงานสร้างรายได้พิเศษอีกทางหนึ่ง
ร้านปันกันตั้งขึ้นโดย มูลนิธิยุวพัฒน์ เมื่อปีพ.ศ. 2543  ด้วยความเชื่อที่ว่า สังคมจะดีได้ ถ้าเราทุกคนช่วยกัน ในยุคที่เศรษฐกิจไม่ดี เงินทองเป็นของหายาก การจะขอรับบริจาคเงินนั้นก็ยากขึ้นเช่นกัน  มูลนิธิฯ จึงตั้ง " ร้านปันกัน " ขึ้นโดยได้รับความอนุเคราะห์พื้นที่จากเสรีเซ็นเตอร์ ที่ให้ " ปันกัน" ตั้งอยู่โดยไม่คิดค่าเช่าแม้แต่บาทเดียว เพื่อ " ปันกัน " จะได้เป็นแหล่งเปิดรับข้าวของเครื่องใช้ทุกชนิดที่ยังคงอยู่ในสภาพใช้งานได้ที่ท่านรู้สึกว่า " จะทิ้งก็เสียดายจะเก็บไว้ก็รกบ้าน " มามอบให้ ปันกัน โดย " ปันกัน " จะเป็นสื่อกลางให้ผู้ใจบุญได้ร่วมกันสร้างกุศลด้านการศึกษาแก่เด็กๆ ในรูปแบบต่างๆโดยเราจะแปรเลี่ยนของใช้เหล่านั้นให้เป็นทุนการศึกษาแก่นักเรียนผู้ยากไร้ ทุกบาททุกสตางค์จะเป็นประโยชน์กับนักเรียนทุนของมูลนิธิยุวพัฒน์อย่างแน่นอน
ส่วนบางชิ้นที่ไม่สามารถจำหน่ายได้มูลนิธิฯ จะมอบให้ มูลนิธิวัดสวนแก้ว เพื่อนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อไป นอกจากนี้หากท่านใดสนใจจะร่วมบริจาคเงินทุนการศึกษา หรือรับอุปการะนักเรียนทุน สามารถแจ้งความประสงค์ให้เจ้าหน้าที่ที่เคาน์เตอร์ทราบ
เพื่อดำเนินการต่อไป โดยจำนวนเงินบริจาคแล้วแต่ความสบายใจของท่าน  จะมากหรือน้อยไม่ต้องกังวล เรามาช่วยกันสร้างโอกาสสร้างอนาคตที่ดีให้กับเยาวชนของเราดีกว่า
ทั้งนี้ใบเสร็จรับเงินบริจาคท่านสามารถนำไปหักลดหย่อนภาษีรายได้ประจำปีได้
เรามาช่วยให้นักเรียนที่อยู่ในถิ่นทุรกันดารขาดแคลนโอกาส ได้เรียนหนังสือกันเยอะๆ ด้วยการนำสิ่งของที่ท่านไม่ใช้ประโยชน์แล้ว
มาร่วมบริจาค ทั้ง หม้อ จานชาม กระทะ เครื่องใช้ไฟฟ้า เสื้อผ้า ตุ๊กตา กระเป๋า รองเท้า หนังสือ ของเล่น ของชำร่วย และอื่นๆ อีกมากมาย เราจะแปรของๆ ท่านเป็นเงินทุนให้กับนักเรียนผู้ยากไร้
หากท่านที่ไม่มีของมาบริจาค ท่านสามารถช่วยเหลือด้วยการแวะ"ปันกัน " เพื่ออุดหนุนสินค้า เพื่อเป็นการช่วยเหลือเด็กๆ ได้อีกทางหนึ่งด้วยเช่นกัน
ขอเชิญผู้ใจบุญร่วมบริจาคสิ่งของให้" ร้านปันกัน " เพื่อแปรเปลี่ยนของที่ท่านไม่ได้ใช้ เป็นทุนการศึกษาให้แก่เด็กยากไร้ทั่วประเทศ ที่ชั้น G ศูนย์การค้าเสรีเซ็นเตอร์ ถนนศรีนครินทร์
พิเศษ ท่านที่มีของบริจาคปริมาณมาก สามารถแจ้งให้เจ้าหน้าที่ไปช่วยรับ
ได้ที่โทร . 02-746-0448
หากท่านต้องการส่งสิ่งของทางไปรษณีย์
กรุณาส่ง ...
มูลนิธิยุวพัฒน์
1 อาคารพรีเมียร์
ถ.ศรีนครินทร์
แขวงหนองบอน เขตประเวศน์
กรุงเทพฯ 10250
*สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ
*
 ร้านปันกัน " ชั้น G ศูนย์การค้า Paradise Park (เสรีเซ็นเตอร์เก่า) ถนนศรีนครินทร์ ฝั่ง Market มีศูนย์อาหาร
โทร. 0- 8920-17952
ทุกวัน 09 .00 -- 20.00 น.
หรือติดต่อที่มูลนิธิยุวพัฒน์
คุณ สุธาสินี ศุภศิริสินธุ์
โทร. 0-2301 1094-6
http://www.yuvabadhanafoundation.org/pankanshop.php
โทรเช็คก่อนเดินทางไปที่ร้านได้ที่มูลนิธิยุวพัฒน์
คุณสุธาสินี ศุภศิริสินธุ์
ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก http://www.oknation.net/blog/tocare/2009/09/25/entry-1

January 11, 2015

ธีรชนม์ บวรอัศวกุล เจ้าสัวรุ่นใหม่

ธีรชนม์ บวรอัศวกุล เจ้าสัวรุ่นใหม่
ASTVผู้จัดการออนไลน์
11 มกราคม 2558 21:55 น.
ธีรชนม์ บวรอัศวกุล เจ้าสัวรุ่นใหม่
ธีรชนม์ บวรอัศวกุลกรรมการบริหาร โครงการ ฟู้ด วิลล่า บริษัท บีที กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น จำกัด
         
       คำว่าฝันให้ไกลแล้วไปให้ถึง ยังคงใช้ได้อยู่เสมอ โดยเฉพาะ กับคนที่มุ่งมั่นต้องการจะประสบความสำเร็จในชีวิต ไม่เว้นแม้แต่ แน็ก-ธีรชนม์ บวรอัศวกุล ที่มีความฝันตั้งแต่เด็กว่า อยากประสบความสำเร็จด้วยตัวเอง ดังนั้น เขาจึงเรียนรู้ทุกความสำเร็จจากคนรอบข้าง ผ่านสายตา แล้วปล่อยให้ปัญญาเป็นผู้วินิจฉัย เมื่อกลั่นกรองจนมั่นใจแล้วจึงลงมือทำทันที งานทุกชิ้นของเขานอกจากจะทำให้ความคิดค่อยเติบโตแล้ว ยังสร้างผลกำไรได้อย่างมากมายอีกด้วย
ธีรชนม์ บวรอัศวกุล เจ้าสัวรุ่นใหม่
       
       ธีรชนม์ บวรอัศวกุล กรรมการบริหารโครงการ ฟู้ด วิลล่า บริษัท บีที กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น จำกัด เป็นลูกชายคนเล็กของ คีรดิต กับ ขวัญเมือง บวรอัศวกุล แม้ชื่อของเขาจะไม่เป็นที่โด่งดังและโดดเด่นในสังคมเมืองไทย หากแต่ในแวดนักธุรกิจเมืองกวางโจว สาธารณรัฐประชาชนจีน แทบไม่มีใครไม่รู้จักเขา 
     
       หนุ่มตี๋ใบหน้าสดใสในท่วงท่าสบายๆ เริ่มต้นการสนทนาบอกเล่าเรื่องราวตัวเองว่า ตระกูลของเขาเริ่มต้นจากอากงและอาม่า ที่อพยพจากจีนแผ่นดินใหญ่ เข้ามาลงหลักปักฐานในเมืองไทย โดยยึดอาชีพค้าขายพอมีรายได้ส่งเสียลูกๆ ในรุ่นบิดาของเขาให้ได้เรียนหนังสือจนจบปริญญาตรี สามารถประกอบอาชีพเลี้ยงดูทุกคนในครอบครัว ตามแบบวัฒนธรรมจีนได้อย่างสบายไม่ต้องลำบาก 
     
       “ตั้งแต่เกิดมาผมไม่ได้ลำบาก แต่ก็ไม่ได้สบายถึงขั้นใช้ชีวิตหรูหราฟุ่มเฟือย พ่อสอนเสมอไม่ให้ลืมว่าพวกเราเป็นใครมาจากไหน จะนิ่งเฉยคอยขอเงินพ่อแม่ไม่ได้ พอโตพูดรู้เรื่อง พ่อก็สอนให้ลูกทุกคนหัดทำงาน หัดค้าขาย ผมเองไปซื้อผลไม้จากตลาด มาแบ่งใส่ถุงขายเป็นงานที่สนุก ได้เงินก้อนแรกก็นับทั้งวันเลยครับ” 
     
       เงินก้อนแรกที่ได้มาจากน้ำพักน้ำแรง แม้จะไม่มากนัก แต่ก็สร้างภาคภูมิใจได้เป็นอย่างดี จากวันแรกที่ได้เป็นพ่อค้าตัวจิ๋ว จนถึงวันที่เป็นพ่อค้าหนุ่มนักศึกษา เขาสามารถนำเงินมาซื้อของใช้ที่ตัวเองอยากได้และต่อยอดลงทุนในธุรกิจอื่นๆ ได้อีกหลายต่อหลายธุรกิจ 
       อย่างไรก็ตาม เส้นทางการเป็นนักธุรกิจของเขา เริ่มต้นอย่างจริงจังเมื่ออายุ 17 ปี โดยระหว่างเป็นนักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ก็แอบนำเงินเก็บส่วนหนึ่ง มาลงทุนเปิดร้านอาหารเป็นของตนเอง ก่อนจะขยายไลน์มาทำธุรกิจขายส่งชิ้นส่วนอุตสาหกรรม ที่นำเข้าจากเยอรมนี จีน และไต้หวัน 
ธีรชนม์ บวรอัศวกุล เจ้าสัวรุ่นใหม่
       
       สองธุรกิจที่ทำแม้จะแตกต่าง แต่ทำด้วยความรักและศรัทธา เน็กบอกว่าการขายอาหารเป็นสิ่งที่เขารัก เพราะเป็นอาชีพแรกที่ทำให้เขามีรายได้เข้ากระเป๋าตั้งแต่จำความได้ ส่วนงานขายชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เป็นงานที่ทำบนพื้นฐานความถนัด “ตอนนั้นมีคนมาเสนอให้ผมหาชิ้นส่วนอุตสาหกรรมให้ พอดีผมได้รู้จักเพื่อนต่างชาติที่เขาทำงานด้านนี้ ก็เลยเปิดบิลให้ หลังจากนั้นก็ค่อยๆ ขยายงานไปเรื่อยๆ แต่ด้วยภาวะเศรษฐกิจซบเซา บวกกับความวุ่นวายทางการเมือง ธุรกิจที่ทำจึงไม่ดีนัก ผมเลยเปลี่ยนมาขายน้ำมันเตา ให้กับโรงงานอุตสาหกรรมแทน ซึ่งได้ผลกำไรเป็นที่น่าพอใจ” 
     
       และเมื่อจบปริญญาตรีจากลาดกระบัง เน็กก็ทำงานเก็บเกี่ยวประสบการณ์ที่บริษัท ยูบี ฮาเวิลด์ ซึ่งเป็นโรงงานผลิตเฟอร์นิเจอร์ ก่อนจะบินไปเรียนต่อด้านการบริหารและจัดการตลาดที่ Sun Yat-Sen University Guang Zhou Chaina เพื่อเติมความรู้ทางธุรกิจที่จำเป็น ก่อนจะกลับมาช่วยธุรกิจตัวเองและของครอบครัว
     
       เน็กบอกว่า เขาเลือกไปกวางโจว เพราะอยากได้ภาษาจีน และศรัทธาคนจีนที่ขยันทำมาหากิน เมื่อไปถึงที่นั่นก็นับเป็นโชคดี ที่ได้เพื่อนที่เป็นนักธุรกิจหลากหลายวงการ ทำให้เขามีมุมมองการค้ากว้างขึ้น “ผมไม่หวังทำธุรกิจใหญ่ๆ เหมือนคนอื่น อยากทำอะไรที่พอดี ไม่ใหญ่และไม่เล็กเกินไป พอดีที่บ้านมีที่ดินย่านพุทธมณฑลสาย 1 เป็นที่ว่าง 18 ไร่ เลยขอพ่อทำตลาดสด ผสมผสานความเป็นคอมมูนิตี มอลล์ ปรับภาพลักษณ์ของตลาดสดแบบเดิมให้ทันสมัย ใช้ชื่อโครงการ “ฟู้ด วิลล่า ราชพฤกษ์” 
ธีรชนม์ บวรอัศวกุล เจ้าสัวรุ่นใหม่
         
       เน็กในวันนี้อายุเพียง 27 ปีเท่านั้น คนในวัยเดียวกับเขา อาจจะทำงานนั่งกินเงินเดือน แต่เขากลับจับโปรเจกต์ใหญ่อย่าง “ฟู้ด วิลล่า ราชพฤกษ์” ซึ่งนับเป็นงานใหญ่งานแรกในชีวิตของเน็ก ด้วยเงินลงทุนกว่า 1 พันล้านบาท ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากน้ำพักน้ำแรงที่เขาเก็บมาตั้งแต่เริ่มทำงาน แม้จะยังไม่สำเร็จเป็นรูปร่างดี แต่เขาก็เชื่อว่าจะเป็นตลาดที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งย่านฝั่งธนบุรี
       
       เน็กบอกว่า ทุกวันนี้เขาทุ่มเทเวลาและความรู้ที่มีให้กับโครงการนี้ ตั้งแต่ดูแลงานก่อสร้างให้ออกมาตามที่ใจฝัน รวมถึงการวิ่งหาร้านค้าเข้ามาอยู่ในโครงการ “ผมอยากให้คนที่เข้ามาใน ฟู้ด วิลล่า ไม่ต้องผิดหวัง เข้ามาสามารถหาอาหารได้ทุกอย่างที่ต้องการ คือมีทั้งอาหารสำหรับนำไปปรุงเอง และอาหารสำเร็จรูป รวมถึงอาหารพร้อมรับประทาน
       
       ในยามหลังจากทุ่มเททำงานอย่างหนัก ทั้งธุรกิจส่วนตัวและของครอบครัวแล้ว “เน็ก” เลือกที่จะพักผ่อนด้วยการเดินทางไปดำน้ำลึก เป็นการผ่อนคลายความเหนื่อยล้าของตัวเอง “ทุกครั้งที่ได้ลงไปใต้น้ำ ผมจะรู้สึกปลดปล่อย มันเหมือนได้อยู่อีกโลกหนึ่ง โลกที่มีแต่ความเงียบสงบ ไม่มีใครพูดคุยด้วย ได้เห็น ได้สัมผัสความสวยงามของชีวิตใต้น้ำทำให้คลายเครียด”
       
       หนุ่มเน็กยังพูดถึงเป้าหมายในอนาคตของเขาว่า อยากพัฒนาธุรกิจตลาดสดให้เป็นตลาดที่ทุกคนพูดถึง และอยู่คู่กับคนใต้ตราบนานเท่านาน และเมื่อทุกอย่างเข้าที่แล้ว สิ่งที่ต้องทำให้ได้หลังจากนั้นก็คือ การจัดตั้งมูลนิธิช่วยเหลือผู้ยากไร้และให้การศึกษาเด็กด้อยโอกาส 
       
       “เรื่องการจัดตั้งมูลนิธิ เป็นสิ่งที่ต้องทำให้ได้ ผมเริ่มมีความคิดอยากช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์และตอบแทนสังคม ซึ่งผมเชื่อว่าปัญหาใหญ่และสำคัญที่ต้องเร่งช่วยเหลือคือ เรื่องการศึกษา ตอนนี้ยังมีเด็กไทยมากมาย ต้องการการสนับสนุนในเรื่องนี้ ผมเชื่อว่า หากเขาได้รับการศึกษาที่ดีแล้ว เขาจะสามารถนำความรู้ที่ได้มาพัฒนาสังคมไทยให้ดีต่อไปได้” หนุ่มเน็กกล่าวทิ้งท้าย 

http://www.manager.co.th/CelebOnline/ViewNews.aspx?NewsID=9580000002799

January 03, 2015

เทคนิคสวดมนต์ เปลี่ยนชีวิตรับปีใหม่ (ให้ดีกว่าปีเก่า)

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
18 ธันวาคม 2557 16:07 น.
เทคนิคสวดมนต์ เปลี่ยนชีวิตรับปีใหม่ (ให้ดีกว่าปีเก่า)
         เราทุกคนต้องการความสุขในชีวิต
               แต่ความสุขเกิดจากอะไร?
              ความสุข...เกิดจากการมีสติ มีปัญญา
               สามารถจัดการกับความรู้สึตัวเอง
               และรับมือกับความทุกข์ที่เข้ามาหาเรา
               แต่การใช้ชีวิตหมุนไปตามโลกภายนอก
              ทำให้เราหลงลืมโลกภายในของตัวเอง
              สุดท้าย เราหาความสุขไม่เจอ
               เพราะฉะนั้น ถ้าอยากให้ชีวิตมีความสุข
              ลองหันกลับมาอยู่กับตัวเอง เริ่มต้นง่ายๆ ด้วยการสวดมนต์
              สวดมนต์นี่แหละ ที่จะเป็นการส่งความสุขที่ดีที่สุด
เทคนิคสวดมนต์ เปลี่ยนชีวิตรับปีใหม่ (ให้ดีกว่าปีเก่า)
         “ไหว้พระด้วยใจที่เคารพศรัทธาในพระรัตนตรัยสูงสุด ได้ผลดีแก่จิตใจยิ่งกว่ายกมือไหว้พร้อมอฐิษฐานปรารถนาสิ่งนั้น สิ่งนี้” คือ คำกล่าวของ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก
              “สวดมนต์ข้ามปี เริ่มต้นดีชีวิตดี”
              ธรรมะง่ายๆ ที่เริ่มจากการลงมือทำ เพียงแค่นำหลักธรรมไปปรับใช้เพื่อการดำเนินชีวิตที่ไม่เบียดเบียนผู้อื่น และอยู่บนทางสายกลาง ซึ่งการสวดมนต์นั้น เป็นดั่งพลังที่มีอานุภาพเพราะช่วยกล่อมเกลาสร้างจิตใจให้เป็นกุศลจนก่อให้เกิดเป็นความสุข สร้างพลังอำนาจทางจิตใจให้มีสติ ปัญญา และพินิจพิเคราะห์ถึงสิ่งต่างๆที่จะนำไปสู่การคลี่คลายปัญหาได้ หากยิ่งได้ทราบความหมายของบทสวดมนต์ก็จะสามารถนำไปปรับใช้และเปลี่ยนแปลงตัวเองไปในทางที่ดีขึ้นได้
               กิจกรรมสวดมนต์ข้ามปีแม้จะเสร็จสิ้นไปแล้ว แต่สิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้นจากกิจกรรมนี้ ยังหวังว่าจะมีผลต่อเนื่องอย่างยั่งยืน อย่างน้อยก็ตลอดปี 2558 ที่กำลังจะมาถึงนี้
              เพราะความพิเศษอย่างหนึ่งของการสวดมนต์ข้ามปีครั้งล่าสุดนี้ก็คือ บทสวดมนต์ ที่ ดร.พระมหาสุทิตย์ อาภากโร ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยพุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัยอธิบายว่า บทสวดมนต์สำหรับใช้ในคืนข้ามปีที่ได้บรรจุอยู่ในแอปพลิเคชั่นThaiHealth : Pray for Lifeได้ผ่านการจัดหมวดหมู่ให้เกิดความชัดเจน ซึ่งบทสวดมนต์ที่คัดเลือกมาจะเป็นบทสวดมนต์ที่ให้ความหมายเพื่อสร้างความดีให้กับตนเอง ทำให้เกิดจิตใจที่เป็นกุศล เกิดสมาธิ และการตั้งสัจจะอฐิษฐานเป็นจุดเริ่มต้นที่จะทำให้เกิดพลัง
              การสวดมนต์ เป็นสิ่งที่สามารถทำได้ทั้งปีไม่จำเป็นว่าต้องทำเพียงวันใดวันหนึ่ง โดยเฉพาะบทสวดมนต์ที่สำนักงานพระพุทธศาสนาได้คัดเลือกมานั้นดร.พระมหาสุทิตย์ชี้ว่า เหมาะกับประชาชนจะสามารถสวดมนต์ได้ในชีวิตประจำวันทุกวัน เพราะเป็นการคัดบทสวดแบบย่อ พร้อมกันนั้นยังมีการแปลบทสวดมนต์ให้ประชาชนได้เข้าถึงคำสอนที่แท้จริงอีกด้วย บทสวดมนต์จึงแบ่งเป็นหมวดๆ
              คือหมวดการเปลี่ยนแปลง และพัฒนาตนเอง
              มีบทนมการสิทธิคาถา บทมงคลสูตร บทโมระปริตร หมวดทำประโยชน์ให้สังคมส่วนรวม บทกรณียเมตตสูตร(ย่อ) บทวัฏฏะกะปริตร บทชัยปริตร
              หมวดทำความฝันและเป้าหมายให้เป็นจริง
              บทรตนสูตร(ย่อ) บทสรรเสริญพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ บทชะยะสิทธิคาถา
              หมวดดูแลใส่ใจคนที่คุณรัก บทมงคลสูตร บทกรณียเมตตสูตร(ย่อ) บทโพชฌังคปริตร
              หมวดลด ละ เลิก เพื่อชีวิตที่ดีขึ้น บทมงคลสูตร บทสรรเสริญพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ บทชยะสิทธิคาถา
              หมวดให้อภัยและลดอัตตา บทกรณียเมตตสูตร(ย่อ) บทขันธปริตร บทอภยปริตร บทอุณหิสวิชัย และหมวดตั้งใจศึกษาและปฏิบัติธรรม บทมงคลสูตร บทกรณียเมตตสูตร(ย่อ) บทเทวะตาอุยโยชะนะคาถา บทสรรเสริญพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ 
เทคนิคสวดมนต์ เปลี่ยนชีวิตรับปีใหม่ (ให้ดีกว่าปีเก่า)
               ในการสวดมนต์จะเริ่มจาก
              1.ความเป็นสิริมงคลในชีวิต
              2.หลักธรรมในเรื่องความเมตตา การให้ความรักต่อผู้คน และตนเอง เป็นการสอนให้เห็นถึงการให้ เอื้ออาทรต่อกัน ไม่แยกสี แบ่งเหล่ามองเห็นความแตกต่างและไม่แยกความเป็นมนุษย์
              3.ปัดเป่าเพศภัยอันตรายความโชคร้ายต่างๆ
              4.การใช้ชีวิตประจำวันว่าด้วยการระลึกคุณผู้มีพระคุณ
              5.การชนะ ซึ่งเป็นปรารถนาของมนุษย์ โดยเฉพาะการเอาชนะใจตนเอง ให้หมู่มารพ่ายแพ้เพื่อความเจริญ
              6.สัจจะธรรมของมนุษย์ เพื่อให้เข้าใจในรัก โลภ โกรธ หลง
              7.ความรักที่จะก่อให้เกิดความเมตตาซึ่งกันและกัน
              ดร.พระมหาสุทิตย์ได้ชี้แนวทางว่า บทสวดมนต์ที่จัดรวบรวมในครั้งนี้ สามารถนำไปเลือกสวดให้เหมาะสมกับชีวิตประจำวันได้ทุกวัน หากอยากได้กำลังใจและความมุ่งมั่นในด้านไหน ก็เพียงแต่ทำจิตใจให้สงบและสวดมนต์ในบทนั้นๆ ก็จะช่วยเสริมกำลังใจและความมุ่งมั่นที่จะทำให้เกิดความสำเร็จขึ้น ซึ่งบทสวดมนต์ที่ได้รวบรวมมาเป็นแบบย่อให้ประชาชนได้สวดได้ง่าย และหากสวดมนต์จากแอปพลิเคชั่นThaiHealth : Pray for Lifeจะมีเสียงบทสวดมนต์นำด้วย แต่ที่สำคัญที่สุด คือ คำแปลของบทสวดมนต์นั้นๆ ที่สามารถนำไปปฏิบัติใช้ได้ในชีวิตประจำวัน เหมือนเป็นหลักธรรมประจำใจ
               เพรามงคลชีวิตต้องเริ่มจากการคิดดี พูดดี ทำดี และต้องลงมือทำตลอดปี
              มาร่วมส่งความสุข ด้วยการสวดมนต์ข้ามปี ในคืนวันที่ 31 ธันวาคม ที่พุทธมณฑล และ วัดใกล้บ้าน
                        http://youtu.be/BGDIaoKrKaU
               เครดิตภาพ: อินเตอร์เน็ต