Pages

Long Live The king

Long Live The king

December 30, 2012

ทองคำ....ปีมะเส็งยังขึ้นต่อ ภาพรวมผันผวน-เงินเฟ้อหนุนราคา

 ทิศทางทองคำปีมะเส็ง คนในวงการเชื่อมีความผันผวนสูงแต่อยู่ในช่วงขาขึ้น ย้ำการแก้ปัญหาหน้าผาการคลังสหรัฐฯ เป็นตัวชี้วัดต่อแนวโน้มของราคาช่วงไตรมาส 1 ส่วนระยะยาวเชื่อปัจจัยจากฟากเอเชียจะหนุนราคาทองปรับตัวเพิ่ม โดยเฉพาะเงินเฟ้อที่ทั่วโลกหนีไม่พ้น คาดทั้งปีลุ้นสูงสุดเท่าเป้าหมายเดิม 1,800 เหรียญ/ออนซ์
      
           นายสัญญา หาญพัฒนกิจพาณิช ผู้อำนวยการทีมพัฒนาธุรกิจตลาดอนุพันธ์ บล.โกลเบล็ก จำกัด กล่าวถึงทิศทางราคาทองคำในปี 2556 ว่า นักลงทุนควรพิจารณาในเรื่องปัจจัยที่มีผลกระทบกับราคาทองคำเป็นลำดับแรก นั่นคือ สถานการณ์การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาจะเป็นเช่นไร ปัญหาหน้าผาทางการคลัง (Fiscal Cliff) จะเป็นเช่นไร จะผ่านพ้นไปได้ด้วยดีหรือไม่ ส่วนตัวมองว่า ถ้าเศรษบกิจของสหรัฐฯ ชะงักจากปัญหาดังกล่าว จะส่งผลให้ทองคำกลับมาเป็นสินทรัพย์ลงทุนที่น่าสนใจอีกครั้ง
      
           ส่วนในช่วงปลายปี 2555 ที่ราคาทองคำปรับตัวลดลงนั้น ประเมินว่า เป็นการโยกย้ายสินทรัพย์การลงทุนจากทองคำไปเป็นหุ้นเพื่อทำกำไรระยะสั้นมากกว่า ไม่ใช่เกิดจากความน่ากังวลว่าราคาทองคำมาสู่แนวโน้มปรับตัวลงอย่างถาวร เพราะหากดูปริมาณการเข้าลงทุนทองคำของกองทุนขนาดใหญ่อย่าง SPDR และธนาคารกลางในหลายๆ ประเทศ ยังพบว่า มีความต้องการเข้าสะสมทองคำอย่างต่อเนื่อง
      
           “ปี 2555 ทั้งปีราคาทองคำวิ่งอยู่ที่ 1,520-1,800 เหรียญ/ออนซ์ หรือประมาณ 22,400-26,000 บาท ภาพรวมเรายังเชื่อว่าราคาทองยังมีโอกาสปรับตัวขึ้น แต่ถ้าหากหลุดแนวรับที่ 22,500 บาท เราก็เชื่อว่านั่นจะเป็นขาลงของทองคำอย่างแท้จริง”
      
           สำหรับราคาเป้าหมายของทองคำในปี 2556 นายสัญญา กล่าวว่า ยังคงเป็นสถิติเดิมที่ราคาทองคำเคยปรับตัวขึ้นไปถึง นั่นคือ 1,800 เหรียญ/ออนซ์ ซึ่งปัจจัยที่จะช่วยผลักดันให้ราคาทองคำไปถึงจุดดังกล่าวได้ มากจากปริมาณเงินในระบบ เพราะที่ผ่านมา มาตรการอัดฉีดเม็ดเงินของสหรัฐฯ ในรอบนี้ เน้นเพิ่มสภาพคล่อง และไม่ต้องการให้เงินปัญหาเงินเฟ้อปรับตัวขึ้นแรง จึงใช้วิธีแบบทยอยอัดฉีด อย่างไรก็ตาม การการอัดฉีดเม็ดเข้าย่อมทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัว และย่อมมีผลต่ออัตราเงินเฟ้ออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งจะมีผลทำให้ราคาทองคำปรับเพิ่มขึ้น
      
       หน้าผาการคลังมีผลต่อทองคำQ1
           นายพิชญา พิสุทธิกุล เลขาธิการสมาคมค้าทองคำ เปิดเผยถึงทิศทางราคาทองคำว่า ภาพรวมในปีที่ผ่านมา ราคาทองคำไม่ได้ปรับตัวรุนแรงเหมือนเช่นปีก่อนๆ โดยการปรับตัวขึ้นที่ชัดเจนในรอบปี 2555 นั้น เกิดขึ้นในช่วงที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ มีการใช้มาตรการ QE3 ซึ่งทำให้ราคาในประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ระดับ 26,000 บาท แต่ก็เป็นการปรับขึ้นมาไม่มากเท่าใด เนื่องจากนักลงทุนยังมีความกังวลต่อสถานการณ์วิกฤตหนี้สาธารณะในกลุ่มประเทศยูโรโซน ที่เริ่มจากกรีซ และเริ่มส่อเค้าลุกลามไปถึงประเทศอื่นๆ ได้แก่ สเปน และอิตาลี อีกทั้งที่ผ่านมา ราคาทองคำก็ถูกกดดันจากการเทขายทำกำไรของบรรดากองทุนเฮดจ์ฟันด์ต่างๆ ด้วย
      
           ทั้งนี้ ในปี 2556 ประเมินว่า ราคาทองคำยังไม่อยู่ในทิศทางขาลง เนื่องจากเศรษฐกิจโลกยังมีความผันผวน และมีปัจจัยเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวของประเทศขนาดใหญ่ เช่น สหรัฐฯ กลุ่มประเทศในทวีปยุโรป ปัญหาเศรษฐกิจของญี่ปุ่น และจีน
      
           “ไตรมาส 1 นักลงทุนต้องติดตามปัญหาหน้าผาทางการคลังของสหรัฐฯ ว่าจะออกมาในทิศทางใด ประธานาธิบดีโอบามาจะจัดการกับเรื่องนี้ได้หรือเปล่า เพราะจะมีผลต่อตลาดหุ้น และทองคำ รวมถึงมาตรการขึ้นภาษีคนรวย และการตัดงบประมาณภาครัฐ ทำให้กรอบการเคลื่อนไหวของราคาอยู่ที่ประมาณ 1,600-1,800 เหรียญ/ออนซ์”
      
           สำหรับภาพรวมการซื้อขายทองคำในประเทศ นายพิชญา กล่าวว่า แม้ราคาทองคำไม่อยู่ในระดับที่สูงมากนัก แต่ปริมาณการซื้อขายทองคำก็ไม่ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด เช่น ช่วงปลายปีเป็นช่วงที่หลายคนนิยมจัดงานแต่งงาน แต่ความต้องการในทองรูปพรรณกลับไม่ได้มีเพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับปริมาณการซื้อทองคำแท่ง แม้ราคาจะอยู่ในช่วงทรงตัวก็ยังไม่พบปริมาณการซื้อสะสม หรือเพื่อลงทุนในจำนวนที่มาก
         ขณะเดียวกัน อุตสาหกรรมทองคำในประเทศ ยังต้องเผชิญหน้ากับพวกมิจฉาชีพ นั่นคือ ทองคำปลอม ที่มีกลวิธีโกงในรูปแบบต่างๆ เช่น นำทองคำน้ำหนักมาตรฐานมาผสมปนกับทองคำปลอมในบางส่วนเพื่อตบตาร้านค้าทองคำ ซึ่งเท่าที่จับกุม และดำเนินคดีพบว่า ส่วนใหญ่เกิดขึ้นมาจากช่างทำทองที่ทุจริตต่อวิชาชีพของตนเองนำทองปลอมมาต่อตัวเรือนร่วมกับทองคำมาตรฐานเพื่อใช้ตบตา
       ส่วนการเปิดเสรีทางการค้าอย่างเต็มตัวในอนาคต ประเมินว่า ผู้ประกอบการไทยจะมีคู่แข่งขันเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะจากทางมาเลเซีย และอินโดนีเซียที่ใช้เครื่องจักรในการผลิต ทำให้มีปริมาณทองคำในจำนวนที่มาก และราคาที่ต่ำกว่า แม้ไทยยังได้เปรียบในน้ำหนักมาตรฐาน แต่ภาครัฐควรให้ความสำคัญต่อเรื่องภาษีในการจัดเก็บเพื่อให้ผู้ประกอบการไทยดำเนินธุรกิจของตนเองได้
       ปัจจัยฝั่งเอเชียเป็นผลบวกต่อราคาทอง
      
           ด้านฝ่ายวิจัย บริษัท ออสสิริส ฟิวเจอร์ส จำกัด (AFC Research) ได้จัดทำบทวิเคราะห์ประเมินภาพรวมการลงทุนทองคำ ปี 2556 ว่า 1.เอเชียโดยรวมน่าจะส่งผลบวกต่อราคาทองคำ ซึ่งจากภาพเศรษฐกิจ และการเงินที่ย่ำแย่ของญี่ปุ่น ทำให้มีการคาดหวังในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเชิงผ่อนคลายของเอเชีย ที่มีแนวโน้มที่จะนำมาซึ่งปริมาณเม็ดเงินอัดฉีดเข้าสู่ระบบ อันเป็นผลบวกต่อการคาดหวังราคาทองคำได้อย่างดี  และล่าสุด การประกาศรายงานประชุมของธนาคารกลางแห่งญี่ปุ่นที่ได้คงอัตราดอกเบี้ยต่ำสุดที่ไม่เกิน 0.10% และได้ขยายวงเงินอัดฉีด หรือผ่อนคลายเชิงปริมาณจาก 66 ล้านล้านเยนเป็น 76 ล้านล้านเยน และน่าจะมีแนวโน้มเช่นนี้ต่อไปในปี 2556 ขณะที่ ด้านจีน เศรษฐกิจโดยรวมได้เริ่มกลับมาดีขึ้นอีกครั้ง
      
           นอกจากนี้ ปัจจัยทางการเมือง การเปลี่ยนแปลงผู้นำในประเทศที่สำคัญในเอเชีย เช่น เกาหลีใต้ จีนยุคใหม่ ฝ่ายวิจัยเชื่อว่า น่าจะส่งเสริมและสนับสนุนให้บรรยากาศการลงทุนโดยรวมดีขึ้น โดยเฉพาะผลบวกต่อสกุลเงินในเอเชีย และทองคำในปี 2556
      
           2.ยุโรปยังน่าเป็นห่วง และกดดันราคาทองคำ โดยประเทศในกลุ่มยุโรปโดยรวม  มีแนวโน้มที่จะสร้างความกดดันต่อราคาทองคำอย่างต่อเนื่อง จากปัจจัยเรื่องของแนวทางการจัดการหนี้สินภาคยุโรปในระดับมหภาค เพราะจากภาพของการประชุม Eurogroup หรือ Ecofin ที่ผ่านมาในรอบปี 2555 โดยรวมได้สะท้อนภาพของการพยายามหาทางออกที่ดีที่สุด ซึ่งได้ปรากฏออกมาในแผนงานในการช่วยเหลือกรีซ สเปน และอีกหลายประเทศ ประกอบกับแรงกดดันจากการต่อต้านนโยบายการเงินแบบรัดกุมของประเทศกลุ่มยูโร ได้สร้างความผันผวนเชิงลบต่อบรรยากาศการลงทุนโดยรวม และราคาทองคำ    ทำให้ฝ่ายวิจัย คาดว่า  ปัญหาหนี้สาธารณะ สถานการณ์การเมืองในกลุ่มยุโรปโดยรวมยังคงมีอยู่ และดูเหมือนจะค่อยๆ คลายปัญหาออกมาเรื่อยๆ จนถึงปลายปี 2555 และปี 2556
      
           3.ผู้นำสหรัฐฯ สมัยที่ 2 กับบทบาทที่ท้าท้าย จากการที่ นายโอบามา ชนะการเลือกตั้งเป็นสมัยที่ 2 ในการเลือกตั้งผู้นำสหรัฐฯ ที่ผ่านมา ได้ส่งผลบวกเชิงจิตวิทยาต่อหลายๆ โครงการ และมาตรการที่ดำเนินการอยู่ แต่ยังไม่แล้วเสร็จ ก็น่าจะเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ดี จากผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางแห่งสหรัฐฯ ล่าสุด ที่ตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำสุดไม่เกินร้อยละ 0.25 และการสร้างความคาดหวังในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยการเข้าซื้อพันธบัตรในวงเงินถึง 45,000 ล้านเหรียญต่อเดือนจนกว่าระดับของอัตราการว่างงานนอกภาคการเกษตรจะลดลงเหลือที่ระดับไม่เกินร้อยละ 6.5 และอัตราเงินเฟ้อไม่เกินร้อยละ 2.5 ได้สร้างความผันผวนเชิงบวกต่อบรรยากาศการลงทุน แต่อาจเป็นปัจจัยเชิงลบต่อราคาทองคำได้จากการที่ค่าเงินดอลลาร์มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นตามความมั่นใจในเศรษฐกิจของสหรัฐฯ
      
           นอกจากนี้ ได้เกิดความขัดแย้งขึ้นระหว่างประธานาธิบดีแห่งสหรัฐฯ และนาย Boehner โดยเนื้อหาหลักๆ ได้มุ่งเน้นไปที่การเพิ่มภาษีผู้มีรายได้ $1 ล้านต่อปี แทนที่ข้อเสนอของนายโอบามาที่ $4 แสนต่อปี เพื่อเป็นการกดดันนายโอบามาให้มีการลดค่าใช้จ่ายมากขึ้น นับเป็นปัจจัยกดดันต่อราคาทองคำอย่างมีนัยสำคัญ
      
           ฝ่ายวิจัยมองว่า ต้องจับตาดูถึงสัญญาณแห่งการฟื้นตัว โดยสังเกตจากตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญหลายตัว เพราะมองว่า จากความต่อเนื่องของการพยายามหามาตรการต่างๆ มาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น การอัดฉีดเม็ดเงินเพิ่มขึ้นมีแนวโน้มจะทำให้สหรัฐฯ เริ่มกลับมาฟื้นตัว และอาจส่งผลลบต่อราคาทองคำได้

December 29, 2012

สร้างความดีต้องมีอุปสรรค์..ธรรมเทศนาโดยพระเดชพระคุณพระธรรมสิงหบุราจารย์(หลวงพ่อจรัญ)

 หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม วัดอัมพวัน เมื่อ 26 ธันวาคม 2012 เวลา 23:29 น. 





ความดีเป็นศัตรูของชีวิต เป็นศัตรูสำหรับคนชั่วทำให้สร้างความดีไม่ได้เลย ความดีเป็นอุปสรรคขวางไม่ให้สร้าง มารไม่มี บารมีไม่เกิด ประเสริฐไม่ได้ ต้องมีมารผจญตลอด ถ้าชนะมารได้คือบทสวดถวายพรพระ (พาหุงมหากา) ในเมื่อชนะมารแล้ว ความดีจะถึงจิตใจ สร้างความดีต้องลงทุนความลำบากได้ ถ้าลงทุนความลำบากไม่ได้ ความดีที่ไหนจะสิงสถิตอยู่ในจิตใจผู้ใดได้บ้าง

วันเวลาหมดไปอย่างน่าเสียดาย เราสร้างความดีมากเท่าใด เวลาหมดไปความดีก็เพิ่มขึ้น แต่บางคนสร้างแต่ความไม่ดีก็อยากให้เวลาหมดไปไวมันต่างกันที่ความทุกข์ ความสุขของบุคคลแต่ละท่านไม่เหมือนกัน เหมือนพระนวกะมาบวชแต่ละพรรษาบางท่านก็นับวันนับคืนนับเวลาอยากให้ออกพรรษาไว ๆ จะได้สึกก็มี แต่บางท่านพอออกพรรษาแล้วเสียใจว่าเวลาไม่น่าหมดไว เรากำลังสร้างความดีให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เวลาก็หมดไปอย่างน่าเสียดาย คิดไม่ตรงกันเนื่องจากว่าสุขกับทุกข์ หรือคนสร้างความดีมันมีอุปสรรคมากเหลือเกิน คนสร้างความชั่วนั้นไม่มีอุปสรรค ไม่มีใครขัดขวาง ไม่มีมาร

ขอเจริญพรท่านอุบาสก อุบาสิกาทั้งหลาย เพราะคนเรามีเทวดาพาลกับเทวดาบัณฑิตปกครองอยู่ในตัว ถ้านิสัยไม่ดีเป็นอันธพาล เทวดาพาลก็จะเข้าสิง ยุให้รำตำให้รั่วตลอดรายการ ฝ่ายบัณฑิตผู้มีจิตเป็นกุศล เทวดาบัณฑิตก็จะได้รักษาอยู่ในตัวบุคคลนั้นตลอดไป ถ้าจิตคิดแหนงแคลงใจไม่ดีแล้วนั้น บัณฑิตก็ออกไป พาลก็เข้ามาแทรกต่อไปเหมือนเทวดาพาลกับเทวดาบัณฑิตอยู่ในตัวคนนั่นเอง

บางคนมาเจริญพระกรรมฐาน 3 วัน 7 วัน บางคนเป็นปีแล้ว ก็ยังไม่ได้อะไรเป็นชิ้นเป็นอันแต่ประการใด เนื่องจากว่าการปฏิบัตินั้นไม่ได้ตั้งใจเลย สร้างความดีโดยไม่ตั้งใจ ตามเขามาแล้วให้ได้ของดี ยากมาก แต่ของชั่วนั้นง่ายมากคำว่า “ของดี” นั้นมันเป็นศัตรูชีวิต เพราะความดีมันยาก เป็นศัตรูกับคนที่สร้าง มันจะไม่อยากสร้าง หนักก็ไม่เอาเบาก็ไม่สู้ ความรู้ก็ไม่มี ความดีก็ไม่ได้ ไม่เกิดประโยชน์โสตถิผลแต่ประการใด

ท่านที่เข้าถึงรัตนตรัยในพระพุทธศาสนาแล้ว จะชื่นใจจะสร้างความดีตลอดไป จะไม่มีการหละหลวมเหลาะแหละเหลวไหล ไม่มีการถอย มีแต่เดินหน้าตลอด เพราะเข้าซึ้งในรสพระธรรม เข้าถึงพระรัตนตรัย แก้วอันประเสริฐทุกประการแล้ว เขาจะดื่มด่ำในความดี เขาจะไม่ถอยทัพจึงเรียกว่า ความดีเป็นศัตรูของชีวิต

คนที่มาสร้างความดีไม่ใช่ของง่าย เอาปัจจัยใส่ของทำง่ายมาก แต่การสร้างบุญไว้ในจิตใจ ให้เกิดความสุขในครอบครัว ให้ลูกหลานเรียนหนังสือสำเร็จเป็นดอกเตอร์ โดยไม่ใช้เงินทำอย่างนี้ได้ไหม ทำบุญง่ายกว่าสร้างบุญ สร้างบุญไม่ต้องเสียสตางค์แต่มันยากนี่แหละเป็นศัตรูชีวิตของคน ความดีเป็นศัตรูชีวิต วันพระลองไปดูตามวัด เงียบหมดไม่มีคนมารักษาศีลมากรักษาอุโบสถ

คนที่สร้างเวรสร้างกรรมไว้ กรรมจะสนองทันที ท่านอย่าคิดว่าบุญบาปไม่มีจริงในชาตินี้ เห็นทันตาเลย อาตมาไม่เคยลืมบุญคุณคน เพียงแค่น้ำถ้วยเดียวอาตมาก็ไม่เคยลืม เราจึงเจริญรุ่งเรืองของเรามา อาตมานิสัยไม่ดีเวลาไปไหน ชอบเอาขนมไปแจกเพราะตำราเรา ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งหวงอดหมดไม่มา เราไม่หวงไม่อดหมดมาเรื่อย ๆ รวยตรงนี้ ชื่นใจตรงนี้ ในเมื่อชื่นใจแล้วจิตก็เป็นกุศลทำอะไรก็ได้มรรคได้ผลได้อานิสงส์สมความมุ่งมาดปรารถนา อานิสงส์ แปลว่า หลั่งมาไหลมาเทมา เงินไหลนองทองไหลมาไม่จนตรงนี้ไม่มีใครคิด ต้องหันมุมกลับถึงจะเห็นได้

การปฏิบัติธรรมนี้จะว่ายากก็ยาก จะว่าง่ายก็ง่าย ถ้าท่านมีศรัทธาเต็มที่แล้วง่ายมาก ถ้าไม่มีศรัทธามาตามเขาทำจิ้ม ๆ จ้ำ ๆ นี้ยาก ไม่ได้อะไรเลยและไม่รู้อะไรเลย เดี๋ยวไปวัดโน้นทัวร์บุญวัดนี้ เมื่อวานมารับประทานข้าว 2,000 คน รถบัส 30 กว่าคัน ไปทำบุญกันวัดไหนก็มารับประทานข้าวที่วัดอัมพวัน กับข้าวมีเอยะแยะไปหมด คนจำนวน 2,000 คน รับประทานข้าวกันทุกคนแล้วแต่ข้าวยังเหลือกินเหลือใช้ อาตมาจึงบอกโยมว่ากับข้าวยังมี ตักใส่ถุงไปฝากแฟนที่บ้าน ฝากลูกเล็ก ๆ มีต้มจืด ตักไปแล้วก็ยังไม่หมด แกงหม้อเบ้อเริ่มตักไปแล้วก็พูนขึ้นมา แปลกดีเหมือนกัน ใครอยากรวย เอาคาถาทาสเศรษฐีของเทวดาไปใช้ท่อง 108 จบ ถาคามีอยู่ว่า “อิติมะมะ มีมะมูน พูลมามี มามะมะ นะมะพะทะ”

นี่แหละท่านสาธุชนทั้งหลายที่อาตมาชี้แจงแสดงทุกวันพระ ซ้ำ ๆ กันบ้าง บางคนไม่เข้าใจ เวลาอาตมาพูดตั้งใจฟังสักนิดจะได้ข้อคิด ถ้าไม่ตั้งใจฟังก็จะไม่ได้ข้อคิด พูดนี่ไม่ได้ให้โยมเชื่อแต่พูดให้โยมไปคิด พระพุทธเจ้าสอนให้เราคิด สอนให้เรามีสติปัญญา ไม่ใช่ให้คนอื่นมาช่วยเรา ถ้าเราเป็นหัวหน้าครอบครัวพ่อบ้านและแม่เรือนเคหศาสตร์ เราไม่ทำใครจะทำให้ อัตตาหิ อัตตาโน นาโถ ตนเป็นที่พึ่งของตน นี่เป็นธรรมข้อแรกที่พระพุทธเจ้าสอนตัวเราเป็นที่พึ่งของตัวเองไม่ใช่ไปพึ่งคนอื่นได้ แต่เราจะไปช่วยใครหรือต้องให้เขาช่วยตัวเองได้ถ้าเขาช่วยตัวเองไม่ได้ อย่าไปช่วย เราต้องม้วยมรณา พูดมาหลายครั้งแล้วบางคนไม่ฟัง บางคนเข้ามานั่งเจริญพระกรรมฐานตั้งหลายครั้งแล้วโดนโกงไปนับสิบล้านบาท แล้วกลับบ้านไปเอาเงินไปให้เขาอีก ถูกโกงอีก ก็บอกแล้วว่าเขาช่วยตัวเองไม่ได้ แล้วเองเงินไปให้เขาทำไมมันหมดไปแล้ว จะไปให้เขาทำไมอีก นั่งเจริญพระกรรมฐานเกิดเมตตาอยากให้ มันเมตตาคนละเมตตา ไม่ใช่พระกรรมฐานวัดอัมพวันที่สอน

ถ้าเรามีเงินเท่าไร เอาไปให้เขาหมด แล้วเขาก็ช่วยตัวเองไม่ได้ แถมพอเราหมดเงิน เขาก็หมดเงินแล้วเราจะไปพึ่งใคร นี่แหละ อัตตาหิ อัตตาโน นาโถ ตนเป็นที่พึ่งของตน อันนี้ไม่มีใครสนใจจะพึ่งตนเอง มีแต่หมายใจจะไปพึ่งคนอื่นเขาจะพึ่งพ่อแม่ก็แลเหลียวเปลี่ยวใจ ชีวิตจะอ้างว้าง

การที่เราไปงานศพ นุ่งดำไปก็หมายว่าพ่อแม่ตาย เปรียบเหมือนไฟฟ้าดับ ขาดที่พึ่งแล้ว มันมืดต้องนุ่งดำทุกคนไม่ทราบหรอกว่าไปงานศพ นุ่งดำว่าเป็นประเพณีไว้ทุกข์ ทุกข์อะไร คนตายเขามีความสุขหมดลมไปแล้วแต่เราสิมีทุกข์ ยังหายใจอยู่ หายใจเข้าก็ทุกข์ หายใจออกก็ทุกข์ หาความสุขไม่ได้เลย พูดอย่างนี้ ถ้าคิดได้จะรู้และเข้าใจ

ตัวเรานี่มีความสำคัญ พระพุทธเจ้าสอนให้เราสำนึกสมัญญาว่าตัวเรามีความสำคัญ จะเป็นนักการภารโรงก็ตาม คิดว่าตัวสำคัญไหม ช่วยตัวเองได้ไหม สอนตัวเองได้ไหม สำคัญว่ารับผิดชอบไหม ถ้าพ่อบ้านแม่บ้านไม่รับผิดชอบ บ้านั้นเจ๊งก่อนเป็นอันดับแรก เขาไปไหนก็ไปกับเขาด้วยไปทัวร์บุญวัดโน้นออกวัดนี้ อาตมาถามโยมไปวัดได้อะไรบ้าง พระท่านให้ธรรมะอะไรบ้าง โยมบอกมีแต่เสียสตางค์ พระท่านพูดบอกบุญไปสวรรค์ ทำบุญเยอะนะโยมจะได้ไปสวรรค์ก็ว่าอย่างนั้น

แต่บุญอะไรหรือไปสวรรค์ ขอประทานโทษแค่สมบัติมนุษย์ยังรักษาไม่ได้ มนุษย์สมบัติรักษาไว้ไม่ได้ คือ ใจสูง ใจดี ใจมีปัญญา ใจประเสริฐ ล้ำเลิศ ทุกประการ มีหิริโอตตัปปะ แค่มนุษย์สมบัติเรายังไม่สามารถรักษาไว้แล้ว เกิดมาแสนยาก แล้วยังรักษาสมบัติมนุษย์ไม่ได้ นี่หรือทำบุญจะไปสวรรค์ ไม่ใช่เอาเงินใส่ซองมาถวายแล้วไปสวรรค์เลย จิตใจมีแต่ความทุกข์ หาความสุขไม่ได้เลยจะไปได้ไหม เอาแค่พื้นฐานของชีวิตของเรานี้ ยังทำไม่ได้
คนที่ไร้ค่าชีวิตไร้ค่าไม่ใช่มนุษย์ เวลาไม่มีประโยชน์มันหมดไปแล้ว เรียกคืนไม่ได้ไหนล่ะจะเป็นมนุษย์เราจะไปสวรรค์ นิพพาน ง่ายมาก ตัดกิเลส ตัณหา อาสวะกิเลสที่มีอยู่ในตัวเรา ตัดได้ไหม ตัดไม่ได้จะไปได้หรือ คำว่าง่าย คือ เราตัดได้ โลภ โกรธ หลง และใจเศร้าหมอง ตัดให้ได้เท่านี้แล้วก็ไปได้

การรับผิดชอบเป็นมนุษย์ เดี๋ยวนี้เรามีความรับผิดชอบกันบ้างไหม อาตมาขอเจริญพร ประเทศชาติจะไปไม่รอด ยาบ้าเข้ามาเต็มหมด ขอให้ดูลูกให้ได้ รับผิดชอบเป็นพ่อ เป็นแม่ไหม บางคนร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาเป็นสามีภรรยา พอสามีโดนไฟลวกไฟช็อตขึ้นมา ภรรยาหนีไปมีสามีใหม่ ทิ้งลูกให้สามีเดิมเลี้ยงดูกันไป

คนเราต้องมีหน้าที่และการงาน ท่านโปรดจำไว้หอยมันยังเอาปากเดินได้ คนเรามีขาไม่เดินก็อายหอย คนเราแตกต่างกัน พี่น้องท้องเดียวกันก็ไม่เหมือนกัน ไม่ใช่ขยันแล้วจะดีนะ ขยันทำความชั่วจะดีไหม บางบ้านนั้นขยันมาก ขยันสร้างความเลว ความชั่ว ฆ่าสัตว์ตัดชีวิตคลอด ขยันไปโกงเขา ขยันมาก ไปหลอกลวงเขา ขยันไปขโมย แต่การสร้างความดีให้กับชีวิตของตัวเองแสนจะยากมาก ไม่มีโอกาสจะสร้างความดีได้ ไม่มีธรรมมะประจำใจแต่ประการใด การปฏิบัติธรรมจีงยากมาก ไม่ใช่ของง่าย

ที่อาตมากล่าวว่า ความดีเป็นศัตรูของชีวิต มันเป็นศัตรูสำหรับคนชั่วมันสร้างความดีไม่ได้เลย ความดีเป็นอุปสรรคขวางไม่ให้สร้างมารไม่มี บารมีไม่เกิด ประเสริฐไม่ได้ มันอยู่ตรงนี้ ต้องมีมารผจญตลอดรายการ ถ้าชนะมารได้คือบทสวดพาหุงมหากา ในเมื่อชนะมารแล้ว ความดีจะถึงจิตใจมารไม่มีบารมีไม่เกิด ประเสริฐได้หรือ ความดีต้องลงทุนความลำบากได้ ถ้าลงทุนความลำบากไม่ได้ ความดีที่ไหนจะสิงสถิตอยู่ในจิตใจผู้ใดได้บ้าง

สร้างความชั่วนี้ดูได้ง่าย ชอบลงทุนความสบาย กินสบาย นอนสบายไม่เอางานเอาการ แถมมันยังชั่วโดยไม่รู้ตัว คนชั่วมันขี้เกียจทำดี และคนชั่วสร้างความดีไม่ได้แน่นอน ไม่ต้องมานั่งเจริญพระกรรมฐาน 3 วัน หนีเลย บอกทนไม่ไหว นี่แหละคนชั่วชอบลงทุนความสบายอย่างนี้ ชอบกินสบาย นอนสบาย การงานไม่เอากำลังชั่วโดยไม่รู้ตัวดูตรงนี้ ไม่ใช่ดูคนชั่วไปดูตรงที่การแต่งตัว เราจะดูว่าคนเขาเป็นคนชั่วหรือคนดี ต้องดูที่งานการของเขาว่าเขามีความรับผิดชอบไหม คนชั่วจะไม่รับผิดชอบเลย เราจะไหว้วานไปทำไปก็ทำเสียหมด ถ้าเป็นบริษัทคนงานเยอะแยะ ต้องใช้เวลาดูนาน เดี๋ยวก็รู้โผล่ออกมา คนขยันนั้นไม่เม้มสตางค์หรอก ต้องระวังคนขี้เกียจ มันจะคอยเม้มคอยดูว่าจะเอาอะไร อยู่ตรงนี้ ต้องเจริญพระกรรมฐานแล้วจะรู้ได้อย่างนี้คนเรานี้ชอบขี้เกียจทั้งนั้น จะขี้เกียจมากหรือขี้เกียจน้อยเท่านั้น มีหรือคนขยันทำงานมากมาย มีน้อยมาก

ธรรมะแปลว่า ค่าชีวิตที่มีสุข มีคุณภาพ คนที่มีคุณภาพจะมีธรรมะประจำใจ ถ้าคนไร้คุณภาพขาดเหตุผลในชีวิตแล้ว ธรรมะจะไม่สิงสถิตอยู่ในคน ๆ นั้นแน่นอน จะมีแต่สิ่งที่ไร้สาระ คิดอะไรก็ไม่เป็นบัณฑิต คิดแต่เป็นอันธพาล ไม่ใช่หมายความว่าเราไปคบอันธพาลนอกตัว หรือบัณฑิตนอกตัวพาลอยู่ในจิตของเรานี่เอง เราคบพาลมาไว้ในจิต คบบัณฑิตไว้ในจิต เราทำงานเราจะรู้ได้ว่าเป็นอันธพาลไหม ไม่ใช่ไปดูว่าใครเป็นอันธพาล จะไม่คบค้าสมาคมไม่ใช่เลย แปลความหมายผิด

คบพาลได้ผิด คบบัณฑิตได้ผล ไม่ใช่หมายความว่า เราเดินตามบัณฑิตตัวเราเป็นคนพาล เราจะเป็นบัณฑิตได้ไหม ทองคำจะเป็นตะกั่วไม่ได้ ตะกั่วทองแดงเราเสกแทบตายมันเป็นทองคำก็ไม่ได้ ตัวอย่างเช่น พระมาบวชไม่ใช่ว่าดีทุกองค์ บางองค์ก็เก๊มาจากบ้าน ถ้าเป็นแบงก์ก็เก๊ก็ต้องทิ้งไป สร้างความดีต้องละความชั่วได้ ละความชั่วไม่ได้ ดีไม่ได้เลย

คบพาลได้ผิด คบบัณฑิตได้ผล คบคนชั่วทำตัวอับจน คบคนดีได้ผลจนวันตาย เมาเพศหมดค่า เมาสุราหมดความสำคัญ เมาการพนันหมดตัว เมาเพื่อนชั่วหมดดี ไม่ใช่หมายความว่า เราเป็นคนชั่ว แล้วเดินตามบัณฑิตไป จะเป็นบัณฑิตตามเขาไป ให้เอาบัณฑิตมาไว้ในจิต พาลเอาออกไปเสีย บางคนเป็นคนพาลสันดานบาป มองคนในแง่ร้าย ถ้าคนอารมณ์ดีมีปัญญาเจริญพระกรรมฐานได้ขั้นตอนของมนุษย์ ศักยภาพของมนุษย์ มีคุณภาพแล้วจะมองคนในแง่ดีหมด จะไม่มองคนในแง่เสียเลยจะไม่มีปัญหากับใคร ไม่มีโอกาสจะไปสร้างปัญหาให้กับครอบครัวแต่ประการใด ครอบครัวมีแต่ความสุขความเจริญตลอดรายการ

คนที่สร้างปัญหาตัวอย่างเช่นบางคนมานั่งเจริญพระกรรมฐาน กลับไปบ้านไปแย่งสมบัติกัน ฟ้องโรงศาล นั่งเจริญพระกรรมฐานอย่างนี้ไม่ได้ เอาความทุกข์ไปให้เขา แล้วกลับไปแย่งเอาความสุขมาให้ตัวเอง ใช้ได้หรือ คนที่ได้ธรรมะประจำใจ จะยอมเสียเปรียบตลอดไป จะไม่เอารัดเอาเปรียบท่านผู้ใด จะไม่เอารัดเอาเปรียบพี่น้องแน่นอน

การปฏิบัติธรรมเป็นการมาสร้างบุญกัน แต่บางคนกลับเอาบาปไว้เต็มเปาเต็มกระเป๋า แล้วบุญจะสิงสถิตเข้าไปได้ไหม มันจะมีประตูเข้าไหม มานั่งปฏิบัติพระกรรมฐาน ดีแต่พูดกันแต่ไม่ทำตามที่พูดเลย ไม่ทำตามสัญญาและไม่มีศรัทธาผู้ที่จะปฏิบัติธรรมพระกรรมฐานจะต้องมีศรัทธา ปลูกศรัทธาก่อน ปลูกความเชื่อ ความเลื่อมใสในคุณพระศรีรัตนตรัยให้แน่นแฟ้นก่อน แล้วจะไม่เปลี่ยนแนวความคิดไปในทางเลวอีกต่อไป ตั้งใจแต่สร้างความดีมีปัญญาตลอดชีวิต แต่คนเราเข้าถึงรัตนตรัยไม่ได้ง่าย ๆ หญ้าปากคอก แต่ทำไม่ได้ ฉะนั้นความดีแสนจะยาก ไม่ใช่ของง่าย

พระกรรมฐาน แปลว่า แยกแยะ รูป นาม ขันธ์ห้า เป็นอารมณ์ เรามีสติปัญญาจะแยกมาได้เหมือนเครื่องเกี่ยวข้าว จะแยกผาง แยกเมล็ดข้าวออกจากกัน การแยกก็คือมีสติปัญญา การกำหนดจิตต้องการจะแยกแยะความดีความชั่วในตัวเราออกไปคนละทาง แยกเอาความชั่วออกจากตัว เห็นหนอ เห็นด้วยปัญญา สืบเสาะเจาะให้ลึกจะเป็นของดี มองกันในแง่ดี คนเราเดี๋ยวนี้พอไม่ชอบกันไม่มองเลย หาว่าเป็นคนชั่ว แต่ของดีเขามีตั้งเยอะกลับไม่มอง คนอย่างนี้เรียกว่า คนประมาท ไม่ต้องไปคบค้าสมาคมกับใครต่อไปแล้ว

ถ้าคนที่มีธรรมะชั้นสูงแล้วในใจจะมีแต่เมตตา มีแต่ให้กับช่วย ถึงชั่วอย่างไรเราก็มองคนในแง่ดีกันก่อนได้ไหม เขามีดีอยู่ทำไมไม่มอง คนเรามีทั้งดีและไม่ดี อาตมาก็มีทั้งดีและไม่ดี นี่เรารับกรรมมาหมดแล้ว คอหัก แขนหัก ขาหัก ฟ้าก็ผ่าแล้ว อย่าทำกรรมได้ไหม น้ำร้อนลวกไฟลวกแล้ว พร้อมมูลบริบูรณ์ที่รับกรรมตกเหวที่แม่สอดกว่าจะตะเกียก ตะกายขึ้นจากเหวได้ใช้เวลาคืนกับวัน ข้าวไม่ได้ฉันเลย 2 วัน เพราะเราถีบคนแก่ลงแม่น้ำไป แล้วเราจะไม่ตกเหวหรือ

ท่านทั้งหลายอย่าคิดว่าบุญบาปไม่มีเลยนะ คิดว่าจะต้องเอาในชาติหน้าได้ชาตินี้เลยแหละ บุญคือความสุข พ่อบ้านแม่บ้านไม่รับผิดชอบ เช่น พ่อแม่ทะเลาะกัน เราเป็นลูกจะมีกำลังใจเรียนหนังสือไหม แล้วเราเป็นพ่อเป็นแม่ ลูกเราทะเลาะกัน รบกันต่อยกันทุกวันไม่สามัคคีกัน เราเป็นพ่อแม่จะเสียใจหรือดีใจคิดดู ถ้าพ่อแม่มีบุญวาสนาแล้ว คิดเงินไหลนองคิดทองไหลมาลูกในบ้านจะดีทุกคน ตรงนี้เป็นบุญมาก แต่ไม่เคยต้องการบุญตรงนี้ ต้องการไปทำบุญวัดโน้นวัดนี้ ออกทัวร์บุญมันจะได้อะไรหรือ ไม่ได้อะไรเลย ถามโยมที่ไปถวายสังฆทาน 9 วัน ว่าได้อะไรบ้าง เขาบอกพระบอกว่าโยมอุตส่าห์มาทำบุญนะ จะได้ไปสวรรค์ นิพพาน ก็เทศน์อย่างนี้มาตลอด บุญคืออะไร บุญแปลว่าอะไร บางคนไม่รู้ คนไทยแท้ ๆ ไม่รู้

บุญ แปลว่า ความสุข ถ้าเราสร้างความสุขไว้ในใจ ความสุขคืออะไร ความสุขไม่เจือปนด้วยความทุกข์ มีแต่เมตตา มีสุขไม่มีทุกข์ เมตตาตัวนี้สำคัญมาก ถ้าเรามีเมตตาอยู่ในตัวเราเองแล้ว มองคนในแง่ดีหมด ถ้าเราไร้เมตตาขาดความปรารถนาดีต่อกันแล้ว มองคนเสียมหด แถมอารมณ์ไม่ดี มีแต่ทุกข์เข้ามา สร้างแต่ทุกข์ไว้ในใจ อารมณ์ไม่ดีแล้ว จะมองคนในแง่เสียหมดเหมือนตัวเอง คือ มีแต่ทุกข์ มองคนเป็นคนทุกข์ หาความสุขไม่ได้ มีแต่ทุกข์เข้ามา สร้างแต่ทุกข์ไว้ในใจ อารมณ์ไม่ดีแล้วจะมองคนในแง่เสียหมดเหมือนตัวเอง คือ มีแต่ทุกข์ มองคนเป็นคนทุกข์ หาความสุขไม่ได้เลยอย่างนี้เป็นต้น

เพราะฉะนั้นคนสร้างความดีแสนจะลำบางเหลือเกิน ต้องมีมาร โยมจำไว้คนชั่วไม่มีมารผจญ โยมขายของในตลาดขายไม่ได้เลย ไม่มีคนอิจฉาหรอก ถ้าขายดิบขายดีขึ้นมาเมื่อไหร่ จะมีคนอิจฉาขึ้นมาเมื่อนั้น ถ้าดีเด่นเห็นชัดเห็นไกลจะโดนอิจฉา ต้องเตรียมขันติ ความอดทนไว้ให้มาก นี่ความดีมันต้องมีมารผจญอย่างนี้

ความชั่วไม่มีมาร ใครจะไปทำความชั่วช้าสามานย์ที่ไหนก็ตามไม่มีมารหรอก ถ้าเราไม่ดีไม่เด่นกว่าเขาจะต้องอิจฉาเราน่าจะภาคภูมิใจว่าเราดีเขาถึงอิจฉาเรา ถ้าเรายังมีอารมณ์พระกรรมฐาน วันไหนเขาด่าเรา เขาแช่งเรา เขาพูดใส่ร้ายป้ายสีเรา เราถือว่าเราได้กำไรชีวิต ขอให้ตรวจตราชีวิตเราว่าเราเป็นอย่างนั้นจริงไหม ไม่เป็นอย่างนั้นก็ไม่เห็นเป็นไร วันไหนเขามาป้อยอกับเราหลอกลวงเรา พูดหวาน ๆ ปากหวานก้นเปรียว เลี้ยวลด คดเคี้ยว แล้วไปป้อยอกับเขา นั่นแหละความประมาทจะหมดเนื้อหมดตัวโดยไม่รู้ตัว

คนเราชอบอ่านชอบฟังข่าวร้าย ข่าวดี ๆ คนไม่สนใจ หนังสือพิมพ์ข่าวร้ายลงฟรี ข่าวดีเสียเงิน ข่าวดี ๆ ว่าคนเขามานั่งเจริญพระกรรมฐาน วัดอัมพวันได้มรรคผลกลับไปสนใจอ่าน ไม่อ่านเสียเวลา เสียสายตา คนต้องการติดตามอ่านเรื่องมีพระชั่ววัดไหนบ้าง มีขโมยปล้นร้านทองที่ไหน ติดตามอ่านกันเหลือเกินเวลาเกิดรถคว่ำ อุบัติเหตุ ชอบช่วยเก็บของมีค่าของผู้ประสบอุบัติเหตุ ชอบช่วยแบบนี้ ที่จะช่วยด้วยเมตตา ปรานี เอื้อเฟื้อ ขาดเหลือคอยดูกัน มีน้อยมาก ที่จะให้กันด้วยการช่วยกัน เป็นที่พึ่งทางจิตใจของแต่ละคนยากมาก

ท่านทั้งหลายเอ๋ย คนที่จะโกงเราได้ต้องเป็นเพื่อนสนิทถึงจะโกงเราได้ และก็เป็นญาติสนิทมิตรสหาย พี่น้องกันโกงกันสนิท ถ้าไม่ใช่ญาติไม่ใช่เพื่อนห่าง ๆ กันนั้นไม่มาโกงเราหรอก

การเจริญพระกรรมฐานจึงเป็นการปฏิบัติยาก ตัดสินใจโดยมีสติสัมปชัญญะ พระพุทธเจ้าสอน 84,000 พระธรรมขันธ์ แต่เราจะเรียนทั้งหมดก็คงจะไม่ได้ แต่ท่านสรุปให้เราปฏิบัติคือไตรสิกขา 3 ศีล สมาธิ ปัญญา เท่านั้น ศีลก็คือมีสติสัมปชัญญะที่นักกรรมฐานปฏิบัติ เหลือ 2 สติ สัมปชัญญะเหลือ 1 คือ ความไม่ประมาท เรียกว่า สติปัฎฐาน 4

การเจริญสติปัฏฐาน 4 ทำให้เรามีสติทุกอิริยาบถ แต่นักกรรมฐานทำไม่ได้ ไม่เคยกำหนดจิตเลย ปล่อยจิตให้เลเพลาดพาด ถึงบอกให้สืบเสาะเจาะให้ลึกได้ไหม การกำหนดจิต จิตไม่มีตัวตนจะกำหนดตรงไหน จิตเป็นธรรมชาติ ต้องคิดอ่านอารมณ์รับรู้อารมณ์ได้เหมือนเทปบันทึกเสียง เกิดที่อายตนะธาตุอินทรีย์ทั้งหก ตาโง่ หูโง่

ท่านทั้งหลายเคยดูเรื่องสังข์ทองไหม หกเขยโง่จึงถูกตัดจมูก ตัดหู หูก็โง่ เงาะป่าปากไม่คิดจิตเป็นสมาธิภาวนาข้างในจึงมีปัญญาเรียกว่า สังข์ทอง ถ้าปากไม่พูด จิตไม่คิดหลายเรื่องในเวลาเดียวกัน ท่านจะเจริญพระกรรมฐานได้ผลภายใน 7 วัน


ขอบพระคุณ Facebook หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม วัดอัมพวัน (FB โดยลูกศิษย์)


December 28, 2012

soulmate


"I seem to have loved you in numberless forms; numberless times in life after life, in age after age forever. (ฉันรู้สึกว่า เคยรักเธอมาแล้วในรูปกายหลายหลาก ในระหว่างช่วงเวลาที่ไม่มีวันสิ้นสุด ในทุกภพทุกชาติของชีวิต ในทุกช่วงอายุของการเกิด ตลอดไปชั่วกาลนาน)"

Rabindranath Tagore (รพินทรนาท ฐากูร)


1. บทนำ

ก่อนที่จะกล่าวถึง "สัญญาณคู่แท้" ซึ่งเป็นหัวข้อบทความในตอนนี้ เพื่อให้สมคล้อยกับเนื้อหาของบทความ ผู้เขียนจึงนำบทกลอนที่กล่าวถึงความรักซึ่งแต่งโดยท่าน รพินทรนาท ฐากูร กวีเอกของโลกซึ่งเป็นชาวเอเซียคนแรกที่ได้รับรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรมมาเสนอก่อนในเบื้องต้น เนื้อหาบทกลอนเป็นภาษาอังกฤษและแปลเป็นภาษาไทยได้ดังนี้ครับ


Unending Love

I seem to have loved you in numberless forms, numberless times...
In life after life, in age after age, forever.
My spellbound heart has made and remade the necklace of songs,
That you take as a gift, wear round your neck in your many forms,
In life after life, in age after age, forever.

Whenever I hear old chronicles of love, it's age old pain,
It's ancient tale of being apart or together.
As I stare on and on into the past, in the end you emerge,
Clad in the light of a pole-star, piercing the darkness of time.
You become an image of what is remembered forever.

You and I have floated here on the stream that brings from the fount.
At the heart of time, love of one for another.
We have played along side millions of lovers,
Shared in the same shy sweetness of meeting,
the distressful tears of farewell,
Old love but in shapes that renew and renew forever
.
Today it is heaped at your feet; it has found its end in you,
The love of all man's days both past and forever:
Universal joy, universal sorrow, universal life,
The memories of all loves merging with this one love of ours-
And the songs of every poet past and forever.

รักนิรันดร์

ฉันรู้สึกว่า เคยรักเธอมาแล้วในรูปกายหลายหลาก ในระหว่างช่วงเวลาที่ไม่มีวันสิ้นสุด ในทุกภพทุกชาติของชีวิต ในทุกช่วงอายุของการเกิด ตลอดไปชั่วกาลนาน หัวใจของฉันภายใต้มนต์สะกดแห่งรัก ได้เคยบรรจงร้อยสร้อยประคำด้วยบทเพลงมอบเป็นของขวัญแก่เธอมาแล้วในทุกภพทุกชาติ ซึ่งเธอได้รับไว้และสวมใส่ในทุกๆรูปกายของเธอ ในทุกภพทุกชาติของชีวิต ในทุกช่วงอายุของการเกิด ตลอดไปชั่วกาลนาน

เมื่อใดที่ฉันได้ฟังตำนานเรื่องราวของความรักย้อนลำดับเวลาไปในอดีต เรื่องของความทุกข์เมื่อต้องพลัดพราก และความสุขเมื่อสมปราถนา อันเป็นสัจธรรมคู่กับความรักเสมอมา และเมื่อฉันจ้องมองย้อนเข้าไปในอดีต ที่ปลายทางนั้นเธอจะปรากฏกายออกมาให้เห็น ห่อหุ้มร่างด้วยแสงอันเรืองรองของดาวเหนือ พุ่งผ่านความมืดมิดของกาลเวลามาให้เห็น เป็นภาพซึ่งฉันจะจดจำไปตราบชั่วนิจนิรันดร์

เธอกับฉันได้มาถึงที่นี่ ในสายธารที่มาจากจุดต้นกำเนิดของชีวิต ที่ซึ่งตรงกลางแห่งดวงใจของกาลเวลานั้น มีความรักระหว่างเราสองคนปรากฏอยู่ เราสองคนเป็นคู่รักคู่หนึ่งในบรรดาคู่รักทั้งหลายนับล้านๆคู่ ในกระแสธารแห่งชีวิต ที่มีส่วนร่วมในการได้พบกับสิ่งที่รักอย่างสุขสม และการหลั่งน้ำตาด้วยความโศกเศร้าเมื่อต้องลาจาก ซึ่งมีปรากฏให้เห็นอยู่ทั่วไปในสายธารแห่งชีวิต โดยที่ความรักนั้นจะยังคงอยู่ตลอดไป ในรูปกายและรูปแบบที่แปรเปลี่ยนหมุนเวียนไป ตลอดกาลชั่วนิจนิรันดร

วันนี้ความรักได้มาอยู่ที่แทบเท้าของเธอแล้ว ได้มาถึงจุดสิ้นสุดของการแสวงหาที่เธอแล้ว ความรักที่เกิดขึ้นทุกวันเวลาในชีวิตของมวลมนุษย์ทั้งในอดีตและในอนาคตชั่วกาลนาน รวมทั้งความสุข ความโศกเศร้า ของชีวิตทั้งมวลในสากลโลก ความทรงจำของความรักทั้งมวล รวมทั้งบทเพลงและบทกวีทั้งหลาย ในอดีตและในอนาคตชั่วนิจนิรันดร ได้รวมเข้ากับความรักหนึ่งเดียวของเราสองคนนี้แล้ว

กลอนบทนี้เป็นกลอนความรักที่ได้รับความนิยมมากในโลกตะวันตก โดยส่วนใหญ่มีความเห็นว่าเป็นการบรรยายความรักในอุดมคติได้อย่างไพเราะและประทับใจยิ่ง บางความเห็นเชื่อว่า ความรักที่กล่าวถึงในบทกลอนนี้คือความรักที่จะเกิดขึ้นได้ในกรณีของความรักระหว่าง "คู่แท้ (Soulmates) ตามปรัชญาตะวันตกนั่นเอง

2. สัญญาณคู่แท้ (Soulmate Indicators/Signals)

มนุษย์ได้พยายามมาแล้วมากมายหลากหลายวิธีด้วยความอยากรู้ว่า "คู่แท้" นั้นจะสามารถทราบได้จากอะไรและอย่างไร ตั้งแต่วิธีการที่เป็นวิชาการที่สุด เช่นการเปรียบเทียบทางวิทยาศาสตร์ชีวภาพ การเปรียบเทียบทางกระบวนการจิตวิเคราะห์และจิตวิทยา การประมวลผลทางตรรกวิทยา วิธีการสมพงศ์ดวงชะตาทางโหราศาสตร์ นรลักษณ์ศาสตร์ หมอดูเลขเจ็ดตัว ไพ่ป็อก ไพ่ยิปซีต์ การเพ่งลูกแก้ว การเสี่ยงทายด้วยวิธีการต่างๆ เวทย์มนต์คาถา พ่อมด แม่มด ฯลฯ ไปจนถึงกระทั่งการทรงเจ้าเข้าผี! ดูเหมือนว่าความพยายามของมนุษย์ในเรื่องนี้ไม่ได้น้อยไปกว่า ความพยายามในการพยากรณ์ราคาหุ้นที่ซื้อขายกันในตลาดหลักทรัพย์เลย การพยากรณ์ราคาหุ้นนั้นทำกันตั้งแต่ระดับที่ใช้ซอฟท์แวร์ที่ซับซ้อนบนเครื่องซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ที่ทันสมัยที่สุดในโลก ที่วอลสตรีท สหรัฐอเมริกา และที่มหานครใหญ่ๆทั่วโลก การนำทฤษฎีทางคณิตศาสตร์ที่ซับซ้อนหลากหลาย กระบวนการทางสถิติที่ลุ่มลึก สารพัดวิธีการเสี่ยงทาย โหราศาสตร์ ไสยศาสตร์ พ่อมด แม่มด ไปจนกระทั่งถึงการทรงเจ้าเข้าผีในสำนักไสยศาสตร์ต่างๆทั่วโลกแม้แม้กระทั่งในสหรัฐอเมริกาเอง!

วิธีการที่ผู้เขียนเห็นว่าน่าสนใจคือ วิธีการทางจิตวิทยาและความบังเอิญ กับวิธีการทางโหราศาสตร์ วิธีการทางจิตวิทยาและความบังเอิญนั้นเท่าที่ศึกษาดู พบว่าเป็นกระบวนการที่ตั้งข้อสมมติฐานว่า ถ้าเป็นความรักระหว่างคู่แท้แล้ว ควรจะเกิดพฤติกรรมและปฏิกิริยาทางด้านจิตอย่างไร ดังในกรณี "I seem to have loved you in numberless forms, numberless times in life after life, in age after age forever." ตามบทกลอนที่นำมากล่าวถึงข้างต้น หรือว่าเกิดความบังเอิญอย่างน่าประหลาดที่ทำให้ทั้งสองคนได้มีโอกาสมาพบและมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งต่อกันได้ ซึ่งได้มีการนำเสนอความเห็นต่างๆกันจำนวนมาก ว่าพฤติกรรมและปฏิกิริยาทางจิต และความบังเอิญ อะไรบ้างที่เป็นสัญญาณบอกคู่แท้

http://www.rojn-info.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=5353242&Ntype=3

December 25, 2012

สายอาชีพ นิติศาสตร์


 สายอาชีพ นิติศาสตร์ สายอาชีพที่น่าสงสารที่สุด

(ขอเล่าประสบการณ์เพื่อเตือนสติน้องๆและผู้สนใจเปลี่ยนมาทำสายนี้)

ผมจบ นิติ ม.รัฐแห่งหนึ่ง ผมรู้สึกว่า ในตอนที่ผมเรียน ผมต้องการที่จะเป็นทนายความหรือที่ปรึกษากฎหมาย(ทั้ง local และ inter) เพราะเป็นอาชีพอิสระ รายได้ขึ้นอยู่กับตนเอง

ในตอนที่ผมจบมาใหม่ๆ สิ่งที่ผมได้เจอมันตรงกันข้ามกับความฝัน ผมไปสมัครงานที่ไหนก็ไม่มีใครรับ ทั้งที่เกรดผมเกิน 3.00 สุดท้ายผมจึงไปทำงานอื่นและเรียนใบอนุญาตว่าความไปด้วย

หลังจากที่ผมได้ใบอนุญาตว่าความแล้ว ผมลองไปสมัครอีกครั้ง ก็ยังไม่ได้อีก ผมจึงตัดสินใจรับทุนและเรียนต่อสายอื่นๆ ด้านวิทยาศาสตร์ จนปัจจุบัน ผมเรียนต่อปริญญาโท ในด้านวิทยาศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยรัฐแห่งหนึ่ง

ผมอยากจะบอกเล่า แก่น้องๆ ม.ปลาย และคนที่คิดจะเรียน นิติศาสตร์ เพื่อเป็นใบเบิกทางไปสู่ การสอบผู้พิพากษา อัยการ ว่า

อยากให้ทุกคน ทบทวนให้ดีว่า คุณมีความเหมาะสมกับการเรียน สายนิติศาสตร์หรือไม่

1. ฐานะทางบ้านของคุณดีพอที่จะให้คุณเรียนต่อ(ฐานะดี) หรือ คุณมีงานทำหรือไม่ สำหรับคนที่จะเปลี่ยนสายมาทำสายนี้ เพราะคุณจะต้องเสียเวลา
- ป.ตรี 3-4 ปี
- ตั็วทนายและเนติบัณฑิต 2 ปี
- ป.โท 3-4 ปี
โดยที่ไม่ สามารถทำงานไปด้วยได้ เพราะเหตุปัจจัย
- เงินเดือนน้อยมากๆ จนไม่คุ้มกับการไปทำงาน เช่น ลูกจ้างชั่วคราว พนักงาราชการในองค์กรรัฐ เสมียนทนาย แม้แต่ทนายเอง ก็น้อย
- ถ้าเงินเดือนดี คุณก็ต้องเก่งภาษาอังกฤษมากๆ(ขั้นเทพ) ไม่ใชแค่อ่านออก พูดคุยได้ เพราะคู่แข่งของคุณเยอะมากๆ ถ้าคุณไปทำ film คุณจะขึ้นและลงง่ายมากๆ
และ ผมอยากให้คนเรียนด้านนี้ มีฐานะดี เพราะการเรียน นิติ คุณจะต้องเตรียมเงินไว้ต่อ โท ในประเทศประมาณ 2-3 แสน ต่างประเทศ ประมาณ 1-2 ล้าน ซึ่งการจบโทนิติ ผมว่าคุณมีคู่แข่งเยอะมากๆ ใครๆก็เรียนได้ ส่วนต่างประเทศ แม้คนจะเรียนไม่มากเท่า แต่ค่าใช้จ่ายสูงมากเช่นกัน
ผมมีเพื่อนเรียนจบ โท นิติ มาก็ตกงานอยู่บ้านเช่นเดิม เพราะไม่ได้ทั้ง เนติบัณฑิต และตั๋วทนาย ไม่มีใครอยากได้ต่อให้จบโทก็ตามที

2. คุณเป็นคนชอบ ท่องจำและทำความเข้าใจหรือไม่ เพราะการเรียน นิติ ให้ดี คุณต้องรักในการอ่านอย่างมาก โดยเฉพาะ เนติบัณฑิต บางทีคุณรักการอ่านจริง ก็อาจไม่ได้สักขาก็มี(เสียใจมาเยอะครับ)

3. คุณต้องมีความอดทนสูง ทั้งการอ่าน การใช้ชีวิต คนเรียน นิติ มักจะมีคนมาขอให้ทำโน่นทำนี่ โดยไม่ได้เงินเยอะมาก(หรืออาจจะไม่ได้เลย) เช่น
- ทนายช่วยเหลือคนจน ทนายอาสา ซึ่งได้เงินน้อยมาก จนเราแรงหมด ต่อให้ทำคดีจริงๆ บางทีลูกความเราก็เอาเปรียบ จะจ้างคุณถูกๆ แต่ให้คุณรับผิดชอบเต็มที่ ถ้าทำไม่ดีก็โดนว่า ไม่ทำก็ไม่ได้ตัง(ตังน้อย)
- งานราชการ รับเยอะจริงหรือครับ วุฒินิติ สวนใหญ่ที่รับ จะเป็น ลูกจ้างชั่วคราว กับพนักงานราชการ และสายนิติ ผมมีน้อยๆ รุ่นเดียวกันที่เรียนดี แต่ตกงาน พยายามเเย่งกันสอบเข้าเยอะมาก เพื่อไปทำงานที่เงินเดือนน้อย(แต่ตอนนี้ 15000 รอตกเบิก) ส่วนใครคิดจะเรียนต่อโท มีหลาย ม.เปิดกันเยอะมาก ผมว่าการแข่งขันไม่ต่างกัน เพราะความที่ทุกคนไม่ได้งาน ก็มักไปต่อโท และความที่คนเรียนเยอะ คนเก่ง มักจะสอบได้เสมอ แต่คนไม่เก่งพอ จะเป็นฐานให้คนเก่งสอบเข้าไปได้
- งานสำนักงานทนายความ law firm แข่งขันกันสูง ถ้าไม่ใช่ firm ใหญ่จริง เงินเดือนไม่ได้มากแบบที่ทุกคนคิดนะครับ(น้องที่รู้จักกัน ได้ 10000 กว่าๆเอง ทำสาธรสีลมด้วย) ลองเทียบกับ สายวิทย์ที่ผมเรียน รายได้ผมเริ่มต้น ที่ 18000 ไม่รวม OT ถ้าไปทำที่ระยอง 22000 ไ่ม่รวม OT ค่าเช่าบ้าน
- ต่อให้คุณบอกว่า คุณจะไปทำสานอื่นแล้วเรียน เนติ โท ไปด้วย การหางานก็ไม่ได้ง่ายๆ ผมเคยสมัครงานสาย HR กว่าจะได้ยากมากๆ ยิ่งถ้าคุณจบจากมหาลัยดีๆ เกรดดีๆ ยิ่งหายาก เพราะเขาจะกลัวว่าคุึณใช้เขาเป็นทางผ่านเพื่อให้เรียนจบ
งานที่คนนิติ นิยมทำ เช่น HR Banker(เจ้าหน้าที่อำนวยบริการ) ผู้ช่วยพยาบาล(ผมเคยเจอจริงๆ)

4. ถ้ามีพ่อแม่ ญาติ ตระกูล ครอบครัว ทำงานสาย นิติ เช่น ทนายความ ผู้พิพากษา อัยการ นิติกร จะช่วยเหลือเราได้มาก ผมสังเกตดู คนที่เข้าไปทำราชการไม่ได้ หรือ ตกงาน ไม่มีงานทำ ส่วนใหญ่ จะเป็นคนที่ไม่มีครอบครัวทำด้านนี้
บางคนแม้ไม่เก่ง แต่มีครอบครัวทำด้านนี้ ต่อให้ไม่ได้ เนติ ไม่ได้ตั๋ว โท จบที่ ม.ไม่ดัง ก็ยังดันๆ กันได้ เช่น เป็นอาจารย์ ม.เอกชน นิติกร(พนักงานราชการ) เป็นต้น

5. ถ้าสอบเข้า ม.รัฐดังๆ ไม่ได้ เช่น จุฬา ธรรมศาสตร์ หรือเรียน ราม บางทีคุณจะเจอความไม่ยุติธรรมของระบบรุ่นพี่รุ่นน้อง เช่น เด็กสีชมพู ในหน่วยงานที่ผมเคยไปทำ จะได้ทำสำนักที่เกี่ยวกับงานวิชาการ เช่น องค์คณะ วิชาการ ระหว่างประเทศ ส่วน เด็ก ม.อื่นๆ ถ้าเก่งก็จะได้ไปทำเหมือนกัน แต่ถ้าไม่เก่ง(ไม่มีเส้นของญาติ) ก็จะไปทำงานที่ใช้แรง เช่น เดินเอกสาร เดินสำนวน จัดเอกสาร ทั้งที่ตำแหน่งเดียวกัน ผมว่าเด็กจบ ปวช ก็ทำได้ ไม่ได้ความรู้อะไรเลย

ขอแนะนำน้องๆ ที่รักสายนี้จริงๆ ต้องเข้า จุฬา ธรรมศาสตร์ให้ได้
รองลงมาถ้าไม่ได้ต้องเรียน ราม เพราะเเน่นที่สุด
ถ้าเรียนเอกชนแนะนำ ธุรกิจบัณฑิต กรุงเทพ ABAC
ราชภัฎ ม.เอกชนเปิดใหม่ไม่แนะนำ เพราะเคยมีคนไปเรียน สุดท้ายต้องไปทำงาน ผู้ช่วยพยาบาล ไม่มีใครรับ และจ้าง

สรุป จากที่ผมเจอเพือนและหลายๆ คนในสายนี้

ผมอยากให้คนเรียน นิติ ต้องใจรักความยุติธรรม(ไม่ใช่เข้ามาเพราะเงินดีอย่างเดียว ไม่งั้นจะเสียใจเพราะมันน่าเศร้ามาก) มีหัวทางด้านนี้ จำเก่ง รักการอ่าน และที่สำคัญ คือ คุณต้องมีฐานะ คล้ายๆ กับหมอ เพราะคุณต้องเรียนเยอะและนานมาก ค่าใช้จ่ายสูงมาก ผมเทียบค่าเทอม สายวิทย์ ม.รัฐ กับนิติ ป.โท ผมพบว่า คาเทอมของผมถูกกว่าของเพื่อ ทั้งที่ของผมเป็นภาคพิเศษ แต่ของเพื่อนเป็นภาคปกติ(จุฬา)

ที่ผมมาเขียนเรื่องนี้ เพราะไม่อยากให้ใครมาเสียเวลากับสายนี้ ถ้าคุณไม่ได้รัก นิติศาสตร์จริงๆ ครับ เพราะถ้าคุณไม่มีความ เก่ง มุ่งมัน อดทน และฐานะดีพอ คุณอาจจะเจอว่า


หลงเนติเสียเวลา หลงผู้พิพากษาเสียอนาคต


*ผมหวังว่ากระทู้นี้จพเป็นประโยชน์ ยังไงขอให้คนที่จบนิติ หรือรู้เรื่องคนที่จบนิติ เข้ามาแชร์นะครับ อยากเก็บเรื่องนี้ไว้ให้คนที่สนใจสายนี้ไ้พิจารณาก่อนเรียนสาขานี้ครับ*

ถ้ากด vote หรือ shared ใน facebook ได้ ก็ช่วยกันแพร่กระจายหน่อยนะครับ
อยากให้ คนเข้ามาแชร์เรื่องนี้เยอะๆครับ

แก้ไขเมื่อ 16 เม.ย. 55 23:00:57

แก้ไขเมื่อ 16 เม.ย. 55 22:57:13

แก้ไขเมื่อ 16 เม.ย. 55 22:48:22

แก้ไขเมื่อ 16 เม.ย. 55 22:42:26

แก้ไขเมื่อ 16 เม.ย. 55 21:54:05

แก้ไขเมื่อ 16 เม.ย. 55 21:49:03

แก้ไขเมื่อ 16 เม.ย. 55 21:40:25

จากคุณ : GRAYG

Share มาจาก Pantip.com

December 20, 2012

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานที่ดิน 86 ไร่ โคกสำโรง จ.ลพบุรี เป็นโครงการแก้มลิง


พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานที่ดิน 86 ไร่ ให้ เป็นโครงการแก้มลิงและเป็นแหล่งกักเก็บน้ำช่วยบรรเทาปัญหาอุทกภัยให้แก่ประชาชน
........................................................................

เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม นายสุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา เปิดเผยว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานที่ดินโฉนดเลขที่ 54479 เนื้อที่ 86 ไร่ 40 ตารางวา บริเวณ ต.โคกสำโรง อ.โคกสำโรง จ.ลพบุรี ให้กับมูลนิธิชัยพัฒนา ใช้ประโยชน์พัฒนาเป็นโครงการแก้มลิงและเป็นแหล่งกักเก็บน้ำเพื่อช่วยบรรเทาปัญหาอุทกภัยและใช้ประโยชน์เป็นแหล่งน้ำสำหรับพื้นที่การเกษตร ทั้งนี้ ที่ดินบริเวณดังกล่าวส่วนใหญ่เป็นบ่อดินลึกประมาณ 3-4 เมตรทิศเหนือติดกับชุมชนในเขตเทศบาลโคกสำโรง ทิศใต้ติดกับที่ดินของกรมสรรพากร ส่วนทิศตะวันออกและตะวันตกติดกับพื้นที่การเกษตรของราษฎร

ทั้งนี้ นายสุเมธ กล่าวต่อว่า ที่ดินจำนวน 86 ไร่ดังกล่าว นายปภัสร์ แซ่ฉั่ว ชาวบ้าน ต.โคกสำโรง น้อมเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเมื่อช่วงกลางปี 2554 จากนั้น สำนักราชเลขาธิการมอบให้มูลนิธิชัยพัฒนาไปตรวจสอบพ้นที่ แล้วนำกราบบังคมทูลว่า พื้นที่ดังกล่าวเหมาะกับการทำแก้มลิงเป็นอย่างมาก เพราะจะเป็นการเพิ่มพื้นที่รองรับปริมาณน้ำฝนและกักเก็บน้ำได้ประมาณ 537,600 ลูกบาศก์เมตรเลยทีเดียว

เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา กล่าวเสริมว่า การพระราชทานที่ดินเพื่อทำแก้มลิงครั้งนี้ ถือเป็นของขวัญปีใหม่ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชทานให้พสกนิกร เนื่องจากทรงห่วงใยพสกนิกรที่ประสบปัญหาภัยพิบัติน้ำท่วม น้ำแล้งมาโดยตลอด และการที่มีพื้นที่แก้มลิงจำนวนมาก จะช่วยบรรเทาปัญหาน้ำท่วมแล้งในพื้นที่ต่าง ๆ ได้อย่างมาก



ทรงพระเจริญ...



ขอขอบคุณ Facebook คนไทยรักในหลวง

“วีดิทัศน์” ประวัติศาสตร์สุโขทัย อยุธยา และรัตนโกสินทร์







 “วีดิทัศน์” ประวัติศาสตร์สุโขทัย อยุธยา และรัตนโกสินทร์ รวม 15 ตอน

ติดตามชมได้ที่เว็บไซต์สถาบันสังคมศึกษา สำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน...http://social.obec.go.th/node/140 ดาวน์โหลดฟรี

ขอบคุณ Facebook Tina Laykha

27 ธ.ค. 55 - 3 ม.ค. 56 มอเตอร์เวย์ และบูรพาวิถี (ไปชลบุรี) เปิดให้ใช้ฟรี

สะสมบัตรโทรศัพท์ Phonecard







บัตรโทรศัพท์ Phonecard ส่วนใหญ่ยังไม่ได้ใช้
ไม่สามารถใช้ได้
เหมาะสำหรับเก็บสะสมที่ระลึก


สะสมบัตรโทรศัพท์ Phonecard  สอบถาม 086 5155935

มีบัดรเิดิมเงิน AIS ใช้แล้ว ขาย  

เที่ยวงานวัฒนธรรมประจำปีของย่านกะดีจีนและคลองสาน


 


# สมาคมสถาปนิกสยามฯ และ ภาคีเครือข่าย ขอเชิญชมงาน “ศิลป์ในซอย” ตอน ศิลป์สามท่า: ศิลป์ออกเสียง สำเนียงนานาชน (คนฝั่งขะนี้)* วันจันทร์ที่ 24 ธันวาคม 2555 ณ ลานวัดซางตาครู้ส ฝั่งธนบุรี 

พบกับ การแสดงดนตรีออกภาษา 5 ตอน สะท้อนสำเนียงภาษากลุ่มชนคนไทย-ฝรั่ง-แขก-มอญ-จีน / นิทรรศการตุ๊กตาออกท่า / งานออกแบบแสงสว่าง (Lighting Design) ในพื้นที่สาธารณะ / ทัวร์เดินเท้าและปั่นจักรยานท่องสองย่านประวัติศาสตร์ / การเสวนาและนิทรรศการว่าด้วยสถาปัตยกรรมและชุมชน

24 ธ.ค. 16.30 น. ทัวร์เดินเท้า ทัศนะจร 2: บลัดเลย์: หมอฝรั่งยุคสยามศิวิไลซ์ (ลงทะเบียนร่วมทัวร์ 16.00 น.) 18.00 น. การแสดงดนตรี “ออกภาษา* ตอนที่ 2: ฝรั่งยีเฮ็ม” และชมนิทรรศการแสงไฟมรดกวัฒนธรรม 20.30 น. ละคร “พระเกิด” และพิธีมิสซา

*ศิลป์ในซอย เป็นเทศกาลศิลปวัฒนธรรมกลางแจ้งประจำปีของย่านกะดีจีนและคลองสาน ที่มุ่งเน้นการใช้ศิลปะเป็นเครื่องมือในการสร้างการมีส่วนร่วมของบ้าน วัด โรงเรียน (บ.ว.ร.) ภายในย่าน และภาคีพัฒนาทั้งภาคประชาสังคม ภาคเอกชน และภาครัฐ ในการอนุรักษ์ฟื้นฟูย่านประวัติศาสตร์ ในปีนี้จัดขึ้นภายใต้ธีม “ศิลป์สามท่า : ศิลป์ออกเสียง สำเนียงนานาชน (คนฝั่งขะนี้)” ซึ่งจัดทั้งหมด 5 ครั้ง โดยผนึกเข้ากับเทศกาลท้องถิ่นของย่าน

ครั้งที่ 1 พิธีเปิด ณ ลานริมน้ำสำนักเทศกิจ 27 พฤศจิกายน 55 เวลา 17:00-19:00 น.
ครั้งที่ 2 งานคริสต์มาส ณ ลานวัดซางตาครู้ส 24 ธันวาคม 55 เวลา 17:00-21:00 น.
ครั้งที่ 3 งานฉลองวัดรั้วเหล็ก ณ ลานพระบรมธาตุมหาเจดีย์ วัดประยุรฯ 13 มกราคม 56 เวลา 17:00-21:00 น.
ครั้งที่ 4 เรื่องเล่าในวงชา-เสวนาในวงแขก ณ อุทยานสมเด็จย่าฯ 2 กุมภาพันธ์ 56 เวลา 13:00-17:00 น.
ครั้งที่ 5 ศิลป์สามท่า : ศิลป์ออกเสียง สำเนียงนานาชน (คนฝั่งขะนี้) ณ ย่านกะดีจีน-ย่านคลองสาน 23-24 กุมภาพันธ์ 56 เวลา 17:00-21:00 น.

*ออกภาษา เป็นชื่อเรียกเพลงไทยที่บรรเลงโดยออกสำเนียงภาษาของผู้คนแต่ละกลุ่มชน ที่ต่างเดินทางเข้ามาสัมพันธ์อยู่ในสังคมไทยอย่างยาวนาน การแสดง “ออกภาษา” เป็นภาพรวมที่สะท้อน “ความเป็นไทย” ทั้งจากวันวานถึงวันนี้ได้อย่างมีสีสัน มีชีวิตชีวาแบบไทย ๆ (ธีรนันท์ ช่วงพิชิต ศูนย์ข้อมูลประวัติศาสตร์ชุมชนธนบุรี)

*คนฝั่งขะนี้ มาจาก คนฝั่งข้างนี้ เป็นภาษาพูดของผู้คนในสังคมชาววังหลวง กว่าร้อยปีก่อน เป็นคำที่ใช้เรียกเมื่อจะเอ่ยถึงผู้คนที่พักอาศัยทางฟากฝั่งตรงข้ามกับวังหลวง อย่างมีนัยยะถึงผู้มีบทบาทสูงต่อสังคมสมัยนั้นในสายสกุล “บุนนาค” โดยเรียกว่า “พวกฟากขะโน้น” มาจากคำว่า “พวกฟากข้างโน้น”


ขอบคุณ Facebook Teeraparb Lohitkun

December 19, 2012

สะสมรูปดารา โปสเตอร์ Poster วินเทจ

Photo

สะสมรูปดารา โปสเตอร์ วินเทจ ไทยและเทศ หลายขนาด
ติดต่อสอบถาม K PhakinChan 089-4551700


17.12.55

December 15, 2012





 ผู้ดำเนินรายการ ดูให้รู้ (in ญี่ปุ่น) ทางทีวีไทย โดยคุณฟูจิ ฟูจิซากิ ได้เขียนภาษาญี่ปุ่น ว่า "รักในหลวง"

ขอบคุณเรื่องจาก Facebook