Pages

Long Live The king

Long Live The king

October 19, 2011

Love is not about finding the right person,but creating a right relationship.

Memorale quotes from Notting Hills
http://www.allbestmessages.com/sms-text-messages/Love-Messages.php
Love is not about finding the right person,
but creating a right relationship.
It's not about how much love you have in
the beginning but how much love you build till the end
****

Notting Hill
Anna Scott: You know what they say about men with big feet.
William: No, I don't, actually. What'...

Coenzyme Q10


Coenzyme Q10 (CoQ10) คืออะไร ?
เซลล์เป็นโครงสร้างที่สำคัญมากที่สุดของสิ่งมีชีวิตทุกชนิด แต่ละเซลล์มีองค์ประกอบและสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยตัวเอง โดยการนำสารอาหารเข้าไปและเปลี่ยนสารอาหารให้กลายเป็นพลังงานเพื่อความอยู่ รอดของเซลล์นั้น ๆ
ในการสร้างพลังงานนั้นจะเกิดขึ้นบริเวณเซลล์ในส่วนที่เรียกว่า “ไมโตครอนเดรีย (Mitochondria)” ดังนั้นถ้าเซลล์ได้รับพลังงานไม่เพียงพอก็จะทำให้เซลล์ทำงานผิดปกติ ตัวอย่างเช่น หากเซลล์หัวใจไม่ได้รับพลังงาน หัวใจก็ไม่สามารถที่จะทำงานได้ตามปกติ หรือหากเซลล์ผิวหนังไม่มีพลังงานก็จะทำให้ผิวหนังเหี่ยวย่นก่อนวัยอันควร ดังนั้นพลังงานระดับเซลล์จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมากสำหรับเรา เมื่อเรามองเห็นถึงความสำคัญของพลังงานระดับเซลล์แล้วก็จะเกิดคำถามว่าแล้ว เราจะทำให้มีการผลิตพลังงานระดับเซลล์ได้อย่างสมบูรณ์อย่างไร ซึ่งคำตอบคือ “โคเอ็นไซม์คิวเท็น”
CoQ10 เป็นสารซึ่งเป็นองค์ประกอบที่สำคัญในไมโตคอนเดรีย(Mitochondria) ซึงไมโตคอนเดรียนี้ ทำหน้าที่ผลิตพลังงานให้แก่เซลล์โดยพลังงานดังกล่าวจะอยู่ในรูป ATP(Adenosine triphosphate) ซึ่งเป็นพลังงานพื้นฐานของเซลล์ หน้าที่หลักของ CoQ10 คือช่วยในการเร่งปฏิกิริยาผลิตพลังงานภายในร่างกายทั้งหมด
Coenzyme Q10 (CoQ10) มีประโยชน์อย่างไร ?
ในปัจจุบันพบว่า CoQ10 มีประโยชน์อย่างมากทั้งในเรื่องของการเป็นสารที่ช่วยในการต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) และช่วยในการป้องกันและรักษาโรคต่างๆมากมาย (แต่ในที่นี้จะขอกล่างถึงเฉพาะประโยชน์ทางด้านความสวยความงาม)
โรคระบบหัวใจและหลอดเลือด Cardiovascular disease
ภาวะหัวใจล้มเหลวเนื่องจากเลือดไปเลี้ยงหัวใจไม่เพียงพอ (Congestive Heart Failure)
ความดันโลหิตสูง(Hypertension)
กล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรง, หัวใจโต (Cardiomyopathy)
มะเร็ง (Cancer)
ลดริ้วรอย ชะลอการเสื่อมของเซลล์ผิวหนัง (Anti-aging/Skin care)
ผิวหนังมีหน้าที่ในการป้องกันสารพิษ เชื้อโรค และรังสีอัลต้าไวโอเลต(Ultraviolet) จากแสงอาทิตย์ โดยรังสีอัลตร้าไวโอเลตนี้มี 2 ชนิด คือ UVA และ UVB แต่ที่เกี่ยวข้องกับการเกิดริ้วรอยจะเป็นรังสี UVA โดย UVA สามารถทะลุผ่านชั้นผิวหนังถึงชั้นหนังแท้ และจะเริ่มต้นในการสร้างอนุมูลอิสระ (Free Radical) ซึ่งอนุมูลอิสระนี้เป็นผลิตผลที่เกิดขึ้นจากกระบวนการออกซิเดชั่น (Oxidation) อนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นนี้ก็จะทำอันตรายต่อไขมัน โปรตีน และสารพันธุกรรม(DNA) ในเซลล์ผิวหนัง รวมถึงทำให้เกิดการทำลายของ คอลลาเจน(Collagen) และโครงสร้างอื่นๆของผิวหนัง สูญเสียความยืดหยุ่น ขาดความกระชับเกิดริ้วรอยและความหมองคล้ำ CoQ10 เป็นสารต้านออกซิเดชั่น (Antioxidant) โดยจะไปป้องกันไม่ให้เกิดปฏิกิริยาออกซิเดชั่น ที่จะทำให้อนุมูลอิสระซึ่งจะทำอันตรายต่อผิวหนัง นอกจากนี้ CoQ10 พบมากที่ผิวหนังชั้นนอก(Epidermis)มากกว่าที่ผิวหนังชั้นใน(Dermis)ซึ่งเป็น ผิวหนังชั้นที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากรังสี UVA จึงเป็นข้อดีอีกประการที่จะช่วยขจัดอนุมูลอิสระ(Free radical) ซึ่งเป็นสาเหตุของริ้วรอยและความหมองคล้ำ
นอกจากหน้าที่ในการเป็นสารต้านอนุมูลอิสระของผิวแล้ว Coenzyme Q10 คิวเท็นเปรียบเสมือนแหล่งผลิตพลังงานให้กับเซลล์ผิวหนัง หากเซลล์ผิวหนังได้รับพลังงานไม่เพียงพอก็จะทำให้เซลล์ทำงานผิดปกติก็จะทำให้ผิวหนังเหี่ยวย่นก่อนวัยอันควร
มีงานศึกษาวิจัยเกี่ยวกับผลของ CoQ10 ต่อการลดริ้วรอยมากมายว่าสามารถทำให้ความลึกของริ้วรอยลดลง เช่นการศึกษาของ Gerson Unna พบว่าภายหลังที่กลุ่มทดลองได้รับ CoQ10 ในระยะเวลา 6 สัปดาห์ ริ้วรอยลดลงกว่า 27 % และเมื่อได้รับ CoQ10 ต่อไปเป็นระยะเวลา 10 สัปดาห์ริ้วรอยลดลงกว่า 43%
เหตุใดจึงต้องทาน Coenzyme Q10 คิวเท็น ในรูปของอาหารเสริม ?
แม้ว่าเราสามารถสังเคราะห์ Coenzyme Q10 ได้เองที่ตับ ประกอบกับยังได้รับจากอาหารที่รับประทาน ซึ่งอาหารประเภทเนื้อสัตว์ เช่น ปลาซาร์ดีน ปลาแซลมอน เครื่องในสัตว์ ไข่ ถั่วเปลือกแข็ง ข้าวกล้อง และงา ซึ่งจะให้ Q10 สูง แต่ด้วยกระบวกการผลิต แปรรูป ปรุงอาหาร ด้วยความร้อน แสง และอากาศ จะทำให้ Q10 เสื่อมสลายไม่พอเพียงต่อความต้องการ
แต่จะสร้าง Coenzyme Q10 จะมีปริมาณที่ลดลงเมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น มากกว่า 20ปีขึ้นไป นอกจากนี้ยังมีปัจจัยภายนอกที่ทำให้ปริมาณ โคเอนไซม์ Q10 ในร่างกายลดลงได้อีก เช่น ผลกระทบจากสภาพแวดล้อม การพักผ่อนไม่เพียงพอ การได้รับยา หรือสารเคมี แม้แต่ความเครียด ก็ล้วนแต่มีผลทำให้ปริมาณโคเอนไซม์ Q10 ในร่างกายลดลงทั้งสิ้น
ขนาดรับประทาน
วันละ 10-30 มก.ขึ้นอยู่กับสภาวะของร่างกายและวัย
ชุดโปรโมชั่นลบริ้วรอย รับประทาน ทานคอลลาเจนวันละ 2 เม็ด+ วิตามินซี 1 เม็ด รวมเป็น 3 เม็ดตอนท้องว่าง(ก่อนอาหาร 15-30 นาทีหรือหลังอาหาร 1 ชม.) ส่วน Q10 ทานอีก 1 เม็ด พร้อมอาหารมื้อหนัก
ผลข้างเคียง
จากการวิจัยพบว่า การบริโภคโอเอน”ซม์คิวเทนในปริมาณที่สูงถึง 200 มก.ต่อวันในรูปแบบของเม็ดยา เป็นเวลา 1-6 ปี
พบว่า น้อยกว่า 1% ของผู้บริโภคมีอาการไม่สบายท้อง คลื่นใส้ และท้องร่วง โดยไม่พบผลข้างเคียงใดๆที่รุนแรง
ข้อห้ามใช้
ยังไม่มีรายงานการวิจัยที่ชัดเจนของความปลอดภัยในการใช้โคเอนไซม์คิวเทนในหญิงตั้งครรภ์และหญิงให้นมบุตร ดังนั้นหญิงตั้งครรภ์และหญิงให้นมบุตรจึงควรหลีกเลี่ยง



 *****

Co-enzyme Q10 หรือ Co-Q 10
        Co-Q10 เป็นสารที่มีบทบาทในการเพิ่มพลังงานให้แก่เซลล์ เพื่อใช้เป็นพลังงานในร่างกาย เป็นสารสำคัญใน การสังเคราะห์ Adeno-sinetriphosphate (ATP) ซึ่งเปรียบได้กับขุมพลังงาน ของเซลล์ทั่วร่างกาย Co-enzyme Q10 เป็นตัวต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง ช่วยปกป้องเซลล์จากการทำร้ายของอนุมูลอิสระช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคร้าย ซึ่งมาจากการเสื่อมสภาพของเซลล์ เช่น โรคหัวใจ ข้อเสื่อม อัมพาต หรือ โรคที่เกิดจากความเสื่อมสภาพวัย ตามปกติร่างกายสามารถผลิต Co-Q10 ได้โดยการสกัดและสังเคราะห์ผ่านตับ โดยดูดซึมสารอาหาร ที่ได้ในแต่ละวัน และเก็บสะสม ไว้ในเซลล์ไมโตคอนเดรีย ซึ่งเซลล์นี้มีอยู่มาก ในหัวใจ สมอง และกล้ามเนื้อ แต่เมื่ออายุมากขึ้นการทำงานของร่างกาย ในระบบต่างๆ ก็เสื่อมถอยลง ตับก็ไม่สามารถสังเคราะห์ Co-Q10 ได้ในปริมาณเท่าเดิม สิ่งที่เกิดขึ้นคือ ริ้วรอย และความเสื่อม ของระบบต่างๆ
       เราสามารถพบ Co-Q10 ได้ในอาหารประเภทเนื้อสัตว์ เช่น ปลาซาร์ดีน ปลาแซลมอน เครื่องในสัตว์ ไข่ ถั่วเปลือกแข็ง ข้าวกล้อง และงา
ชื่อพ้อง:  Coenzyme Q, Coenzyme Q10, CO Q10, Ubidecarenone, Ubiquinone 10
Class:  จัดอยู่ในกลุ่ม antioxidant
กลไกการออกฤทธิ์
      Coenzyme Q10 เป็น coenzyme ที่จำเป็นของร่างกายมีลักษณะคล้ายเป็นวิตะมิน มีโครงสร้างเหมือนวิตะมิน K โดยจะพบที่ในเยื่อหุ้มของ mitochondria ที่อยู่ที่หัวใจ ตับ ไต และตับอ่อน มีบทบาทสำคัญในการขนส่งอิเล็กตรอนใน mitochondria และการสร้าง adrenosine triphosphate (ATP) Coenzyme Q10 มีคุณสมบัติในการเป็น membrane stabilizing โดยตรงและเป็น antioxidant
       ผลต่อหัวใจ มีประโยชน์ในการป้องกันการถูกทำลายของเซลในระหว่างที่เกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดและเพิ่ม reperfusion
ขนาดที่ใช้
       ผู้ใหญ่
       IV: ฉีดเข้าหลอดเลือดดำ ขนาด 50 – 100 mg ต่อวัน นาน 3-35 วัน เพื่อใช้ในการรักษาภาวะหัวใจล้มเหลวระดับรุนแรง (severe heart failure)
       รับประทาน: Coenzyme Q10 โดยทั่วไปจะบรรจุอยู่ใน soft gelatin capsules ซึ่งยาจะละลายอยู่ในน้ำมันถั่วเหลือง (soybean oil)
         -  การรักษา chronic congestive heart failure ซึ่งได้รับ conventional therapy ร่วมด้วย รับประทานขนาด 50-150 mg ต่อวัน แบ่งให้ 2-3 ครั้งต่อวัน จากการศึกษาใช้ยาต่อเนื่องนานถึง 6 ปี
         -  การรักษา chronic stable angina รับประทานขนาด 150-600 mg ต่อวัน แบ่งให้ 2-3 ครั้งต่อวัน
         -  การใช้ยาก่อนการผ่าตัดหัวใจ โดยใช้ยารับประทาน 100 mg ต่อวัน นาน 14 วันก่อนการผ่าตัดและตามด้วยขนาด 100 mg ต่อวัน นาน 30 วันหลังการผ่าตัด
         -  การรักษา periodontal disease  ใช้ขนาด 25 mg รับประทานวันละ 2 ครั้ง ขณะนี้ยังมีข้อมูลจำกัด
         -  การรักษา Huntington’s disease รับประทานขนาด 800-1200 mg ต่อวัน
         -  การใช้ป้องกัน migraine รับประทานขนาด 150 mg ต่อวัน โดย Coenzyme Q10 จะไปมีผลลดความถี่ของการปวดศีรษะแต่ไม่มีลดระดับความรุนแรงของการปวดศีรษะ
         -  การรักษา neurological disease (ที่เกี่ยวข้องกับการขาดการสร้าง mitochondrial ATP) รับประทานขนาด 150 mg หรือมากกว่า ต่อวัน
         -  การรักษา Parkinson’s disease รับประทานขนาด 800-1200 mg ต่อวัน โดย Coenzyme Q10 อาจไปมีผลทำให้การดำเนินของโรคพาร์กินสันช้าลง ในผู้ป่วยที่เพิ่งพบว่าป่วยเป็นโรคพาร์กินสัน แต่ยังจำเป็นต้องมีการศึกษาขนาดใหญ่เพิ่มเติม
     เด็ก
       ขนาดที่ใช้โดยทั่วไปรับประทาน 2.4 – 3.8 mg/kg/day
       การรักษา mitochondrial encephalomyoparthy รับประทาน 30 mg ต่อวัน
ข้อห้ามใช้
      ห้ามใช้ในผู้ป่วยที่แพ้ Coenzyme Q10 หรือส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์
ข้อควรระวัง
      -  ระวังการใช้ในผู้ป่วยทางเดินน้ำดีอุดตัน
      -  ระวังการใช้ร่วมกับยาลดไขมันในเลือด (ระดับ Coenzyme Q10 ในเลือดจะมีระดับต่ำในผู้ป่วยที่มีระดับไขมันในเลือดสูง) และ HMG-CoA reductase inhibitors อาจมีผลยับยั้งการสร้างของ Coenzyme Q10 โดยธรรมชาติ เนื่องจาก HMG-CoA reductase ช่วยในการสร้าง Coenzyme Q10
      -  ระวังการใช้ร่วมกับยาลดระดับน้ำตาลในเลือด เนื่องจากยาอาจไปยับยั้งผลของ Coenzyme Q10 ที่ได้รับเข้าไป
      -  ระวังการใช้ในผู้ป่วยเบาหวาน เพราะอาจจะทำให้ลดความต้องการ insulin
      -  ระวังการใช้ในผู้ป่วยที่ตับและไตทำงานผิดปกติ เพราะอาจจะเกิดการสะสมของ Coenzyme Q10 ในเลือด
เภสัชจลนศาสตร์
     -  onset: สำหรับการรักษา congestive heart failure รับประทานนาน 2 สัปดาห์ถึง 3 เดือนจึงจะเริ่มเห็นผลการตอบสนองการรักษา
     -  ระดับยาในเลือดที่ให้ผลในการรักษา (Therapeutic drug concentration):
          Angina: 2.2 mcg/ml
          Congestive heart failure: 2 – 2.5 mcg/ml หรือมากกว่า
          ระดับยาปกติในเลือด 0.7 – 1 mcg/ml
      -  Time to peak: 5 – 10 ชั่วโมง (ในรูปแบบการรับประทาน)
      -  Bioavailability:  ยาจะถูกดูดซึมอย่างช้า เนื่องจากน้ำหนักโมเลกุลมากและการละลายน้ำได้น้อย
      -  Distribution sites: ตับ หัวใจ ไต และตับอ่อน
      -  Metabolism: ถูก metabolized ที่ตับแต่ไม่ทราบปริมาณ
      -  Excretion: ถูกขับออกทางน้ำดี ไม่ทราบปริมาณ ทางอุจจาระ 60%
      -  Elimination half-life: 34 ชั่วโมง
อาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ยา
      -  ผลต่อผิวหนัง:  ผื่นแดงและคัน (< 0.5%)
      -  ผลต่อระบบทางเดินอาหาร:  คลื่นไส้ รู้สึกไม่สบายท้อง ท้องเสีย จุกแน่นท้อง และลดความอยากอาหาร (< 1%)
      -  ผลต่อระบบเลือด: พบ thrombocytopenia (ภาวะเกล็ดเลือดต่ำ) 1 รายในผู้ป่วยที่ใช้ยา 16 รายในหนึ่งการศึกษา
      -  ผลต่อตับ: พบอาจเกิดความเป็นพิษต่อตับ โดยพบมีรายงานการเพิ่มขึ้นของระดับ aminotransferases  ในเลือดในระดับต่ำ เมื่อมีการใช้ยาในขนาดสูง มีพบการใช้ในขนาด 300 mg ต่อวัน
      -  ผลต่อระบบประสาทส่วนกลาง: ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ พบน้อย
      -  ผลต่อตา: มีรายงานการเกิด photophobia (อาการกลัวแสง) ในระหว่างการใช้ Coenzyme Q10 ได้แต่พบน้อย
Drug interaction
      Coenzyme Q10 - Antithrombin III Human, Heparin, Warfarin: ลดผล anticoagulant effect มีรายงานการทำให้ระดับ INR ลดลงในการใช้ Coenzyme Q10 ในผู้ป่วยที่ใช้ยา warfarin อยู่ เนื่องจาก Coenzyme Q10 และ vitamin K2 มีโครงสร้างเหมือนกัน ดังนั้นจึงควรระมัดระวังการใช้ร่วมกัน
      รายการยาที่มีรายงานการเกิดปฏิกิริยาระหว่างกันกับ Coenzyme Q10 ได้แก่
      Acenocoumarol, Ancrod, Anisindione, Antithrombin III Human, Bivalirudin, Danaparoid, Defibrotide, Dermatan Sulfate, Desirudin, Dicumarol, Fondaparinux, Heparin, Pentosan, Polysulfate Sodium, Phenindione, Phenprocoumon, Warfarin

หมายเหตุ
     -  สำหรับการใช้ในผู้ป่วยความดันโลหิตสูงยังมีข้อมูลจำกัด มีผู้ป่วยที่เป็น essential hypertension 26 รายได้รับ Coenzyme Q10 ขนาด 50 mg วันละ 2 ครั้ง หลังจาก 10 สัปดาห์ของการรักษาผู้ป่วยมีค่าเฉลี่ยของ systolic blood pressure ลดลงจาก 164.5 เป็น 146.7 mmHg และค่าเฉลี่ย diastolic blood pressure ลดลงจาก 98.1 เป็น 86.1 mmHg การลดลงของระดับความดันโลหิตเกี่ยวข้องอย่างมีนัยสำคัญเกี่ยวกับการลด peripheral resistance แต่ไม่มีผลเปลี่ยนแปลงระดับ rennin ในเลือด, ระดับโซเดียมและโพแทสเซียมในเลือดหรือในปัสสาวะ
      -  การใช้ Coenzyme Q10 เสริมในผู้ป่วยที่มีระดับไขมันในเลือดสูง ยังมีข้อมูลจำกัด ผลการใช้ Coenzyme Q10 ร่วมกับ HMG-CoA reductase inhibitors ผลพบว่าจะทำให้ระดับ Coenzyme Q10 ในเลือดเพิ่มสูงขึ้น แต่ไม่มีผลลดระดับไขมันในเลือด
      -  มีการศึกษาแบบ Open, uncontrolled trial การใช้ใน Male infertility รับประทาน Coenzyme Q10 ขนาด 100 mg วันละ 2 ครั้ง จะช่วยเพิ่มการเคลื่อนที่ของ sperm แต่จะไม่เพิ่มระดับความเข้มข้นของ sperm หรือ morphology in infertile men with idiopathic asthenozoospermia จากการติดตามการใช้นาน 6 เดือน
      -  การใช้ใน pulmonary fibrosis พบ Coenzyme Q10 ช่วยเพิ่ม pulmonary function แต่ยังมีข้อมูลจำกัด โดยในการศึกษาใช้ Coenzyme Q10 ในผู้ป่วย COPD 21 ราย และ 9 รายในผู้ป่วย Idiopathic pulmonary fibrosis (IPF) ยาขนาด 90 mg ต่อวัน นาน 8 สัปดาห์
      -  การใช้ใน ventricular arrhythmia ยังมีข้อมูลจำกัด

ผู้ตอบ    ภญ.ปิยพร  ชูชีพ

เอกสารอ้างอิง 
   1. Hutchison TA, Shahan DR, Anderson ML.eds. Coenzyme Q10. DRUGDEX system. MICROMEDEX, Inc.,Greenwood Village, Colorado (Edition expires [2006]).
   2. http://www.kbo.moph.go.th/monday/COQ10.html
   3. http://www.pharcpa.com/interesting004.asp
   4. http://www.chiro.org/nutrition/ABSTRACTS/Role_of_Coenzyme_Q10_Pt_II.shtml

August 22, 2011

หนุ่มอันตรายที่ไม่ควร คว้ามาเป็นแฟน

การวิเคราะห์กันไปต่างๆนานา ว่าสาเหตุที่ผู้หญิงสมัยนี้หาแฟนได้ยากเย็นแสนเข็ญนั้น เนื่องจากสาวๆมัวแต่ยุ่งกับงาน มีงานรัดตัวกันเหลือเกิน (จนถูกแซวว่าแต่งกับงานไปแล้ว) ขณะเดียวกัน พวกเธอก็รับผิดชอบในหน้าที่การงานจนประสบความสำเร็จ ซะด้วย ดังนั้น เมื่อมีงานยุ่งและมีเวลาส่วนตัวน้อยลง แล้วจะเอาเวลาที่ไหนไปมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นๆล่ะ เหตุนี้จึงหาแฟนกันไม่ค่อยได้ไง<br /><br />ฟังดูมีเหตุผลดี เพราะสมัยนี้ผู้หญิงมีโอกาสเจริญเติบโตในหน้าที่การงาน โดยอาศัยความรู้ความสามารถของตัวเองไต่เต้าจนได้ดิบได้ดีเป็นผู้บริหารของสถาบันต่างๆ ทั้งในระดับโลกและระดับประเทศกันเยอะ ยกตัวอย่าง นางคริสติน ลาการ์ด กรรมการผู้จัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือไอเอ็มเอฟ และเป็นอดีตรัฐมนตรีคลังของฝรั่งเศสก็แล้วกัน ท่านได้รับตำแหน่งนี้ หลังจากที่นายโดมินิค สเตราส์-คานห์ จำใจลาออกจากตำแหน่งบิ๊กไอเอ็มเอฟ เมื่อถูกดำเนินคดีในข้อหาละเมิดทางเพศแม่บ้านของโรงแรมสุดหรูไงล่ะ<br /><br />ส่วนไทยก็มีนายกรัฐมนตรีที่เป็นผู้หญิงคนแรกในประวัติศาสตร์ ด้านออสเตรเลียก็มีนายกฯที่เป็นหญิงเหมือนกันชื่อจูเลีย กิลลาร์ด หรือจะหันไปมองทางฝั่งอเมริกา นางฮิลลารี คลินตัน ก็เป็นรัฐมนตรีต่างประเทศได้เหมาะสม ที่เล่ามาล้วนเป็นตัวอย่างของผู้หญิงเก่ง สมควรที่แฟ้มบุคคลขอตบมือให้ เย้ๆๆ<br /><br />อย่างไรก็ตาม เมื่อสาวๆไม่ค่อยมีเวลาว่าง จึงเท่ากับไปตัดโอกาสการหาคู่มาเชยชมของตัว-เองไปด้วย แต่แม้จะมีปมที่ทำให้หาแฟนยาก ทว่าผู้หญิงหลายคนก็พอใจกับ “ชีวิตที่ไม่เร่งรีบ” มีแฟนของพวกเธอนะ อ่ะก็จะไปรีบทำไมในเมื่อมีงานมีการทำสามารถหาเลี้ยงตัวเองได้ จึงค่อยๆมองหาคู่ชีวิตที่มีคุณสมบัติเหมาะสมมาครองคู่ก็ได้<br /><br />เพราะการมีงานทำเป็นของตัวเองของผู้หญิงนั้น...ยุคนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่และมีความสำคัญที่ควรจะคว้าไว้ก่อน ส่วนแฟนน่ะ เมื่อถึงเวลา เหมาะสมก็จะเข้ามาในชีวิตของพวกเธอเองแหละ<br /><br />ยิ่งสมัยนี้คู่รักยิ่งกลายเป็นคู่ร้างกันอย่างง่ายดาย ดังนั้น จึงควรพิจารณาคนที่จะมาเป็นแฟนให้ถี่ถ้วนก่อนดีกว่า ไม่ใช่รีบมี แล้วก็รีบเลิกก็ไม่เก๋ใช่ปะ เหตุนี้ ถ้าสาวใดอยากมีแฟน จึงควรกลั่นกรอง “คนที่มาจีบคุณ” ซะก่อนว่า มีคุณสมบัติต้องห้ามตามที่จะเล่าให้ฟังดังต่อไปนี้ไหม ถ้าหากมีละก็ แล้วคุณจะคว้าเขามาเป็นแฟนทำไมล่ะยะ ได้แก่....<br /><br />1.มีประวัติใช้ความรุนแรงรึเปล่า?<br /><br />ลองเช็กซะหน่อยก็ดีนะว่า คนที่มาจีบคุณ เคยมีส่วนร่วมในกลุ่มที่ไปยกพวกตีกันมาก่อนหรือเปล่า? ถ้าหากสมัยวัยรุ่นวัยคะนองยังเคยถูกพวกมากลากไปต่อยตีกับศัตรูฝั่งตรงข้ามแล้วล่ะก็ คุณอยากจะเป็นแฟนเขาไหมล่ะ? เออถ้ามีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงนิสัยไปแล้วก็ว่าไปอย่าง แต่ถ้าเผื่อทุกวันนี้ หากเขาโมโหขึ้นมาเมื่อไหร่เป็นต้องไล่เตะหมา เตะแมว หรือชอบขว้างข้าวของใส่คนที่เขาไม่ชอบขี้หน้า แล้วถ้าขืนไปเป็นแฟนเขาเข้า คุณจะเป็น “สีทนได้” อย่างงั้นหรือ? ถามตัวเองหลายๆครั้งก่อนแล้วค่อยตัดสินใจก็ได้<br /><br />2.เขามีความรับผิดชอบหรือไม่?<br /><br />สมัยที่เขาเรียนหนังสือมีความขยันขันแข็งศึกษาค้นคว้าจนสามารถเรียนจนจบได้ปริญญาตามเวลามาตรฐานสากลไหม โดยปกติทั่วๆไปนักศึกษาจะใช้เวลาเรียนในมหาวิทยาลัย ประมาณ 4 ปีจบ แต่ถ้าเขาไม่จบตามหลักสูตรที่ควรจะเป็น เอ๊ะ...แล้วทำไมเขาถึงจบช้ากว่าคนอื่นล่ะ เป็นเพราะไม่ตั้งใจเรียนหรือเปล่า? หรือว่าจำเป็นต้องออกมารับผิดชอบหางานทำกันแน่?<br /><br />ถ้าเขาต้องเรียนและทำงานไปด้วยเพราะรับผิดชอบค่าเล่าเรียน ด้วยตัวเองก็แล้วไป แต่ถ้า ไม่ใช่ เพราะพ่อแม่ก็ไม่ได้จน เอ๊ะ งั้นเป็นเพราะเขาเกเรไม่ยอมเข้าห้องเรียนใช่ไหม ของพรรค์นี้ต้องสอบถามกันก่อน<br /><br />อย่างไรก็ตาม บางคนอาจโต้แย้งว่า ตอนสมัยที่ยังเรียนหนังสืออยู่กับช่วงที่คนเราเป็นผู้ใหญ่ และทำงานแล้วน่ะ มันอาจจะเป็นหนังชีวิตคนละม้วนกันก็ได้ เพราะประเภทเรียนไม่จบมหา’ลัย แต่เป็นมหาเศรษฐี ระดับโลกอย่างบิล เกตส์ เจ้าพ่อไมโครซอฟท์ หรืออย่างมาร์ค ซัคเกอร์เบิร์ก เจ้าพ่อเฟซบุ๊ก ก็มีนี่ ซึ่งนั่นก็จริงอยู่หรอกนะ แต่หันมาดูให้ดีๆสิว่า ตอนนี้คุณเดทอยู่ กับบิล เกตส์ หรือมาร์ค ซัคเกอร์เบิร์กหรือเปล่าล่ะ? อู้ย...ถ้าควงอยู่กับหนุ่มที่แสนฉลาดและมีอัจฉริยะระดับโลกขนาดนั้น ก็แล้วไปดิ่<br /><br />3.มีความเป็นแมนมากน้อยแค่ไหน? เพราะบางคนแอ๊บแมนไปงั้นก็มีนี่<br /><br />แค่อยากให้สังเกตว่า เขาเป็นผู้ชายจริงหรือว่ามีความเป็นหญิงอยู่ในตัวมากกว่ากันเท่านั้นเอง เนื่องจากที่ผ่านมา ผู้หญิงบางคนจะถูกเกย์หลอกให้เป็นแฟนด้วยเพื่อปิดบังอำพรางตัวตนที่แท้จริงในสังคม แล้วก็ไปแอบมีสัมพันธ์นัวเนียกับเพศเดียวกัน จนทำให้สาวๆที่ตกเป็นเหยื่อน้ำตาตกในมานักต่อนักแล้ว เพราะสาวๆสุดสวยอย่างคุณๆ ทั้งหลายไม่ควรที่จะตกเป็นเหยื่อหรือเครื่องมือของใครเพื่อปิดบังรสนิยมทางเพศที่แท้จริง จริงมะ<br /><br />อย่างไรก็ตาม ความเป็นแมนของเขา ก็ควรจะมีลักษณะของความเป็นสุภาพบุรุษมากกว่าจะเป็นคนดิบเถื่อน, โหดร้ายทารุณ หรือโชว์ ความเป็นแมนในทางที่น่าเอือมระอานะ<br /><br />อ้อ เพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่ามีตัวอย่างจะเล่าให้ฟังว่า มีสามีภรรยาคู่นึง แต่งงานและจัดพิธีสมรสอย่างเอิกเกริก อยู่ด้วยกันก็ดีอยู่หรอก แต่พอมีลูกด้วยกันคนนึงแล้วสิ สามีก็อ้างว่าต้องทำงานล่วงเวลาหรือทำโอทีเพื่อจะได้หาเงินเพิ่มขึ้นมาเลี้ยงลูก ฝ่ายภรรยาก็ดีใจที่สามีขยันขันแข็งทำมาหากิน แต่เมื่อขยันออกนอกบ้านถี่เกินไป ภรรยาก็เริ่มวิตกว่าเขาจะไปมีอีหนูซุกไว้รึเปล่า? เพราะพฤติกรรมมันส่อแสดงนี่ว่าเขาต้องมีคนอื่นแน่ๆ จนโป๊ะเชะจับได้ไล่ทันว่าเขามีกิ๊กจริงๆ แต่กิ๊กที่ว่าดั๊นเป็นเพศเดียวกันกับเขาซะด้วย!<br /><br />คงไม่ต้องบรรยายว่า ฝ่ายภรรยาจะชีช้ำขนาดไหน แต่ทำยังไง้ ยังไงเธอก็ไม่ด่วนแยกทางกับเขาหรอก ทำไมน่ะเหรอ? เพราะเธอบอกว่า ทำใจรับสภาพกับการเป็นเกย์ของเขาได้ และเปลี่ยนไปเป็นเพื่อนกันแทน เพราะเขาเป็นคนดี, มีความรับผิดชอบต่อครอบครัว, รู้จักเทกแคร์เอาใจใส่ และที่ฝ่ายหญิงมองว่าเรื่องการมีเพศสัมพันธ์กันเป็นเรื่องเล็ก จึงทำใจได้ และคิดว่าตัวเองโชคดีกว่าไปคบกับชายแท้แต่ไม่ทำงานทำการ แถมยังติดเหล้าเคล้านารีและยังชอบไถเงินน่ะซี เออแนะ...<br /><br />ได้ยินแบบนี้แล้วก็น่าเก็บมาคิดเหมือนกันเนอะ.<

August 15, 2011

ลางร้ายบอกเหตุ

ลางร้ายบอกเหตุ ควรระวัง!
1. สุนัขวิ่งอยู่บนที่สูงหรือบนหลังคาบ้าน แล้วทำท่าขู่คำราม
2. ความสัมพันธ์ของคนภายในบ้านดูมึนตึง ห่างเหินผิดปกติ พูดจากันน้อยลง เป็นลางว่าจะมีเหตุร้ายในครอบครัวเกิดขึ้น
3. ของในบ้านแตกร้าว หรือถูกย้ายที่ออกมาวางเกะกะอย่างไม่ทราบสาเหตุ
4. คนในบ้านสนใจที่จะพูดคุยกับคนข้างนอกมากกว่า เป็นลางไม่ดี บ่งบอกถึงความแตกแยก
5. ไม่เคยได้ร่วมโต๊ะอาหารกันพร้อมหน้า หรือไม่ได้รับประทานข้าวพร้อมหน้ากันเป็นเวลานาน เป็นลางแห่งความแตกแยก
6. ตัวอยู่ในบ้าน แต่ใจกลับคิดถึงเรื่องที่อยู่นอกบ้าน เป็นลางไม่ดี เกี่ยวกับความแตกแยกและล่มสลายของครอบครัว
7. ขณะนอนตอนกลางคืน รู้สึกเหมือนมีคนมายืนใกล้ๆ หรือรู้สึกเหมือนถูกแมลงมาไต่ตามตัว
8. เป็นลางไม่ดี ถ้าได้ยินคนที่จะออกไปทำธุระพูดจาเหมือนจะฝากฝัง หรือส่งเสีย ก่อนออกจากบ้าน
9. เตาไฟที่ไม่ได้ใช้งานแล้ว มีเห็ดขึ้นมา เป็นลางไม่ดี
10. มีงูพิษเข้ามาขดอยู่ในบ้านหรือบนหลังคา
11. มีหนูเข้ามาทำรังในเตาไฟ
12. สัตว์เลี้ยงในบ้านทุกชนิด มีอาการแปลกๆ ไป อยู่ไม่เป็นสุข ตื่นตระหนก เป็นลางไม่ดีอย่างมาก ควรรีบไปทำบุญสะเดาะเคราะห์
13. มองเห็นแสงสว่างจากในห้อง แต่เมื่อเดินไปดูกลับไม่เห็น
14. พบปลวกมาทำรังที่ใต้บันได ในห้องพระ ห้องนอน หรือบนเตาไฟ ถือว่าเป็นลางร้าย ควรระมัดระวังให้มากและไปทำบุญสะเดาะเคราะห์
15. มองเห็นเหมือนมีคนเดินในห้อง แต่กลับไม่พบใครเมื่อเดินไปดู
16. ของมีคมถูกปล่อยไว้ให้ทื่อ หรือที่ด้ามจับของมีคมนั้นๆ หักหลุดออก
17. เห็นเหมือนมีคนเดินอยู่ตามพุ่มไม้ในบ้าน แต่เมื่อเดินไปดูกลับไม่พบอะไร
18. ได้ยินเสียงคนพูดอยู่ในบ้าน ในห้อง แต่มองไม่เห็นใคร ถือว่าเป็นลางไม่ค่อยดีนัก
19. ได้ยินเสียงใบไม้พัดไหวๆ ทั้งๆ ที่ไม่มีลมพัด
20. ปล่อยเตาไฟหรือเตาแก๊สทิ้งไว้เฉยๆ โดยไม่ได้ใช้งานเป็นเวลานาน
21. ดับไฟในเตาถ่านเรียบร้อยแล้ว แต่กลับลุกโชนขึ้นมาเอง
22. สุนัขมาออกลูกในเตาไฟ
23. มีนกแสก นกเค้าแมว เหยี่ยวหรือค้างคาว บินเข้ามาในบ้านหรือเกาะบนหลังคา
24. หยิบกระเป๋าที่ก้นขาดมาใช้
25. ใส่เสื้อกลับด้านออกจากบ้าน แต่มีคนทักก่อนออกจากบ้าน เป็นลางไม่ดี ควรอยู่บ้าน
26. ก่อนออกจากบ้าน มีคนมายืนกางแขนกางขาขวางทางออกบ้านด้วยความบังเอิญ
27. ถือว่าเป็นลางไม่ดี เมื่อหยิบกุญแจรถผิดคันก่อนออกจากบ้าน
28. ถือว่าเป็นลางไม่ดีเช่นกัน เมื่อหยิบกุญแจประตูบ้านผิดดอกมาไขก่อนออกจากบ้าน ควรอยู่บ้านดีกว่า
29. จำสถานที่ที่จะไปผิด แล้วค่อยมานึกขึ้นได้ระหว่างทาง ถือว่าไม่ค่อยดีนัก
30. กำลังจะออกจากบ้าน แต่พบว่านาฬิกาข้อมือตาย
31. เป็นลางร้ายเมื่อกำลังจะออกจากบ้านและพบเห็นหยดเลือด
32. ควรอยู่บ้านดีกว่า ถ้าหากว่ากำลังจะก้าวเท้าออกจากประตูแล้วสะดุดหกล้ม
33. เหยียบแมลงหรือสัตว์ตายเมื่อกำลังจะออกจากบ้าน
34. เป็นลางร้ายเมื่อกำลังผูกเชือกรองเท้าแล้วขาด ขณะที่จะใส่เพื่อออกจากบ้าน
35. คนในบ้านทักตัวคุณเป็นอีกคนหนึ่ง ก่อนออกจากบ้าน ถือว่าลางไม่ดี ควรอยู่บ้าน
36. ไม่ว่าจะทำสิ่งใดอยู่ แต่ได้ยินเสียงไม้กระดานลั่นแตก เป็นลางไม่ดี
37. ก่อนออกจากบ้าน มีของตกลงมาตรงหน้าหรือใกล้ๆ เป็นลางไม่ดี
38. จะเอาสตางค์หรือเหรียญใส่กระเป๋าสตางค์ และพบว่ากระเป๋ารั่ว ควรอยู่บ้านไม่ออกไปไหน
39. กำลังจะออกจากบ้าน แล้วโดนแมลงกัดหรือต่อย ให้ล้มเลิกแล้วอยู่บ้านดีกว่า
40. เห็นหน้าคนที่มาพบตัวคุณ แล้วผงะตกใจโดยไม่ได้ตั้งใจ ถือว่าเป็นลางร้าย
41. สวมรองเท้าแล้วรู้สึกว่ามีของแข็งอยู่ด้านใน ให้รีบถอดออก แล้วอยู่บ้าน
42. เป็นลางร้ายเมื่อจะออกจากบ้านแล้วสวมรองเท้าผิดคู่ หรือใส่ถุงเท้ากลับด้านในออกด้านนอก
43. นาฬิกาที่ฝาบ้านหยุดเดิน ก่อนออกจากบ้าน ควรหยุดอยู่บ้านจะดีกว่า
44. กำลังจะก้าวเท้าออกจากบ้าน แล้วถูกงับขาหรือชายเสื้อผ้าด้วยสุนัขที่เลี้ยงไว้ กลับเข้าบ้านโดยด่วน
45. ขณะที่จะออกจากบ้าน ทำของที่จะเอาไปด้วยหล่น เป็นลางไม่ดีนัก ถ้าไม่จำเป็นควรอยู่บ้าน
46. กำลังจะออกจากบ้าน แล้วมีคนมาทำให้ข้าวของเปียกหรือเลอะเทอะเสื้อผ้า ถือว่าเป็นลางไม่ดี ถ้าไม่มีการใดควรอยู่ บ้าน
47. เป็นลางร้ายถ้าหากว่ามีงูเลื้อยตัดหน้าขณะที่เดินอยู่
48. หยิบรองเท้าแล้วใส่สลับข้างโดยไม่ตั้งใจ ถือว่าเป็นลางไม่ดี ควรอยู่บ้าน
49. เป็นลางร้ายที่ค่อนข้างหนัก เมื่อเห็นคนที่รู้จักเดินอยู่ข้างหน้า แล้วจะเดินตามไปทักให้ทัน แต่กลับหายไป
50. เหมือนรู้สึกว่ามีใครเดินตามมาข้างหลัง แต่พอเหลียวหลังไปดูกลับไม่พบใคร เป็นลางไม่ดีนัก
51. เดินทางกลับบ้าน ด้วยใจเหม่อลอย แล้วหลงทาง นับว่าเป็นลางไม่ดี
52. ขณะที่กำลังเดินทาง มีสัตว์วิ่งสวนมาชนด้านหน้า เป็นลางไม่ดีให้รีบกลับที่พัก

refer Sanook.com  Payakorn.com

August 14, 2011

เรียนรู้ผู้ชายจากเดทแรกของเขา

มีคนเคยพูดให้ได้ยินว่า ถ้ามนุษย์มีเซ็กซ์กันบ่อยๆ (ออกกำลังกันบนเตียง) มีส่วนช่วยทำให้น้ำหนักลดลงได้นะเอ้า ฟังดูก็น่าจะเป็นไปได้ แต่เอ๊ะ พอไปอ่านอีกบทความหนึ่ง กลับบอกตรงกันข้าม ว่า ยิ่งมีเซ็กซ์กันบ่อยมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้ผู้หญิงนั่นแหละที่จะอ้วนท้วนสมบูรณ์ซะมากกว่า เพราะหลังจากการเอ็กเซอร์ไซส์ได้ออกกำลังวังชา ที่แหงล่ะ... มีการเผาผลาญแคลอรีก็จริง แต่สิ่งที่ตามมาหลังจากนั้นก็คือจะทำให้หิว, กระหายและหันไปรับประทานอาหารเยอะขึ้นน่ะซี จึงเป็นที่มาของน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นได้นั่นเอง
แต่ว่าไหมว่า สาวที่มีแฟนแล้ว โดยเฉพาะตอนเพิ่งรักหรือจีบกันใหม่ๆ เธอมักจะถูกแฟนหนุ่มชวนให้ทานนั่นทานนี่ ทานอะไรต่อมิอะไรสารพัด เพราะโห ช่วงที่เพิ่งจีบกันก็มักจะชวนกันไปทานข้าว ทานขนม ทานนม ทานน้ำ ทานกาแฟ และทานเค้กที่ร้านเบเกอรี่กันอยู่เรื่อย เนื่องจากอยากนัดเจอไง ก็แหมทนคิดถึงไม่ไหว จึงมักชวนกันไปทานข้าวบ่อยๆ แล้วถ้าเกิดฝ่ายหญิงบอกว่า ไม่กินด้วยหรอก... มันก็กระไรอยู่ จะให้ไปนั่งเฉยๆ ดูเขากินก็ประหลาดคน ส่วนฝ่ายชายน่ะไม่ต้องห่วงเพราะเรื่องกินเป็นเรื่องสำคัญสุดยอดของเขาอยู่แล้ว
ดังนั้น ตอนแรกรักจึงอาจเป็นที่มาทำให้น้ำหนักของผู้หญิงเพิ่มขึ้นได้ง่ายที่ซู้ด อีกอย่างตอนจีบกัน ฝ่ายชายก็มักทุ่มเทให้สาวๆกันอยู่แล้ว อู้ย...เอาใจสารพัด เพราะอยากจะพิชิตใจสาวให้ได้จึงทุ่มไม่อั้น ฉะนั้น ถ้าสาวๆกำลังหมายตาอยากได้อะไร ก็ควรบอกเขาตอนนี้เลย เช่น เพชรนิลจินดา, บ้านพร้อมที่ดิน, รถสปอร์ตคันหรู...เอ้ย ไม่ใช่ ที่พูดไปเมื่อกี้น่ะพูดเล่น ใครจะไปเรียกร้องเอาของราคาแพงๆขนาดนั้น มันเว่อร์ไป
แค่ว่า อยากไปทานอะไร ที่ไหน? แล้วรับรอง เขาพาไปได้ แม้จะไกลแค่ไหนก็ตามดีกว่า
และเนื่องจากมีเสียงของสาวๆบ่นกันมากว่า ไม่ค่อยเข้าใจผู้ชายเอาซะเลย เพราะมีวันนึง น้องปูพูดแซวแฟนของเธอว่า โถ... หัวไม่ล้านซะหน่อย แต่ใจน้อยซะแล้ว! ปูยืนยันว่า พูดแค่นี้จริงๆ แต่แฟนของเธอกลับงอนและไม่ยอมโทรศัพท์มาหาตั้งหลายวัน จนเธอเป็นฝ่ายโทร.ไปง้อโน่นแน่ะ ถึงได้ยอมพูดด้วย ปู บอกว่า จริงๆนะคะ ไม่ได้ชวนทะเลาะกันเรื่องอื่นเลย แค่พูดเรื่องหัวล้าน ไม่ล้านเท่าเนี้ยะ ทำไมต้องงอนกันด้วย “ผู้ชายก็งอนเป็นด้วยเนอะ” ...อ้าว แล้วไม่รู้เรอะว่า ผู้ชายก็งอนเป็นเหมือนกันน่ะซี
โดยทั่วไป คนเราจะไม่ค่อยซีเรียสกับคำพูดคำจาของใครๆก็จริงอยู่ แต่ถ้าเป็นคนที่ใกล้ชิดกันแล้ว คำพูดคำจาที่ใช้สื่อสารกันนี่สำคัญนักเชียว แต่เอ๊ะ ผู้ชายจะไม่ค่อยคิดอะไรหยุมหยิมนะ ทว่านี่คงเป็นคำพูดของแฟนสาวที่ไปจี้ใจดำเขาเข้าละมั้ง หนุ่มบางคนจึงไม่พอใจเอาได้
ว่ากันตามหลักจิตวิทยาละกัน ผู้ชายจำนวนมากจะให้ความสำคัญและสนใจ “ผมบนศีรษะ” ของเขานะ และสิ่งที่เขากลัวก็คือ การมีสภาพเป็นคนหัวเถิกหรือศีรษะล้านนั่นเอง แม้สมัยนี้หนุ่มบางคนจะนิยมโกนผม เพื่อให้ศีรษะล้านแบบจงใจ ดูอย่างแบรด พิตต์ ดาราฮอลลีวูดก็เคยตัดผมเกรียนติดหนังศีรษะ สมัยรับแสดงหนังเรื่อง มิสเตอร์ แอนด์ มิสซิส สมิธไงจำได้มะ แต่ด้วยความที่แบรด พิตต์เป็นคนหล่อขั้นเทพตัวพ่อ และมีสาวๆชอบกันตรึม เหตุนี้การมีผมน้อยของเขาจึงไม่ได้ทำให้เสียภาพลักษณ์แต่อย่างใด หนำซ้ำยังทำให้ตัวเองดูเก๋ไปอีกแบบซะด้วย ข้อดีของคนหล่อก็เป็นแบบนี้แหละ
ทว่า ผู้ชายหน้าตาธรรมดาหรือหน้าตางั้นๆจะไม่ค่อยอยากมีผมน้อยนะ บางคนแค่ผมเปลี่ยนสียังไม่ได้ ต้องไปย้อมเลย แถมรู้สึกเป็นกังวลว่าผมจะหลุดร่วงก่อนวัยอันควรจนส่งผลทำให้เซ็กซ์เสื่อมซะอีก!
มาทำความรู้จักกับผู้ชายในเดทแรกกันซะเลย เพราะคนสองคนจะชอบและรักกันหรือเปล่า ก็ต้องผ่านเดทแรกนี้ไปก่อนทั้งนั้นแหละ ต่างฝ่ายจึงจะรู้ว่า ควรคบกันต่อไปหรือไม่?ไงล่ะ
ดังนั้น 1.ถ้าเขาชวนสาวไปเดทด้วยการนัดกันไปเจอที่ผับหรือบาร์ ละก็...ท่าทางเขาจะขี้เมาแฮะ ถึงได้นัดที่นั่น เพราะปกติจะไม่ค่อยมีใครนัดกันไปเดทครั้งแรกในสถานที่แบบนี้ ยกเว้นแต่เจอกันในนั้นตั้งแต่แรก...ก็แล้วไป และเป็นไปได้มากซะด้วยที่หนุ่มสาวจะไปเจอแล้วทำความรู้จักกันตามผับ อ่ะ เพราะที่นี่มีคนมากหน้า หลายตาไปแสวงหาการพักผ่อนและความสนุกนี่นา ซึ่งถ้าเจอกันในผับก็ไม่เป็นไร คุยกันได้ จีบกันได้ แต่ดูให้ดีๆและถี่ถ้วนก่อนล่ะว่า คนที่เขาส่งตาหวานไปให้นั้นไม่มีเจ้าของมาด้วย เพราะมิฉะนั้น แทนที่จะได้รู้จักกันอาจจะโดนของแถมเป็นกำปั้นกลับมาแทนก็ได้
ถ้าคิดจะไปเดทกันละก็ น่าจะชวนกันไปนั่งร้านอาหารหรือร้านขายกาแฟมากกว่านะ เพราะพวกคุณจะได้มีสมาธิพูดคุยและทำความรู้จักกันด้วย ขณะที่ฝ่ายชายไม่ควรเมาแอ๋ตั้งแต่เดทแรก อู้ย...ถ้าส่ออาการติดเหล้าหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ให้เห็นกำพืดกันตั้งแต่แรกแล้วละก็ ฝ่ายหญิงคงคิดหนักเหมือนกันนะว่าจะคบกับเขาดีไหม? แต่ถ้าเจอคนแบบเดียวกันแถมยังคอแข็งเหมือนกัน ก็โป๊ะเชะเลยดิ
2.ถ้าเขาถามคำถามแรกตั้งแต่เจอหน้ากันว่า คุณเคยมีแฟนมาแล้วกี่คน?
แสดงว่า เป็นคนช่างสอดรู้ สอดเห็น...เอ้ย ช่างซักไซ้ไล่เลียงและอยากรู้เรื่องสำมะคัญของคนที่ออกเดทด้วยมากไปหน่อยนะ จะถามน่ะถามได้ แต่ขอให้คำนึงถึงความเหมาะสมกันซะนิดนึง
โอ้โห...ถ้าเพิ่งรู้จักกันแต่พอเปิดปากจะพูดจาสานรักก็ถามเรื่องแฟนเก่ากันแล้วละก็ ระวังจะเจอคำถามเดียวกันนี้กลับไปถึงตัวเองนะเอ้า ถ้าพร้อมจะเปิดเผยก็ดีจ้า แต่ไม่สมควรถามเป็นคำถามแรกเท่านั้นแหละ อดใจรอไว้ถามทีหลังก็ได้นะตัวเอง เพราะไม่งั้นคนฟังจะรู้สึกว่า เรื่องแฟนเก่าของชั้นนั้นมันสลักสำคัญกับการจะเลือกคบคนมาเป็นแฟนของเขาหรือไง? ถึงได้อยากรู้นัก แหมใครไม่เคยมีแฟนมาก่อนละยะ
เพราะมารยาทของผู้ที่ออกเดทแรก ไม่ควรทำให้อีกฝ่ายอึดอัดใจกับคำถามที่เจาะลึกเกินไปน่ะซี
3.ถ้าเขาพูดชมคู่เดทบ่อยครั้ง ถือเป็นสัญญาณที่ดี เพราะถ้าไม่ชอบก็คงไม่อยากออกเดทด้วย แต่เขาจะชื่นชมสาวเจ้าด้วยเหตุผลใดนั้น ควรรับฟังเอาไว้ โถ...ใครบ้างไม่อยากรู้ว่าเขาชอบเราเพราะอะไร? ว่าแต่ขอให้เขาชมอย่างจริงใจเถอะ ไม่ใช่ สักแต่อยากชมก็พูดไปอย่างงั้น แต่ใจจริง ไม่ได้คิดตามที่ปากพูดซะหน่อย แต่ที่ชมเพราะกลัวสาวจะไม่เล่นด้วยต่างหาก คงไม่ดีแฮะ แต่ได้รู้อย่างนึงนะ ว่าเขาเป็นคนปากหวาน ส่วนจะปากหวานก้นเปรี้ยวรึไม่? ก็ต้องเปิดทางให้เขาจีบก่อนสิ

ไทยรัฐ
เมอร์ลิน

August 12, 2011

August 11, 2011

Quote เราสองสามคน

คือผมชอบน้องเค้านะ แต่ไม่รู้ว่าน้องเค้าอะชอบผมเหมือนกันรึเปล่า ถ้าเค้าชอบผมอย่างที่ผมคิด? แต่ผมไม่ไปจีบเค้าเนี่ย ผมก็ผิด แต่ถ้าน้องเค้าไม่ได้ชอบผม แต่ผมไปจีบเค้า ผมก็ผิด มีใครมีประสบการณ์ทางด้านนี้ ช่วยชี้เป้าให้ผมทีได้มั้ยครับ" โดนนนนนน



"บอกไม่ถูกเลยว่ารู้สึก ดีใจสักเท่าไร
มากแค่ไหนก็ไม่รู้ คนคนเดียวที่ฉันเฝ้ารอ
กลับมาเห็นเขาอยู่ข้างข้างฉัน ใช่เธอจริงๆ"

การใช้งานปิด- เปิด EDGE/GPRS

หากใช้งานเสร็จแล้วยังมีสัญลักษณ์เชื่อมต่อค้างอยู่ แนะนำให้ลองปิดเปิดเครื่องใหม่ทีนึงครับ
หรืออีก 1 วิธีดีๆในการปิด-เปิดการเชื่อมต่อผ่านระบบด้วยตัวเองง่ายๆกับบริการ Bar GPRS
+ ตรวจสอบสถานะการใช้งานปิด- เปิด EDGE/GPRS : *129# โทรออก
+ ปิดการใช้งาน EDGE/GPRS (Bar) : *129*1# โทรออก
+ เปิดการใช้งาน EDGE/GPRS (Unbar) : *129*2#  โทรออก
เพียงเท่านี้ก็ใช้งานได้อย่างสบายใจแล้วนะครับ
และไม่ต้องการใช้งาน dtac internet สามารถ
ปิด - เปิดสัญญาณการใช้งาน เพียงกดที่มือถือ ดังนี้ค่ะ
      >>> ปิดสัญญาณ dtac internet      :: กด *104*7*2# โืทรออก
      >>> เปิดสัญญาณ dtac internet     :: กด *104*7*1# โืทรออก
        หมายเหตุ :: การทำรายการดังกล่าวจะมีผลภายใน 1 ชั่วโมงหรือหลังจากที่ได้รับ SMS และจะไม่สามารถใช้งาน รับ - ส่ง MMS ได้นะคะ
  เพิ่มเติมอีกนิดนะคะ ^^ :: หากต้องการสอบถามเกี่ยวกับการตั้งค่าที่ตัวเครื่องสามารถติดต่อ Nokia care link ที่เบอร์ 02-255-2111
เวลา 08.00 - 20.00 (ทุกวัน) ค่ะ

10 อาการสดุด รักของ ผู้ชาย

ชมรม Romance โดย the_doctor
การที่ผู้หญิงเกิดมาเป็นเพศที่ช่างพูดนั้นมักจะทำให้รู้ว่าผู้หญิงกำลังคิดอะไรอยู่ ขณะที่ผู้ชายกลับเป็นเพศที่พูดน้อยกว่า การอ่านใจผู้ชายนั้นจึงยากกว่าผู้หญิงเยอะ ถ้าอยากจะรู้ว่า "ชายคนนั้น" กำลังตกหลุมรักคุณอยู่หรือเปล่า ให้สังเกตอาการต่อไปนี้

1. ถ้าปกติเขามักจะขึ้เกียจโทรศัพท์คุยกับเพื่อนๆ แม้ว่าจะมีโปรโมชั่นมือถือราคาพิเศษก็ตาม แต่ถ้าเขาโทรศัพท์มาพูดคุยกับคุณตลอดวัน ชัดเลยว่าคุณเริ่มเป็นคนพิเศษสำหรับเขาแล้ว
2. หนุ่มบ้างานที่เลิกงานเกือบเที่ยงคืนทุกวัน กลับยอมละมือจากงาน และพร้อมที่จะเอางานกลับไปทำที่บ้านในวันหยุด เพียงเพื่อจะไปกินอาหารเย็นกับคุณ
3. หนุ่มที่ติดเพื่อนอย่างเขา ชอบที่จะไปเฮฮากับเพื่อนกลุ่มใหญ่ แต่แล้วเขากลับพบว่าตอนนี้เพื่อนฝูงกลายเป็นส่วนเกินเมื่อเขาอยู่กับคุณ
4. เขาทำท่าอยากจะอยู่ใกล้ชิดกับคุณตลอดเวลา เรียกได้ว่าวันๆ ตั้งตารอที่จะได้พบหน้าคุณ ไม่สนใจอะไรอื่นเลยนอกจากสองเราเท่านั้น เพื่อพิสูจน์ว่ารักแท้แม้ระยะทางก็ไม่เป็นอุปสรรค เขาอุตส่าห์ดั้นด้นโหนรถเมล์จากรังสิตมาสีลม เพียงเพื่อที่จะมาฟังเสียงหวานๆ ของคุณเท่านั้น
5. ผู้ชายที่กำลังอยู่ในความรัก ต่อให้เดินชนกับผู้หญิงสวยเซ็กซี่แค่ไหนก็ไม่เกิดอาการร้อนวูบวาบ ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่แค่เห็นผู้หญิงสวยเดินผ่านหัวใจก็จะบินตามก้นเธอไปแล้ว
6. เรื่องของบุพเพอาละวาด ที่เพียงสบสายตากับคุณปั๊บ คลื่นแห่งความรักมันวิ่งตรงจากดวงตาไปหาหัวใจที่ีเดียว อาการนี้เรียกว่าสะดุดเข้ากับความรักอย่างจังทีเดียว
7. แม้ว่าคุณจะเป็นหญิงสาวที่แปลก หรือทำอะไรแตกต่างไปจากคนอื่นๆ (หรืออาจต๊องในสายตาคนทั่วไป) แต่สำหรับเขาแล้ว ความบ้าบอกความเป็นเสน่ห์ในตัวคุณที่กระตุ้นให้เขาลุ่มหลงอย่างถอนตัวไม่ขึ้น
8. เขาใส่ใจคุณเป็นพิเศษ แม้หญิงอื่นหมื่นแสนจะเป็นใครมาจากไหน เขาก็ไม่สน แต่สำหรับคุณแล้ว เขาอยากรู้ทุกเรื่องที่เป็นคุณไม่ว่าจะเป็นอะไร จะคิดอะไร หรือมีอะไรที่จะทำให้คุณยิ้มได้เขาจะรีบทำทันที
9. เขาคิดถึงคุณทุกนาที คุณเท่านั้นที่อยู่ในห้วงแห่งความคิดถึงโดยไม่มีเหตุผล บางครั้งเขาอาจจะคิดเล่นๆ ว่าคุณคิดถึงเขาสักครึ่งหนึ่งที่เขาคิดถึงคุณอยู่หรือเปล่า แม้หลับก็ยังฝันว่าได้อยู่เคียงคู่กัน พอตื่นก็เรียกหา เป็นเอามากขนาดนี้ชัวร์เลย
10. ตั้งแต่พบกับคุณนั้น เขาลืมความเจ็บปวดกับแฟนเก่าเสียสนิท และเริ่มมีคุณเข้ามาแทนที่ในหัวใจอันเคยบอบช้ำมาก่อน

August 08, 2011

แคลเซียม

แคลเซียม
นพ. พนมกร ดิษฐสุวรรณ์ ( หมอหมู )ศัลยแพทย์ออร์โธปิดิกส์

phanomgon@yahoo.com

http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=29-02-2008&group=4&gblog=19
โรคกระดูกพรุนหรือกระดูกโปร่งบาง จะมีปริมาณเนื้อกระดูกลดลง และ โครงสร้างภายในของกระดูกเปลี่ยนแปลง ทำให้ความแข็งแรงของกระดูกลดน้อยลง เกิดกระดูกหักได้ง่ายขึ้น ในระยะแรกผู้ป่วยมักจะปกติดีจนกระทั่งเกิดอุบัติเหตุทำให้มีกระดูกหักเกิดขึ้น ทั้งที่เป็นอุบัติเหตุไม่รุนแรง เช่น ลื่นล้ม หรือ ตกเก้าอี้ แล้วเกิดกระดูกข้อมือหัก กระดูกสะโพกหัก

โรคกระดูกพรุนพบได้บ่อยเป็นลำดับที่ 2 รองจากโรคข้อเสื่อม โดยที่ไม่แสดงอาการผิดปกติ

ผู้หญิงมีโอกาสเป็นโรคนี้ถึงร้อยละ 30-40 ขณะที่ผู้ชายมีโอกาสเป็นโรคนี้เพียงร้อยละ 10 และพบว่าในผู้หญิงไทยอายุ 55 ปีเป็นโรคนี้ร้อยละ 20 แต่ในผู้หญิงที่อายุมากกว่า 65 ปี เป็นโรคนี้ถึงร้อยละ 60 จะเห็นว่าทุกคนมีโอกาสที่จะมีโรคกระดูกพรุนแอบแฝงอยู่

การสูญเสียเนื้อกระดูก เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ไม่สามารถเปลี่ยนกลับมาเหมือนเดิมได้ วิธีที่ดีที่สุดก็คือ การป้องกันและรักษาตั้งแต่เริ่มแรกก่อนจะเกิดกระดูกหัก ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เป็นโรคกระดูกพรุนก็คือ ได้รับแคลเซียมน้อยเกินไป

ปริมาณแคลเซียมที่ควรได้รับในแต่ละวันจะแตกต่างกัน เช่น

คนทั่วไป ควรได้รับวันละ 800 มิลลิกรัม

เด็กและวัยรุ่น ควรได้รับวันละ 800-1,200 มิลลิกรัม

ผู้หญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตร ควรได้รับวันละ 1,500-2,000 มิลลิกรัม

ผู้หญิงช่วงหมดประจำเดือน ควรได้รับวันละ 1,500 มิลลิกรัม

ผู้สูงอายุ ควรได้รับวันละ 1,000 มิลลิกรัม

อาหารที่มีแคลเซียมสูง เช่น น้ำนม กุ้งแห้ง กะปิ ผักใบเขียว ปลาเล็กปลาน้อยที่กินได้ทั้งตัว เต้าหู้เหลือง น้ำเต้าหู้ หรือ อาหารจานเดียว เช่น ข้าวขาหมู ข้าวหมูแดง ก๋วยเตี๋ยวผัดซีอิ๊วใส่ไข่ ข้าวราดไก่ผัดกระเพรา ขนมจีนน้ำยา เป็นต้น

อย่างไรก็ตามถ้าได้รับแคลเซียมจากแหล่งอาหารประจำวันอย่างพอเพียง ก็ไม่จำเป็นต้องได้แคลเซียมเสริม นอกจากบางคนอาจได้แคลเซียมจากอาหารไม่พอเพียง หรือ มีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคกระดูกพรุนอย่างชัดเจน

ถ้าได้รับแคลเซียมอย่างเพียงพอนานประมาณ 18 เดือน ก็จะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดกระดูกหักได้

ในผู้สูงอายุ ควรได้รับ แคลเซียม ร่วมกับ ฮอร์โมนเอสโตรเจน แคลซิโทนิน หรือ วิตามินดี ซึ่งจะช่วยให้แคลเซี่ยมถูกดูดซึมได้ดียิ่งขึ้น

วิตามินดี ส่วนใหญ่ได้รับจากแสงอาทิตย์ (ช่วงเช้า และ เย็น ) และ อาหาร ซึ่งค่อนข้างเพียงพอ ยกเว้นในผู้สูงอายุ ที่อยู่ในบ้าน ไม่ค่อยได้ออกไปตากแดด ทำให้ในผู้สูงอายุบางรายขาดวิตามินดี อาจต้องทานวิตามินดีเสริมด้วย

จากการศึกษาพบว่าในผู้ที่กินยาเม็ดแคลเซียมน้อยกว่าวันละ 2 กรัม ไม่พบว่ามีนิ่วในทางเดินปัสสาวะมากขึ้น และ ไม่ทำให้เกิดกระดูกงอกเพิ่มมากขึ้น (กระดูกงอกมักเกิดจากข้อเสื่อม ไม่เกี่ยวกับยาเม็ดแคลเซียม)



การเลือกชนิดของแคลเซียมเสริม ปัจจัยที่ควรพิจารณาเมื่อจะเลือกใช้แคลเซียมเสริม ได้แก่

1. ชนิดและปริมาณของเกลือแคลเซียม จะทำให้ร่างกายได้รับแตกต่างกันไป เช่น

แคลเซียมคาร์บอเนต ( calcium carbonate )
ได้รับแคลเซียมร้อยละ 40
แคลเซียมซิเตท ( calcium citrate )
ได้รับแคลเซียมร้อยละ 21
แคลเซียมแลคเตท ( calcium lactate )
ได้รับแคลเซียมร้อยละ 13
แคลเซียมกลูโคเนต ( calcium gluconate )
ได้รับแคลเซียมร้อยละ 9

2. ความสะดวกในการกิน จำนวนเม็ดที่ต้องกินในแต่ละวันขึ้นอยู่กับปริมาณแคลเซียมที่ต้องการ ถ้าเป็นยาที่มีแคลเซียมต่ำ เม็ดยาที่ต้องกินก็จะต้องมากขึ้น ทำให้ไม่สะดวก และ ทำให้ความสม่ำเสมอในการกินแคลเซียมน้อยลง

3. ราคา ราคาของยาเม็ดแคลเซียมแตกต่างกันมาก โดยทั่วไป ยาเม็ดธรรมดาจะราคาถูกว่ายาเม็ดแคปซูล ส่วนยาเม็ดฟู่จะราคาแพงที่สุด สำหรับผู้สูงอายุที่อาจมีปัญหาการดูดซึมของยาอาจจำเป็นต้องใช้แบบเม็ดฟู่

4. ส่วนผสมอื่น ๆ ในยาเม็ดแคลเซียม เช่น วิตามินดี วิตามินซี แร่ธาตุอื่น ๆ ในผู้ที่ขาดสารเหล่านี้ ก็จะได้ประโยชน์เพิ่มเติม แต่ผู้ที่ไม่ขาดสารเหล่านี้ก็ไม่จำเป็น เพราะยาเม็ดแคลเซียมที่มีส่วนผสมเสริมจะมีราคาแพงขึ้นไปด้วย

August 06, 2011

ROMANCE MATHEMATICS

ROMANCE MATHEMATICS
Smart man + smart woman = romance
ผู้ชายเท่ห์ + ผู้หญิงเก่ง = ความ โรแมนติก
Smart man + dumb woman = affair
ผู้ชายเก่ง + ผู้หญิงโง่ = ความใคร่*

Dumb man + smart woman = marriage
ผู้ชายโง่ + ผู้หญิงเก่ง = การแต่งงาน
Dumb man + dumb woman = pregnancy
ผู้ชายโง่ + ผู้หญิงโง่= ตั้ง ท้อง **

* OFFICE ARITHMETIC *
Smart boss + smart employee = profit
เจ้านายเก่ง + ลูกน้องเก่ง = กำไร **
Smart boss + dumb employee = production
เจ้านายเก่ง + ลูกน้องโง่ = ผล ผลิต **
Dum! b boss + smart employee = promotion
เจ้านายโง่ + ลูกน้องเก่ง = เลื่อน ตำแหน่ง
Dumb boss + dumb employee = overtime
เจ้านายโง่ + ลูกน้อง โง่=OT อย่าง เดียว **

* SHOPPING MATH *

A man will pay $2 for a $1 item he needs.
ผู้ชายจ่าย 2 บาท ต่อ ของ 1 ชิ้นที่เขาต้องการ
A woman will pay $1 for items that she doesn't need.
แต่ ผู้หญิง จ่าย 1 บาท ต่อ ของหลายๆชิ้น ที่เธอไม่ต้อง การ **

* GENERAL EQUATIONS & STATISTICS *

A woman worries about the future until she gets a husband.
ผู้หญิงจะกังวลเกี่ยวกับอนาคตจนกว่าจะ มีสามี **
A man never worries about the future until he gets a wife.
แต่ ผู้ชายไม่เคยกังวลเลยเกี่ยวก ับอนาคตเลยจนกระทั่งมีภรรยา**
A successful man is one who makes more money than his wife can spend.
ผู้ชายที่ประสบความสำเร็จ คือ คนที่สามารถหาเงินได้มากกว่าที่ภรรยาใช้ **
A successful woman is one who can find such a man.
แต่ผู้หญิงที่ประสบความสำเร็จ คือ คนที่สามารถหาสามีได้อย่างคนข้างบน **

* HAPPINESS *

To be happy with a man, you must understand him a lot and love him a little.
การจะมีความสุขกับผู้ชายคนนึง คุณจะต้องเข้าใจเค้ามากๆ แต่รักเค้า น้อยๆ
To be happy with a woman, you must love her a lot and not try to understand her at all.
การจะมีความสุขกับผู้หญิงคนนึง คุณต้องรักเธอมากๆ และไม่ต้องพยายามอะไรในตัวเธอ ทั้งสิ้น **

* LONGEVITY *

Married men live longer than single men do, but married menare a lot more willing to die.
ผู้ชายที่แต่งงานแล้วจะมีอายุยืนกว่าชายโสด แต่ชายที่แต่งงานแล้วกลับ เต็มใจเลือกที่จะตายมากกว่าอยู่**

* PROPENSITY TO CHANGE *
A woman marries a man expecting he will change, but he doesn't. **
ผู้หญิงแต่งงานกับผู้ชายคนนึงและหวัง ว่าจะเปลี่ยน แปลงเค้าได้ แต่ผู้ชายไม่ เปลี่ยน*
A man marries a woman expecting that she won't change, and she does. **
ส่วน ผู้ชายแต่ง งานกับผู้หญิงและหวังว่าเธอคงจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่เธอก็ เปลี่ยน **

* DISCUSSION TECHNIQUE *
A woman has the last word in any argument.
ผู้หญิงมักมี คำพูดสุดท้ายในการโต้เถียง
Anything a man says after that is the beginning of a new argument.
แต่อะไรก็ตามที่ผู้ชายพูดออกมาต่อจากนั้น จะเป็นการเริ่มการโต้เถียง ครั้งใหม่ *

คัดลอกมาจาก comment